พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนองน้ำสาธารณะ: สิทธิการครอบครอง ส.ค.1 ไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่สาธารณะ
หนองน้ำธรรมชาติที่ราษฎรใช้น้ำเป็นประโยชน์ร่วมกันมาช้านานเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ไม่ต้องขึ้นทะเบียนทางราชการ แม้โจทก์มี ส.ค.1 ครอบครองเสียภาษีบำรุงท้องที่ฟ้องคดีผู้บุกรุก ก็ไม่ได้สิทธิในที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางสาธารณะและทางส่วนบุคคลทำให้เจ้าของที่ดินเสียหาย มีสิทธิฟ้องให้รื้อถอนได้
แม้ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่เป็นที่ดินคันคลอง อยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน มิใช่เป็นที่ดินของโจทก์ทั้งสอง แต่โดยเหตุที่ที่ดินส่วนนั้นเป็นทางสาธารณะ และเป็นที่ดินคันคลองสาธารณะ ซึ่งประชาชนรวมทั้งโจทก์ทั้งสองมีสิทธิที่จะใช้สอยร่วมกัน และบ้านที่จำเลยสร้างขึ้นบังหน้าที่ดินของโจทก์ที่ 1 ทางด้านคันคลอง และปิดกั้นทางส่วนบุคคลซึ่งโจทก์ทั้งสองใช้ในการไปมาจากที่ดินโจทก์ทั้งสองสู่ทางสาธารณะดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองไม่สามารถเข้าออกไปมายังคันคลองอันเป็นทางสาธารณะ และไม่มีความสะดวกในการที่จะใช้น้ำในคลองสาธารณะ ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย เพราะการกระทำของจำเลยเป็นพิเศษ โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นทำความเสียหายให้โจทก์ทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย การโอนกรรมสิทธิ์ และอำนาจฟ้องของเจ้าหน้าที่ปกครอง
การที่เจ้าของที่ดินเดิมได้ปลูกต้นพู่ระหงไว้เป็นแนวเขตที่ของตนโดยเว้นที่นอกเขตรั้วพู่ระหงไว้ให้เป็นทางคนเดินและประชาชนได้ใช้ทางสายนี้ติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว โดยเจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดนั้น แสดงว่าได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณประโยชน์แล้วโดยปริยาย และการที่จะเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือทางหลวงนั้น ก็หาจำต้องมีทะเบียนหรือมีหลักฐานของทางราชการสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดไม่
ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา การที่จำเลยโอนที่พิพาทอันเป็นทางสาธารณประโยชน์ให้บุคคลอื่น จึงใช้บังคับไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา122 กำหนดให้กรมการอำเภอมีหน้าที่คอยตรวจตรารักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์มิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ต่อมามี พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสาม ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ และตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ได้บัญญัติให้หัวหน้าเขตมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายใด ๆ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอและหัวหน้าส่วนอำเภอ โจทก์ในฐานะหัวหน้าเขตบางกอกน้อยผู้มีหน้าที่ตรวจตรารักษาทางสาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา การที่จำเลยโอนที่พิพาทอันเป็นทางสาธารณประโยชน์ให้บุคคลอื่น จึงใช้บังคับไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา122 กำหนดให้กรมการอำเภอมีหน้าที่คอยตรวจตรารักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์มิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ต่อมามี พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสาม ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ และตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ได้บัญญัติให้หัวหน้าเขตมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายใด ๆ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอและหัวหน้าส่วนอำเภอ โจทก์ในฐานะหัวหน้าเขตบางกอกน้อยผู้มีหน้าที่ตรวจตรารักษาทางสาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 383/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การบุกรุกต้องกระทบสิทธิครอบครองของผู้อื่น
กรณีจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา362,365 ได้ต้องเป็นเรื่องกระทำต่อสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304 กรมประมงได้ประกาศให้เป็นที่จับสัตว์น้ำประเภทที่อนุญาตตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 7และอนุญาตให้โจทก์ทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดังนี้ โจทก์คงมีแต่เพียงสิทธิตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หามีสิทธิครอบครองหนองน้ำพิพาทไม่ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบัวในหนองดังกล่าวจึงไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกแต่อย่างใด
ที่พิพาทเป็นหนองน้ำสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304 กรมประมงได้ประกาศให้เป็นที่จับสัตว์น้ำประเภทที่อนุญาตตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2490 มาตรา 7และอนุญาตให้โจทก์ทำการประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ดังนี้ โจทก์คงมีแต่เพียงสิทธิตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น หามีสิทธิครอบครองหนองน้ำพิพาทไม่ การที่จำเลยเข้าไปปลูกบัวในหนองดังกล่าวจึงไม่ทำให้โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ฐานบุกรุกและสิทธิในที่ดิน: แม้มีการผ่อนผันก็ไม่ถือเป็นการยินยอม และการใช้ประโยชน์ต่อเนื่องย่อมแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ
เมื่อข้อความในบันทึกตามรายงานประจำวันแสดงถึงเจตนาของโจทก์กับพวกจะว่ากล่าวเอาผิดฐานบุกรุกแก่จำเลยแล้ว ก็ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว แม้จะมีข้อความว่าโจทก์กับพวกผ่อนผันให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 2 เดือนก็ตาม ก็เป็นเพียงรอการดำเนินคดีไว้เท่านั้น หาใช่โจทก์ยินยอมไม่เอาความกับจำเลยต่อไปแต่ประการใดไม่
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาทจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่ มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาทจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่ มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3068/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ครอบครองมีสิทธิดีกว่า แม้มีโฉนด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
ในคดีอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกที่พิพาทในคดีนี้ โจทก์เป็นผู้เสียหายและพยาน ถือได้ว่าคดีนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว ในคดีอาญาดังกล่าวศาลฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ศาลซึ่งพิพากษาคดีนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
จำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อน เมื่อที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จำเลยหรือผู้ใดย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง แต่ผู้ใดครอบครองอยู่ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเมื่อจำเลยครอบครองอยู่ จำเลยย่อมมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
จำเลยครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อน เมื่อที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จำเลยหรือผู้ใดย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง แต่ผู้ใดครอบครองอยู่ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นเมื่อจำเลยครอบครองอยู่ จำเลยย่อมมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798-2799/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินชลประทานสาธารณสมบัติ: การขยายเขต, อำนาจฟ้อง, และผลกระทบต่อโฉนด
เมื่อมีประกาศกระแสพระบรมราชโองการ เรื่อง ขยายการหวงห้าม และจัดซื้อที่ดินสำหรับการชลประทาน แต่เขตที่ดิน ตามที่ประกาศหวงห้ามไม่เพียงพอเนื่องจากสภาพเป็นดินเหลว ต้องใช้ที่ดินจำนวนมาก กรมชลประทานจึงกันเขตเกินที่กำหนด ไว้ในประกาศกระแสพระบรมราชโองการในการกันเขตนั้นตอนใดที่มี เจ้าของครอบครองอยู่ก็จ่ายเงินซื้อ ถ้าไม่มีเจ้าของก็ ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ การที่กรมชลประทานได้รังวัดปัก เขตที่ดินดังกล่าวเช่นนี้แล้ว ที่ดินนั้นก็ต้องถือว่า เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แล้ว ไม่ต้องมีกฎหมายพิเศษให้อำนาจ กรมชลประทานหวงห้ามอย่างใดอีก
ที่ดินที่ใช้สำหรับการชลประทาน กรมชลประทานมีหน้าที่ดูแล รักษาที่ดินดังกล่าวจึงมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้
การที่อธิบดีกรมชลประทานไม่ขัดข้องในการที่มีผู้ขอออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ทำให้ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะนั้นหมดไป กรมชลประทานยังมีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยกล่าวอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ได้ให้การไว้นั้น เป็นการ กล่าวอ้าง ข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น
สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วศาลมีอำนาจที่จะเรียกสำนวนคดีอื่นที่เกี่ยวกับคดีมาประกอบการพิจารณาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม ที่บัญญัติให้อำนาจศาลไว้ว่า เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมก็ย่อมทำได้
ที่ดินที่ใช้สำหรับการชลประทาน กรมชลประทานมีหน้าที่ดูแล รักษาที่ดินดังกล่าวจึงมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้
การที่อธิบดีกรมชลประทานไม่ขัดข้องในการที่มีผู้ขอออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ทำให้ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะนั้นหมดไป กรมชลประทานยังมีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยกล่าวอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ได้ให้การไว้นั้น เป็นการ กล่าวอ้าง ข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น
สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วศาลมีอำนาจที่จะเรียกสำนวนคดีอื่นที่เกี่ยวกับคดีมาประกอบการพิจารณาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม ที่บัญญัติให้อำนาจศาลไว้ว่า เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมก็ย่อมทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2798-2799/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเหนือที่ดินชลประทาน: การขยายเขต, สาธารณสมบัติ, อำนาจฟ้อง, และการรังวัด
เมื่อมีประกาศกระแสพระบรมราชโองการเรื่องขยายการหวงห้ามและจัดซื้อที่ดินสำหรับการชลประทาน แต่เขตที่ดินตามที่ประกาศหวงห้ามไม่เพียงพอเนื่องจากสภาพเป็นดินเหลวต้องใช้ที่ดินจำนวนมาก กรมชลประทานจึงกันเขตเกินที่กำหนดไว้ในประกาศกระแสพระบรมราชโองการในการกันเขตนั้น ตอนใดที่มีเจ้าของครอบครองอยู่ก็จ่ายเงินซื้อ ถ้าไม่มีเจ้าของก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อ การที่กรมชลประทานได้รังวัดปักเขตที่ดินดังกล่าวเช่นนี้แล้ว ที่ดินนั้นก็ต้องถือว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน อันเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (3) แล้ว ไม่ต้องมีกฎหมายพิเศษให้อำนาจกรมชลประทานหวงห้ามอย่างใดอีก
ที่ดินที่ใช้สำหรับการชลประทาน กรมชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินดังกล่าวจึงมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้
การที่อธิบดีกรมชลประทานไม่ขัดข้องในการที่มีผู้ขอออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ไม่ทำให้ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะนั้นหมดไป กรมชลประทานยังมีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยกล่าวอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ได้ให้การไว้นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น
สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วศาลมีอำนาจที่จะเรียกสำนวนคดีอื่นที่เกี่ยวกับคดีมาประกอบการพิจารณาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 3 ที่บัญญัติให้อำนาจศาลไว้ว่า เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมก็ย่อมทำได้
ที่ดินที่ใช้สำหรับการชลประทาน กรมชลประทานมีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินดังกล่าวจึงมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่ดินนั้นได้
การที่อธิบดีกรมชลประทานไม่ขัดข้องในการที่มีผู้ขอออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ไม่ทำให้ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับที่ดินสาธารณะนั้นหมดไป กรมชลประทานยังมีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยกล่าวอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ได้ให้การไว้นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อที่มิได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้น
สืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จแล้วศาลมีอำนาจที่จะเรียกสำนวนคดีอื่นที่เกี่ยวกับคดีมาประกอบการพิจารณาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรค 3 ที่บัญญัติให้อำนาจศาลไว้ว่า เมื่อศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเป็นการจำเป็นที่จะต้องนำพยานหลักฐานอื่นอันเกี่ยวกับประเด็นในคดีมาสืบเพิ่มเติมก็ย่อมทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินในเขตป่าสงวนฯ ไม่อาจโอนได้ การกระทำไม่ถึงฐานโกงเจ้าหนี้
แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะเป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยทั้งสองก็ไม่มีสิทธิครอบครองอันจะนำไปโอนให้แก่จำเลยที่ 3 หรือบุคคลอื่นได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ การโอนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 จะเป็นผู้ครอบครองที่ดินซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยทั้งสองก็ไม่มีสิทธิครอบครองอันจะนำไปโอนให้แก่จำเลยที่ 3 หรือบุคคลอื่นได้ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย