พบผลลัพธ์ทั้งหมด 857 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 983-986/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองป่าสักโดยไม่ได้รับอนุญาต: สิทธิการตัดไม้
ป่าสักของแผ่นดินนั้น แม้จะมีผู้ไปครอบครองและปลูกบ้านเรือนอยู่โดยไม่ได้ร้องขอเหยียบย่ำจับจองแต่อย่างใดแล้ว ก็ไม่มีสิทธิจะตัดฟันไม้สักในบริเวณนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนบุคคล vs. ทางสาธารณะ: การอุทิศทางเป็นสำคัญ
ทางเดินอยู่ในหน้าโฉนดซึ่งเป็นกรรมสิทธิของเอกชนจะกลับกลายเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะ ต้องมีการอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงแต่ได้ความว่ามีคนเดินผ่านไปมาหลายสิบปีแล้วเท่านั้น หาทำให้ทางนั้นเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางเดินในโฉนดเอกชน ไม่ใช่ทางหลวง/สาธารณะ หากไม่มีการอุทิศ
ทางเดินอยู่ในหน้าโฉนดซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนจะกลับกลายเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะ ต้องมีการอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายอย่างใดอย่างหนึ่ง เพียงแต่ได้ความว่ามีคนเดินผ่านไปมาหลายสิบปีแล้วเท่านั้น หาทำให้ทางนั้นเป็นทางหลวง หรือทางสาธารณะเสมอไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากกุศลสถาน: กรมการอำเภอไม่มีอำนาจฟ้องเอง กฎหมายให้แต่ช่วยผู้ครอบครอง
พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 123 นั้น หาได้ให้อำนาจแก่กรมการอำเภอที่จะฟ้องร้องในนามของตนเองเกี่ยวกับกุศลสถานได้ไม่ เป็นแต่ให้คอยช่วยเหลือผู้ปกปักรักษากุศลสถานเท่านั้น ฉะนั้น กรมการอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลใดออกจากกุศลสถาน
ที่กุศลสถานไม่ใช่ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน
ที่กุศลสถานไม่ใช่ที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1893/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่จากกุศลสถาน: กรมการอำเภอไม่มีอำนาจฟ้องในนามตนเอง
พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 123 นั้น หาได้ให้อำนาจแก่กรมการอำเภอที่จะฟ้องร้องในนามของตนเอง เกี่ยวกับกุศลสถานได้ไม่เป็นแต่ให้คอยช่วยเหลือผู้ปกปักรักษากุศลสถานเท่านั้น ฉะนั้นกรมการอำเภอจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลใดออกจากกุศลสถาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1823/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขัดทรัพย์: ผู้มีส่วนได้เสียไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่มีสิทธิเมื่อทรัพย์สินได้มาจากการกระทำผิด
ประเด็นในเรื่องร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ถูกยึดนั้นมีว่า ลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกยึดนั้นหรือไม่ และตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 55 นั้นผู้ที่จะต้องใช้สิทธิทางศาลในกรณีขอให้ปล่อยทรัพย์นั้น ก็หาจำต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือทรัพยสิทธิในทรัพย์นั้นไม่ ผู้มีส่วนได้เสียในกรณีย่อมมาใช้สิทธิทางศาลได้ด้วยการร้องขัดทรัพย์
มีผู้ลอบตัดฟันไม้สัก อันเป็นไม้หวงห้ามแล้วแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหนี้ยึดไม้เหล่านี้ไว้เพื่อบังคับคดี กรมป่าไม้ซึ่งรัฐหรือแผ่นดินมอบหน้าที่ให้เป็นผู้ดูแลรักษาไม้หวงห้ามย่อมมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยไม้นั้นได้
ไม้ที่หวงห้ามเป็นส่วนควบของป่าไม้ แม้จะถูกลอบลักตัดโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสังหาริมทรัพย์แล้ว ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
มีผู้ลอบตัดฟันไม้สัก อันเป็นไม้หวงห้ามแล้วแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหนี้ยึดไม้เหล่านี้ไว้เพื่อบังคับคดี กรมป่าไม้ซึ่งรัฐหรือแผ่นดินมอบหน้าที่ให้เป็นผู้ดูแลรักษาไม้หวงห้ามย่อมมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยไม้นั้นได้
ไม้ที่หวงห้ามเป็นส่วนควบของป่าไม้ แม้จะถูกลอบลักตัดโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสังหาริมทรัพย์แล้ว ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอยู่เช่นเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางหลวงโดยปริยายจากการเปิดให้ประชาชนใช้สัญจร และการรุกล้ำทางหลวง
การอุทิศที่ดินให้เป็นทางหลวงนั้น จะอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายก็ได้ และที่จะเป็นทางหลวง ก็หาจำต้องมีทะเบียนอะไรไม่
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจรมากว่า 10 ปี ย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 336(2)
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจรมากว่า 10 ปี ย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 336(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นทางหลวงโดยปริยายจากการเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรต่อเนื่อง แม้มิได้จดทะเบียน
การอุทิศที่ดินให้เป็นทางหลวงนั้น จะอุทิศโดยตรงหรือโดยปริยายก็ได้และที่จะเป็นทางหลวงก็หาจำต้องมีทะเบียนอะไรไม่
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจร มากว่า 10 ปีย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336(2)
จำเลยได้ยุบทางเก่ามาเป็นของจำเลยแล้วทำทางใหม่ขึ้นแทนให้ประชาชนได้ใช้สัญจร มากว่า 10 ปีย่อมเป็นการอุทิศให้เป็นทางหลวงโดยปริยายแล้ว เมื่อไปปลูกโรงเรือนล้ำทางนี้เข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิป่าไม้และการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต การซื้อขายที่ดินไม่ครอบคลุมสิทธิในป่า
มีผู้ยกคันนาทั้ง 3 ด้านล้อมนาและป่าที่มีต้นสักขึ้นอยู่ไว้เพียงเท่านี้ ยังหาทำให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของป่าและไม้สักได้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้นแม้ผู้นั้นจะขายที่ดินทั้งหมดให้แก่ผู้อื่น โดยมีเจ้าพนักงานไปรังวัดและไม่มีผู้คัดค้านก็ดีการซื้อขายนั้นก็ไม่ทำให้ผู้รับซื้อมีกรรมสิทธิในที่ป่าและต้นสักนั้น ฉะนั้นผู้ใดตัดต้นสักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงย่อมมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต อ้าง พ.ร.บ. ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วยและจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ป่าไม้และการชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
มีผู้ยกคันนาทั้ง 3 ด้านล้อมนาและป่าที่มีต้นสักขึ้นอยู่ไว้ เพียงเท่านี้ ยังหาทำให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของป่าและต้นสักได้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้นแม้ผู้นั้นจะขายที่ดินทั้งหมดให้แก่ผู้อื่น โดยมีเจ้าพนักงานไปรังวัดและไม่มีผู้คัดค้านก็ดี การซื้อขายนั้นก็ไม่ทำให้ผู้รับซื้อมีกรรมสิทธิ์ในที่ป่าและต้นสักนั้นฉะนั้นผู้ใดตัดต้นสักในที่นั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ จึงย่อมมีความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตอ้างพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย และจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2492)
ฟ้องของโจทก์หาว่าจำเลยชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตอ้างพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 39 ซึ่งบัญญัติถึงการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ต้องมีใบอนุญาตเบิกทางของพนักงานเจ้าหน้าที่กำกับไปด้วย และจำเลยก็เข้าใจข้อหาข้อนี้ดีแล้ว ถือว่าไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2492)