พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินริมตลิ่งถูกกีดขวาง – การใช้ประโยชน์จากที่สาธารณสมบัติ
ที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น ผู้ใดจะอยู่มาช้านานเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ แต่ถ้าหากบุคคลอื่นเข้ามากั้นรั้วปลูกเรือนแพและสิ่งอื่น ๆ กีดขวางหน้าที่ดินของเจ้าของที่ดินที่ติดกับที่ชายตลิ่งเต็มหมด จนไม่สามารถใช้สอยชายตลิ่งเข้าออกสู่ลำแม่น้ำได้แล้ว ย่อมถือว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1642/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดินริมตลิ่ง vs. การกีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ชายตลิ่งสาธารณะ
ที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้น ผู้ใดจะอยู่มาช้านานเท่าใดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ แต่ถ้าหากบุคคลอื่นเข้ามากั้นรั้วปลูกเรือนแพและสิ่งอื่นๆกีดขวางหน้าที่ดินของเจ้าของที่ดินที่ติดกับที่ชายตลิ่งเต็มหมด จนไม่สามารถใช้สอยชายตลิ่งเข้าออกสู่ลำแม่น้ำได้แล้ว ย่อมถือว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีทางสาธารณะ: การใช้ทางโดยไม่มีหลักฐานทางกฎหมายไม่ทำให้เป็นทางสาธารณะ
ตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่า เหตุใดทางพิพาทจึงเป็นทางสาธารณะและสภาพของทางตามที่ได้ความในทางพิจารณาก็ไม่พอให้ฟังว่าเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมายโจทก์ก็จะขอให้บังคับให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านไปนั้นเปิดทางให้ใช้เป็นทางสาธารณะต่อไปหาได้ไม่
การที่มีพยานเบิกความว่า คนในตำบลหนึ่งกับอีกตำบลหนึ่งจะไปมาก็ต้องผ่านทางพิพาท การที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ที่ดินซึ่งทางพิพาทผ่านเข้าไปนั้นเจ้าของไม่ได้กั้นไม่มีคันเขตรั้ว บุคคลก็อาจพาปศุสัตว์ผ่านหรือเข้าไปได้อยู่แล้ว หรือแม้จะมีคันเขตรั้ว การผ่านหรือเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ตามคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางสาธารณะเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ศาลก็บังคับจำเลยให้เปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณะไม่ได้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทมา15 ปีแล้ว โดยไม่มีใครห้ามจำเลยจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
การที่มีพยานเบิกความว่า คนในตำบลหนึ่งกับอีกตำบลหนึ่งจะไปมาก็ต้องผ่านทางพิพาท การที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ที่ดินซึ่งทางพิพาทผ่านเข้าไปนั้นเจ้าของไม่ได้กั้นไม่มีคันเขตรั้ว บุคคลก็อาจพาปศุสัตว์ผ่านหรือเข้าไปได้อยู่แล้ว หรือแม้จะมีคันเขตรั้ว การผ่านหรือเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ตามคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางสาธารณะเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ศาลก็บังคับจำเลยให้เปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณะไม่ได้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทมา15 ปีแล้ว โดยไม่มีใครห้ามจำเลยจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีทาง通行 (ทางภาระจำยอม) ที่ศาลไม่เห็นว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ แม้มีการใช้ทางต่อเนื่อง
ตามคำฟ้องไม่ปรากฎว่า เหตุใดทางพิพาท จึงเป็นทางสาธารณ และสภาพของทางตามที่ได้ความในทางพิจารณาก็ไม่พอฟังว่าเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย โจทก์ก็จะขอให้บังคับให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านไปนั้น เปิดทางให้ใช้เป็นทางสาธารณต่อไปหาได้ไม่
การที่มีพยานเบิกความว่า คนในตำบลหนึ่งกับอีกตำบลหนึ่งจะไปมาก็ต้องผ่านทางพิพาทการที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ที่ดินซึ่งทางพิพาทผ่านเข้าไปนั้นเจ้าของไม่ได้กั้น ไม่มีกันเขตรั้ว บุคคลก็อาจหาปศุสัตว์หรือผ่านเข้าไปได้อยู่แล้ว หรือแม้จะมีกันเขตรั้วการผ่านหรือเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ตามคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางสาธารณ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณ ศาลก็บังคับจำเลยให้เปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณไม่ได้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพากษา 15 ปี แล้วโดยไม่มีใครห้ามจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
การที่มีพยานเบิกความว่า คนในตำบลหนึ่งกับอีกตำบลหนึ่งจะไปมาก็ต้องผ่านทางพิพาทการที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ที่ดินซึ่งทางพิพาทผ่านเข้าไปนั้นเจ้าของไม่ได้กั้น ไม่มีกันเขตรั้ว บุคคลก็อาจหาปศุสัตว์หรือผ่านเข้าไปได้อยู่แล้ว หรือแม้จะมีกันเขตรั้วการผ่านหรือเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ตามคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางสาธารณ เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณ ศาลก็บังคับจำเลยให้เปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณไม่ได้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพากษา 15 ปี แล้วโดยไม่มีใครห้ามจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินชายตลิ่งสาธารณสมบัติ: สิทธิครอบครองเป็นโมฆะ แต่มีสิทธิเรียกร้องให้รื้อถอนหากกีดขวางการใช้ประโยชน์ที่ดินของตน
ที่ดินชายตลิ่งซึ่งมีน้ำท่วมถึงอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดจะอ้างสิทธิครอบครองหาได้ไม่ แม้จำเลยจะได้ทำหนังสือสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวนั้นจากโจทก์มา โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับขับไล่จำเลยตามสัญญาเช่านั้นได้
ที่ดินชายตลิ่งตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนอยู่ทางด้านกว้างของที่ดินโจทก์ตอนริมคลองบอด เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองบอด ทำให้ที่ดินโจทก์ทางด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกบังหน้าที่ดินทางด้านริมคลองเช่นนี้ ย่อมมีสิทธิที่จะให้จำเลยปฏิบัติเพื่อขจัดการนั้นให้สินไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 ถึงหากว่าโรงเรือนของจำเลยจะไม่ปิดบังหน้าที่ของโจทก์ทางด้านถนนหลวงก็ดี
ที่ดินชายตลิ่งตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนอยู่ทางด้านกว้างของที่ดินโจทก์ตอนริมคลองบอด เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองบอด ทำให้ที่ดินโจทก์ทางด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ผู้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกบังหน้าที่ดินทางด้านริมคลองเช่นนี้ ย่อมมีสิทธิที่จะให้จำเลยปฏิบัติเพื่อขจัดการนั้นให้สินไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 ถึงหากว่าโรงเรือนของจำเลยจะไม่ปิดบังหน้าที่ของโจทก์ทางด้านถนนหลวงก็ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินชายตลิ่งสาธารณสมบัติและการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำ
โจทก์ซื้อที่ดิน (ที่มือเปล่า) จากผู้อื่นด้านยาวทิศใต้จดถนนหลวง ด้านกว้างทิศตะวันออกจดคลอง แล้วให้จำเลยเช่าโดยระบุว่าเช่าเพื่อปลูกอาสัย จำเลยใช้ที่ของโจทก์ทำคอกเป็ดและเลี้ยงเป็ด แต่ปลูกโรงเรือนอยู่ที่ในที่ดินต่อกับเขตที่ของโจทก์ออกไปทางทิศตะวันออก เป็นที่ซึ่งน้ำในลำคลองท่วมถึงเป็นปกติเกือบตลอดปี ที่ซึ่งจำเลยปลูกโรงเรือนนี้ย่อมเป็นที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 ไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่งตามมาตรา 1308 แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่รายนี้มา 10 ปีเศษแล้ว แต่เมื่อตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ก็จะอ้างสิทธิครอบครองว่าเป็นของตนหาได้ไม่
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ขายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้า+โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ขายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้า+โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินชายตลิ่งสาธารณสมบัติ vs. การรอนสิทธิการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โจทก์ซื้อที่ดิน(ที่มือเปล่า)จากผู้อื่น ด้านยาวทิศใต้จดถนนหลวงด้านกว้างทิศตะวันออกจดคลอง แล้วให้จำเลยเช่าโดยระบุว่า เช่าเพื่อปลูกอาศัย จำเลยใช้ที่ของโจทก์ทำคอกเป็ดและเลี้ยงเป็ด แต่ปลูกโรงเรือนอยู่ในที่ดินต่อกับเขตที่ของโจทก์ออกไปทางทิศตะวันออก เป็นที่ซึ่งน้ำในลำคลองท่วมถึงเป็นปกติเกือบตลอดปี ที่ซึ่งจำเลยปลูกโรงเรือนนี้ย่อมเป็นที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 ไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่งตามมาตรา 1308 แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่รายนี้มา 10 ปีเศษแล้ว แต่เมื่อตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ก็จะอ้างสิทธิครอบครองว่าเป็นของตนหาได้ไม่
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้างโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์ โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุกสาธารณสมบัติของเทศบาล: นายกเทศมนตรีฟ้องแทนเทศบาลได้
บุคคลในตำแหน่งนายกเทศมนตรีย่อมมีอำนาจฟ้องในนามของเทศบาลได้
ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีหนองสาธารณ และการรบกวนการใช้ประโยชน์ แม้ไม่มีอำนาจฟ้องแสดงความเป็นหนองสาธารณ แต่โจทก์มีอำนาจฟ้องห้ามการรบกวนได้
เอกชนเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าหนองรายพิพาทเป็นหนองสาธารณ และขอให้สั่งห้ามไม่ให้จำเลยกระทำการรบกวนก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่โจทก์และประชาชนในหนองนี้ เพราะจำเลยกับพวกลงไปวิดน้ำจับปลาทำให้น้ำขุ่นเป็นปฏิกูล แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามคำขอข้อแรก แต่ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าหนองนี้เป็นหนองสาธารณ แล้วพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอข้อหลังนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน: การโอนกรรมสิทธิ์เป็นโมฆะ แม้ผู้รับโอนจะสุจริตและเสียค่าตอบแทน
ที่ซึ่งได้กลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วนั้น การที่มีผู้เข้าครอบครองในภายหลังและรับโอนกันมาเป็นทอด ๆ แม้ผู้ได้รับโอนคนสุดท้ายจะได้รับมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่