พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนในการบรรยายฟ้องกรณีทางพิพาท: ศาลพิจารณาจากข้อหาและคำขอเป็นหลัก
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทนอกจากเป็นถนนสาธารณะแล้วยังเป็นทางภาระจำยอมและทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์จำเลยทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ขอให้รื้อรั้วและทำสภาพที่ดินให้เหมือนเดิม ดังนี้ ข้อหาตามฟ้องคือจำเลยปิดกั้นทางพิพาทโดยจำเลยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และคำขอบังคับคือให้จำเลยรื้อรั้วและทำสภาพที่ดินให้เหมือนเดิม ส่วนข้อความที่ว่าทางพิพาทเป็นถนนสาธารณะ เป็นทางภาระจำยอม และเป็นทางจำเป็นเป็นเพียงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปว่าความจริงเป็นอย่างไรคำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดเท่าที่โจทก์จะกระทำได้ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2860/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องรื้อรั้วปิดทาง: การบรรยายฟ้องทางสาธารณะ ทางภารจำยอม และทางจำเป็น ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ทางพิพาทนอกจากเป็นถนนสาธารณะแล้วยังเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นแก่ที่ดินของโจทก์ จำเลยทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย ขอให้รื้อรั้วและทำสภาพที่ดินให้เหมือนเดิม ดังนี้ ข้อหาตามฟ้องคือจำเลยปิดกั้นทางพิพาทโดยจำเลยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และคำขอบังคับคือให้จำเลยรื้อรั้วและทำสภาพที่ดินให้เหมือนเดิม ส่วนข้อความที่ว่าทางพิพาทเป็นถนนสาธารณะ เป็นทางภารจำยอม และเป็นทางจำเป็น เป็นเพียงข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องพิจารณาต่อไปว่าความจริงเป็นอย่างไร คำบรรยายฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการบรรยายโดยแจ้งชัดเท่าที่โจทก์จะกระทำได้ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 172 ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2647/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายกที่ดินให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์ ทำให้การปลูกสร้างอาคารในที่ดินนั้นโดยทายาท เป็นการกระทำโดยปราศจากสิทธิ
เจ้าของที่ดินคนเดิมได้แสดงเจตนายกที่ดินพิพาทของตนบางส่วนให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์ไปแล้วก่อนที่โจทก์ซื้อมา การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้าของเดิมปลูกสร้างอาคารและรั้วในที่พิพาทจึงเป็นการกระทำโดย ปราศจากสิทธิที่จะอ้างได้โดยชอบ และทำให้โจทก์เสียหาย เพราะปิดบังหน้าที่ดินและทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ที่จะไปสู่ถนนใหญ่ จึงต้องรื้อถอนออกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2647/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์โดยเจตนา การก่อสร้างรุกล้ำที่ดินสาธารณะ และผลกระทบต่อสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดินของผู้อื่น
เจ้าของที่ดินคนเดิมได้แสดงเจตนายกที่ดินพิพาทของตนบางส่วนให้เป็นถนนสาธารณประโยชน์ไปแล้วก่อนที่โจทก์ซื้อมา การที่จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้าของเดิมปลูกสร้างอาคารและรั้วในที่พิพาทจึงเป็นการกระทำโดยปราศจากสิทธิที่จะอ้างได้โดยชอบ และทำให้โจทก์เสียหายเพราะปิดบังหน้าที่ดินและทางเข้าออกจากที่ดินของโจทก์ที่จะไปสู่ถนนใหญ่ จึงต้องรื้อถอนออกไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ จำเลยผู้ครอบครองมีสิทธิดีกว่า
ที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันโจทก์จะอ้างความเป็นเจ้าของหรือสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทไม่ได้เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ จำเลยที่ 2 ย่อมมีสิทธิในที่ดินนั้นดีกว่าโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดิน: การครอบครองก่อนกฎหมาย และการปฏิบัติตามขั้นตอนการหวงห้ามที่ดินสาธารณะ
คำว่า 'ที่ดินรกร้างว่างเปล่า' ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) ตรงกับคำว่า 'ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน' ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 การดำเนินการจัดหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำเป็นที่สาธารณะประจำตำบลและหมู่บ้านตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยถึงคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว กล่าวคือต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งมีผลบังคับอยู่ในขณะนั้นแม้จะได้มีการขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ก็ไม่มีผลให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านไปได้ โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางราชการได้ออกใบเหยียบย่ำให้ เมื่อประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้แล้ว ทั้งยังครอบครองตลอดมา ที่พิพาทจึงเป็นสิทธิของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณะต้องปฏิบัติตามกม.หวงห้าม หากไม่ปฏิบัติตามสิทธิเดิมของผู้ครอบครองยังคงอยู่
คำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่า" ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304(1)ตรงกับคำว่า "ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน"ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 การดำเนินการจัดหาที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทำเป็นที่สาธารณะประจำตำบล และหมู่บ้านตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยถึงคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดนั้น จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวกล่าวคือต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อไม่ปรากฏว่า ได้มีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินฯ ซึ่งมีผลบังคับอยู่ในขณะนั้นแม้จะได้มีการขึ้นทะเบียนที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้าน ก็ไม่มีผลให้ที่พิพาทเป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านไปได้ โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ทางราชการได้ออกใบเหยียบย่ำให้ เมื่อประกาศใช้ ป.ที่ดินโจทก์ได้แจ้งการครอบครองไว้แล้ว ทั้งยังครอบครองตลอดมา ที่พิพาทจึงเป็นสิทธิของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินวัด การบุกรุก และการพิสูจน์อาณาเขตที่ดินตามทะเบียนวัด
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงแห่งข้อหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศเหนือซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง เนื้อที่150 ตารางวา ทำให้โจทก์เสียหาย โดยมีแผนที่สังเขปแสดงแนวเขตที่ดินของโจทก์ส่วนที่จำเลยบุกรุกแนบมาท้ายฟ้อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องด้วยและมีคำขอบังคับขอให้ขับไล่และให้ใช้ค่าเสียหาย ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักข้อหาชัดเจนชอบด้วย ป.ว.พ. มาตรา 172 แล้ว จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์เป็นวัดที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้บางครั้งจะไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ในวัดโดยมีลักษณะเป็นวัดร้าง แต่เมื่อไม่มีการยุบเลิกวัด จึงต้องถือว่ายังคงมีฐานะเป็นวัดอยู่
ที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นที่ลาดลงไปสู่แม่น้ำถูกน้ำท่วมถึงเป็นบางฤดูกาล เพราะที่ดินส่วนนี้ถูกน้ำเซาะพังเป็นที่ลาดต่ำลงไป เมื่อไม่ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าใช้ที่ส่วนนี้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ที่ส่วนนี้ก็ยังเป็นที่ดินของโจทก์ หากลายเป็นทางน้ำหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
โจทก์เป็นวัดที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้บางครั้งจะไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ในวัดโดยมีลักษณะเป็นวัดร้าง แต่เมื่อไม่มีการยุบเลิกวัด จึงต้องถือว่ายังคงมีฐานะเป็นวัดอยู่
ที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นที่ลาดลงไปสู่แม่น้ำถูกน้ำท่วมถึงเป็นบางฤดูกาล เพราะที่ดินส่วนนี้ถูกน้ำเซาะพังเป็นที่ลาดต่ำลงไป เมื่อไม่ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าใช้ที่ส่วนนี้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ที่ส่วนนี้ก็ยังเป็นที่ดินของโจทก์ หากลายเป็นทางน้ำหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินวัด การพิสูจน์อาณาเขต และการบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อเท็จจริงแห่งข้อหาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศเหนือซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง เนื้อที่ 150ตารางวา ทำให้โจทก์เสียหาย โดยมีแผนที่สังเขปแสดงแนวเขตที่ดินของโจทก์ส่วนที่จำเลยบุกรุกแนบมาท้ายฟ้อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องด้วยและมีคำขอบังคับขอให้ขับไล่และให้ใช้ค่าเสียหาย ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักข้อหาชัดเจนชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 แล้วจึงไม่เคลือบคลุม โจทก์เป็นวัดที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้บางครั้งจะไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ในวัดโดยมีลักษณะเป็นวัดร้าง แต่เมื่อไม่มีการยุบเลิกวัด จึงต้องถือว่ายังคงมีฐานะเป็นวัดอยู่ ที่ดินของโจทก์ส่วนที่เป็นที่ลาดลงไปสู่แม่น้ำถูกน้ำท่วมถึงเป็นบางฤดูกาล เพราะที่ดินส่วนนี้ถูกน้ำเซาะ พัง เป็นที่ลาดต่ำลงไปเมื่อไม่ปรากฏว่ามีประชาชนเข้าใช้ที่ส่วนนี้เพื่อประโยชน์ร่วมกันที่ส่วนนี้ก็ยังเป็นที่ดินของโจทก์ หา กลาย เป็นทางน้ำหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: ผู้ยึดถือไม่มีสิทธิในที่ดินและฟ้องขับไล่ไม่ได้
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ โจทก์ผู้ยึดถือครอบครองอยู่จึงไม่มีสิทธิให้เช่า การที่โจทก์ให้ผู้อื่นเช่า จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ผู้อื่น และผู้ยึดถือครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะหวงกันผู้อื่นได้ก็แต่ขณะที่ยึดถือครอบครองอยู่ เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือครอบครองเสียแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ครอบครอง