คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1304

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องทางสาธารณะ/ภารจำยอมไม่เคลือบคลุม การนำสืบพยานบุคคลประกอบข้อเท็จจริงได้ แม้เอกสารไม่ตรง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แต่ตอนท้ายคำฟ้องบรรยายว่า หรือไม่เช่นนั้นทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมโดยอายุความแล้วนั้น ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
การนำสืบเขตติดต่อที่ดินที่มีโฉนด ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงย่อมนำสืบพยานบุคคลได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์ด้านหนึ่งติดที่ดินโฉนดของจำเลย ครั้นนำสืบกลับนำสืบว่าที่ดินของโจทก์ติดทางสาธารณะซึ่งเป็นการนำสืบในประเด็นข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าที่ดินของจำเลยซึ่งติดกับที่ดินโจทก์ตามฟ้องตกเป็นทางสาธารณะหรือตกอยู่ในภารจำยอมไปแล้ว หาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) ไม่
โจทก์ฟ้องหรือนำพยานเข้าสืบโดยพยานจะเรียกทางพิพาทว่าเป็นทางสาธารณะหรือทางภารจำยอมนั้น หาทำให้ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือภารจำยอมตามที่เรียกขานไม่ หากฟังได้ว่าเป็นทางภารจำยอม ศาลย่อมจะพิพากษาได้ว่าทางพิพาทเป็นทางตกอยู่ในภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติโดยไม่สุจริต โจทก์มีสิทธิขับไล่และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้
จำเลยสร้างโรงเรือนลงในที่ดินราชพัสดุอันเป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิถึงหากจะเป็นการสร้างโดยสุจริต กรณีก็ไม่ต้องด้วยมาตรา 1310 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะนำมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1159/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติโดยไม่สุจริต โจทก์มีสิทธิขับไล่และรื้อถอนได้
จำเลยสร้างโรงเรือนลงในที่ดินราชพัสดุอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิถึงหากจะเป็นการสร้างโดยสุจริต กรณีก็ไม่ต้องด้วยมาตรา 1310 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะนำมาตราดังกล่าวมาใช้บังคับหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1159/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำเป็น: ที่ดินอยู่ในที่ล้อม แม้ลำห้วยตื้นเขินก็ไม่อาจใช้เป็นทางสาธารณะได้
ลำห้วยซึ่งตื้นเขินใช้เป็นทางสัญจรไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นทางสาธารณะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิช มาตรา 1349
โจทก์จำเลยรับกันว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้นอกจากทางเหนือที่ดินโจทก์ที่จดลำห้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ตื้นเขินใช้เป็นทางสัญจรไม่ได้แล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้ เพื่อออกสู่ทางสาธารณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 116/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางจำเป็น: ที่ดินล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ แม้ลำห้วยตื้นเขินก็ถือเป็นทางจำเป็นได้
ลำห้วยซึ่งตื้นเขินใช้เป็นทางสัญจรไม่ได้ ไม่ถือว่าเป็นทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349
โจทก์จำเลยรับกันว่าที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ นอกจากทางเหนือที่ดินโจทก์ที่จดลำห้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ตื้นเขินใช้เป็นทางสัญจรไม่ได้แล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิใช้ทางจำเป็นผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้ เพื่อออกสู่ทางสาธารณะได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินสาธารณประโยชน์: การใช้ประโยชน์ร่วมกันโดยไม่ต้องมีเอกสารทางราชการ และการพิสูจน์สภาพที่ดิน
ที่ดินซึ่งประชาชนในหมู่บ้านใช้ร่วมกันสำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะโคกระบือและเป็นที่ป่าช้ามา 80 ปี เศษแล้ว เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) คือ ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น เกิดขึ้นและเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดิน และการใช้ร่วมกันของประชาชน โดยไม่ต้องมีประกาศพระราชกฤษฎีกาสงวนไว้หรือขึ้นทะเบียนหรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เช่นนั้น ทั้งผู้ใดไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้
จำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหาว่าแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีประเด็นโดยตรงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช่ร่วมกันหรือไม่ แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา ก็จะนำคำพิพากษานั้นมาใช้ยันในคดีแพ่งซึ่งนายอำเภอเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่สาธรณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินใช้ประโยชน์ร่วมกัน 80 ปีเศษ ถือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ต้องมีเอกสารราชการ
ที่ดินซึ่งประชาชนในหมู่บ้านใช้ร่วมกันสำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะโคกระบือและเป็นที่ป่าช้ามา 80 ปีเศษแล้วเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) คือ ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็น ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้นเกิดขึ้นและเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดิน และการใช้ร่วมกันของประชาชน โดยไม่ต้องมีประกาศพระราชกฤษฎีกาสงวนไว้หรือขึ้นทะเบียนหรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เช่นนั้นทั้งผู้ใดไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้
จำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหาว่าแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีประเด็นโดยตรงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหรือไม่ แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา ก็จะนำคำพิพากษานั้นมาใช้ยันในคดีแพ่งซึ่งนายอำเภอเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินย่อมไม่เกิดจากการครอบครองทับทางสาธารณะ แม้มี ส.ค.1 หรือ น.ส.3
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้องเพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินพิพาท: การแจ้งการครอบครอง/น.ส.3 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิหากที่ดินเป็นทางสาธารณะ
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เพราะมีหนังสือแจ้งการครอบครอง(ส.ค.1) และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เป็นพยานหลักฐานจำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ แผนที่ที่ดินที่ปรากฏตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3 ท้ายฟ้องโจทก์ยังไม่ถูกต้อง เพราะความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งประเด็นโต้แย้งโดยชัดแจ้งในคำให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ กับปฏิเสธแผนที่ตามสำเนา ส.ค.1 และ น.ส.3ท้ายฟ้องโจทก์ว่า ยังไม่ถูกต้อง จึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเพียงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์จริงดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จึงต้องเป็นฝ่ายนำสืบก่อน
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของถนนหรือทางสาธารณะ แม้โจทก์จะแจ้งการครอบครองหรือมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณะ การรบกวนการครอบครอง และอำนาจฟ้อง
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกันคู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้
of 86