พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีบุกรุกที่สาธารณะ และภาระการพิสูจน์เมื่อจำเลยปฏิเสธ
กรมการอำเภอมีหน้าที่ทะนุบำรุงและตรวจตรารักษาทรัพย์สินที่ดินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดินย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่เข้ามายึดถือเอาที่ดินนั้นได้
เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของไม่ใช่ที่หวงห้ามหน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
เรื่องเช่นนี้ เมื่อจำเลยปฏิเสธและต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ที่มีเจ้าของไม่ใช่ที่หวงห้ามหน้าที่นำสืบก่อนย่อมตกอยู่แก่ฝ่ายโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ราชการซื้อเพื่อประโยชน์สาธารณะยังคงเป็นสาธารณสมบัติ แม้มีการให้เช่า ผู้ว่าฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่
โรงเรียนประชาบาลประเภทโรงเรียนประถมศึกษาที่นายอำเภอตั้งและดำรงอยู่ด้วยเงินของประชาชนและเงินของการประถมศึกษาในงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ,ในการจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าวได้จัดซื้อที่ 1 แปลงเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงเรียน และใช้เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกิจการของโรงเรียน ที่ดินดังกล่าวนับว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัด โดยมีหน้าที่คุ้มครองแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัด โดยมีหน้าที่คุ้มครองแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ราชการซื้อเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ว่าฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า
โรงเรียนประชาบาลประเภทโรงเรียนประถมศึกษาที่นายอำเภอตั้งและดำรงอยู่ด้วยเงินของประชาชนและเงินของการประถมศึกษาในงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าวได้จัดซื้อที่ 1 แปลงเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงเรียนและใช้เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกิจการของโรงเรียน ที่ดินดังกล่าวนับว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดโดยมีหน้าที่คุ้มครองและรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดโดยมีหน้าที่คุ้มครองและรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินศาลเจ้า: การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์และสภาพของที่ดินกุศลสถาน
ที่ศาลเจ้าที่เกิดมีขึ้นตามกฎเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 15 มี.ค.2463 ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 ม.123 นั้น หาได้เป็นสาธารณสมบัติแผ่นดินไม่ เพราะตามกฎนี้กำหนดว่าให้ที่ศาลเจ้ามีหนังสือสำคัญหรือโฉนดนั้นก็คือให้ปฏิบัติการอย่างบุคคลธรรมดา ไม่มีข้อความพิเศษให้ลบล้างกฎหมาย ฉะนั้นเมื่อผู้ดูแลปล่อยปละให้บุคคลอื่นเข้าครอบครองที่ศาลเจ้าๆ ก็อาจสูญเสียที่ไปอย่างการสูญเสียที่ของบุคคลธรรมดานั้นเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินศาลเจ้า: การครอบครองปรปักษ์และการสูญเสียกรรมสิทธิ์เมื่อทอดทิ้ง
ที่ศาลเจ้าที่เกิดมีขึ้นตามกฎเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่15 มี.ค. 2463 ซึ่งออกตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่พ.ศ.2457 มาตรา123 นั้นหาได้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่เพราะตามกฎนี้กำหนดว่าให้ที่ศาลเจ้ามีหนังสือสำคัญหรือโฉนดนั้นก็คือให้ปฏิบัติการอย่างบุคคลธรรมดาไม่มีข้อความพิเศษให้ลบล้างกฎหมายฉะนั้นเมื่อผู้ดูแลปล่อยปละให้บุคคลอื่นเข้าครอบครองที่ศาลเจ้าๆ ก็อาจสูญเสียที่ไปอย่างการสูญเสียที่ของบุคคลธรรมดานั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเดิมในเขตแผนที่ และสภาพทรัพย์ตามจริง
พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และที่วัดร้างภายในกำแพงเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้กระทรวงการคลัง พ.ศ.2481
พ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดแปลงหนึ่งให้เป็นของทบวงการเมืองในราชการแผ่นดินนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์ขึ้นใหม่ ผู้รับโอนจึงรับทรัพย์นั้นมาตามสภาพและฐานะที่เป็นอยู่ในขณะโอน
เมื่อมีเอกชนโต้แย้งว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายในเขตแผนที่ท้าย พ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำมาสืบ
ที่ดินใดจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 นั้น เป็นข้อเท็จจริง.
พ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใดแปลงหนึ่งให้เป็นของทบวงการเมืองในราชการแผ่นดินนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดกรรมสิทธิ์ขึ้นใหม่ ผู้รับโอนจึงรับทรัพย์นั้นมาตามสภาพและฐานะที่เป็นอยู่ในขณะโอน
เมื่อมีเอกชนโต้แย้งว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายในเขตแผนที่ท้าย พ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำมาสืบ
ที่ดินใดจะเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 นั้น เป็นข้อเท็จจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานกีดขวางทางสาธารณะ จำเป็นต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดและขออนุญาตหรือไม่
การฟ้องขอให้ลงโทษตามก.ม.อาญา ม.336(2) นั้นโจทก์จะต้องบรรยายในฟ้องด้วยว่า จำเลยมิได้รับอนุญาตอันชอบด้วย ก.ม.มิฉนันย่อมจะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ลงโทษจำเลยไม่ได้
ที่ชายทะเลซึ่งน้ำท่วมถึงนั้นหาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือทางสาธารณะเสมอไปไม่.
ที่ชายทะเลซึ่งน้ำท่วมถึงนั้นหาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือทางสาธารณะเสมอไปไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานกีดขวางทางสาธารณะและการพิสูจน์ความเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเป็นต้องบรรยายฟ้องและพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ชัดเจน
การฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา336(2) นั้นโจทก์จะต้องบรรยายในฟ้องด้วยว่า จำเลยมิได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายมิฉะนั้นย่อมจะเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ลงโทษจำเลยไม่ได้
ที่ชายทะเลซึ่งน้ำท่วมถึงนั้นหาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือทางสาธารณะเสมอไปไม่
ที่ชายทะเลซึ่งน้ำท่วมถึงนั้นหาเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือทางสาธารณะเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะ แม้ยังไม่แก้โฉนดและไม่ถึง 10 ปี กีดกันกลับไม่ได้ ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
อุทิศที่ดินให้แก่ทางราชการใช้ทำเป็นถนนและทางสาธารณะแม้จะยังไม่ได้แก้โฉนดและยังใช้เป็นถนนและทางสาธารณะไม่ถึง 10 ปีก็ตาม ที่ดินนั้นก็เป็นทางสาธารณะแล้ว จะกีดกันเอากลับมาเป็นของตนอีกไม่ได้
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยย่อมต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยย่อมต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะ และความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน แม้อุทิศยังไม่ถึง 10 ปี ก็ถือเป็นทางสาธารณะแล้ว
อุทิศที่ดินให้แก่ทางราชการใช้ทำเป็นถนนและทางสาธารณะ แม้จะยังไม่ได้แก้โฉนดและยังใช้เป็นถนนและทางสาธารณะไม่ถึง 10 ปีก็ตาม ที่ดินนั้นก็เป็นทางสาธารณะแล้ว จะกีดกันเอากลับมาเป็นของตนอีกไม่ได้
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไป โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน จำเลยย่อมต้องมีผิดตาม ก.ม.อาญา ม. 334 (2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไป โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน จำเลยย่อมต้องมีผิดตาม ก.ม.อาญา ม. 334 (2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ