คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท อังศุสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 825 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากสัญญาซื้อขายสลากเถื่อนเป็นโมฆะ ผู้รับเช็คทราบเหตุไม่มีสิทธิฟ้อง
สัญญาที่คนเดินโพยต้องรวบรวมเงินที่ได้จากการขายสลากกินรวบไปมอบให้แก่เจ้ามือเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เช็คพิพาทที่จำเลยคนเดินโพยออกให้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์รับเช็คไว้โดยทราบถึงมูลหนี้อันมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอบังคับการชำระหนี้ได้ โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายได้จากการประกอบวิชาชีพทนายความ ไม่ถือเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 307 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 (4) มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่าคำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้ จึงชอบแล้ว
แม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบวิชาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าวไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรม ในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแทนการขายทอดตลาด ต้องพิจารณาว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือการประกอบพาณิชยกรรมหรือไม่
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) มิได้บังคับว่าศาลต้องทำการไต่สวนทุกกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่ศาลมีอำนาจจะไต่สวนตามคำขอหรือไม่แล้วแต่ศาลจะพิจารณาเห็นสมควร กรณีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะเห็นว่า คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยมาตรา 307 ดังนี้ แม้จะไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องขอก็ไม่อาจมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขอนั้นได้ จึงชอบแล้ว
แม้จำเลยจะมีสำนักงานตั้งอยู่บนอสังหาริมทรัพย์รายได้จากการเป็นทนายความของจำเลยก็เกิดจากการประกอบวิชาชีพของจำเลยนั่นเอง รายได้จากการใช้วิชาชีพดังกล่าวไม่ใช่เป็นการค้าหรือมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกับการประกอบการพาณิชยกรรม จึงถือไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากอสังหาริมทรัพย์หรือรายได้จากการประกอบพาณิชยกรรมในอันที่จะให้ศาลมีคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การพิจารณาโทษจำเลยต้องอ้างอิงตามข้อเท็จจริงที่ระบุในคำฟ้องเท่านั้น แม้จะมีข้อเท็จจริงใหม่จากการพิจารณา
ฟ้องว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครอง6 เม็ด และขายแก่ผู้มีชื่อไป หมายความชัดเจนว่าจำเลยขายไปหมด เป็นความผิดกรรมเดียว ข้อที่ว่าจำเลยจำหน่าย 1 เม็ด เหลือ 5 เม็ด ไม่ได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3293/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการปลอมเอกสารเบิกจ่ายเงินค่าแรงและเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อชำระหนี้
จำเลยเป็นข้าราชการ ตำแหน่งนายช่างควบคุมหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง สังกัดกรมชลประทาน มีหน้าที่ควบคุมดูแลการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง จัดซื้อดูแลรักษาพัสดุ และน้ำมันเชื้อเพลิงและควบคุมการใช้จ่ายเงินตลอดทั้งเบิกเงินและจ่ายเงินให้แก่คนงาน จำเลยร่วมกับ ค.พนักงานบัญชีปลอมเอกสารบัญชีรายชื่อคนงาน และลายมือชื่อคนงาน และใช้เอกสารปลอมดังกล่วไปเบิกเงินค่าแรง เมื่อได้รังเงินที่เบิกตามเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ลงชื่อเป็นผู้จ่ายเงิน และค.ลงชื่อเป็นพยานในเอกสาร โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าแรงนั้นให้แก่บุคคลที่มีชื่อในเอกสาร แต่จำเลยเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ การที่จำเลยปลอม ใช้เอกสารปลอมและรับรองข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารดังกล่าวข้างต้น ก็โดยมีเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าแรงที่เบิกมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราวๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง ไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงอันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3293/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสารเบิกจ่ายเงินและยักยอกทรัพย์โดยการหักชำระหนี้
จำเลยเป็นข้าราชการ ตำแหน่งนายช่างควบคุมหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกงสังกัดกรมชลประทานมีหน้าที่ควบคุมดูแลการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง จัดซื้อดูแลรักษาพัสดุและน้ำมันเชื้อเพลิงและควบคุมการใช้จ่ายเงินตลอดทั้งเบิกเงินและจ่ายเงินให้แก่คนงาน จำเลยร่วมกับค. พนักงานบัญชีปลอมเอกสารบัญชีรายชื่อคนงาน และลายมือชื่อคนงาน และใช้เอกสารปลอมดังกล่าวไปเบิกเงินค่าแรง เมื่อได้รับเงินที่เบิกตามเอกสารดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ลงชื่อเป็นผู้จ่ายเงิน และ ค. ลงชื่อเป็นพยานในเอกสาร โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินค่าแรงนั้นให้แก่บุคคลที่มีชื่อในเอกสาร แต่จำเลยเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ดังนี้ การที่จำเลยปลอม ใช้เอกสารปลอมและรับรองข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารดังกล่าวข้างต้น ก็โดยมีเจตนาเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเบียดบังเงินค่าแรงที่เบิกมาเป็นประโยชน์ส่วนตัว การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
เดิมห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่โดยทางราชการได้ขอยืมวัสดุและสิ่งของมาเพื่อใช้ประโยชน์ ต่อมาจำเลยซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. เพื่อใช้ราชการในหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกง แต่ไม่ได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อไป คงฝากไว้ที่ห้างฯ เพราะที่หน่วยก่อสร้างไม่มีที่เก็บน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อต้องการใช้ก็จะไปรับน้ำมันเชื้อเพลิงจากห้างฯ ดังกล่าวเป็นคราว ๆ ตามหลักฐานใบนำส่งน้ำมันเชื้อเพลิงของห้างฯ ปรากฏว่าได้ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อให้หน่วยก่อสร้างครบถ้วนแล้ว แต่ความจริงหน่วยก่อสร้างได้รับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ครบ เพราะมีการหักชำระหนี้ซึ่งห้างฯ เป็นเจ้าหนี้ทางราชการอยู่ การที่จำเลยไม่ตั้งงบประมาณและเบิกเงินจากจากงบประมาณมาชำระหนี้ให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. กลับเอาน้ำมันเชื้อเพลิงของหน่วยก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยแกงไปชำระหนี้ให้แก่ห้างฯ ดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงปฏิบัติผิดระเบียบของทางราชการเท่านั้น ไม่เป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิง อันจะเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากเหตุประทุษร้ายอันใกล้จะถึงตัว แม้ถูกยิงก่อน แต่มีเหตุสมควรเชื่อว่าถูกยิงซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่ 2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ + จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ทันที ดังนี้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุ+อันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงสวนเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากผู้ที่ถืออาวุธและแสดงท่าทีจะทำร้ายซ้ำ
จำเลยที่ 1 เมาสุราถือปืนคาไบน์ส่งเสียงเอะอะในบริเวณงาน จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตำรวจสถานีเดียวกันยื้อยุดฉุดตัวจำเลยที่ 1 กลับบ้าน ระหว่างนี้เองปืนคาไบน์ในมือจำเลยที่ 1 ลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกจำเลยที่2 ที่ท้องทะลุหลัง ปืนลั่นแล้วจำเลยที่ 1 ยังตามเข้าไปเตะจำเลยที่ 2 มีคนเข้าช่วยแย่งปืน ปืนของจำเลยที่ 1 ได้ลั่นขึ้นอีก 1 นัด เป็นเหตุให้ จำเลยที่ 2 เข้าใจในขณะนั้นว่าจำเลยที่ 1 ตามเข้าไปเพื่อจะยิงซ้ำ จำเลยที่ 2 จึงได้ใช้ปืนพกที่มีอยู่ยิงจำเลยที่ 1 ไปในทันทีถูกที่ขาจำเลยที่ 1 ดังนี้ เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่ผู้ก่อเหตุและกระทำไปด้วยความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงถึงภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และใกล้จะถึงตัว จำเลยที่ 2 มีสิทธิจะป้องกันชีวิตของตนได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 62ประกอบด้วยมาตรา 68

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากฐานะการเงินของนายจ้าง และสิทธิการได้รับค่าชดเชยและค่าล่วงเวลาของลูกจ้าง
บริษัทนายจ้างประกาศหยุดพักการผลิตและปิดโรงงานเพราะเงินทุนและวัตถุดิบไม่พอ ไม่ได้อ้างข้อที่คนงานหยุดงาน จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่นายจ้างจะไม่จ่ายเงินชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3065/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายถอนฟ้อง สิทธิฟ้องระงับ
ความผิดอันยอมความได้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องอัยการโจทก์ฎีกา ก่อนส่งสำนวนไปศาลฎีกา ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี
of 83