พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,118 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2718/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดิน: สิทธิทำกินในที่ดินของแผ่นดิน ไม่ถือเป็นเจ้าของสิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิ์
ความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362ตอนแรกเป็นการ รบกวนกรรมสิทธิ์ ตอนที่สองเป็นการ รบกวนการครอบครองและทั้งสองตอนนั้นต้องเป็นการกระทำต่อ สิทธิครอบครองหรือ กรรมสิทธิ์ใน อสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ผู้เสียหายเป็นเพียงผู้ได้สิทธิทำกินในที่พิพาทซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินซึ่งสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304วรรคแรกหาใช่เจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทไม่เมื่อขณะนั้นจำเลยได้เข้ายึดถือทำกินในที่พิพาทอยู่ก่อนแล้วแม้จำเลยได้นำรถเข้าไปไถดินและครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทก็ไม่เป็นความผิดฐาน บุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2249/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประทานบัตรแร่ไม่ได้สร้างสิทธิครอบครอง การฟ้องบุกรุกต้องเป็นผู้ครอบครอง
สิทธิของโจทก์ตาม ประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ ดีบุกมีเพียงที่พระราชบัญญัติแร่ฯมาตรา73บัญญัติไว้และการปักป้ายหลักเขตกับป้ายที่เขียนแสดงแนวเขตที่ประทานบัตรเป็นเพียงเครื่องหมายแสดงอาณาเขตให้ทราบโดยทั่วไปว่าเขตประทานบัตรมีอยู่แค่ไหนเพียงใดส่วนสิทธิในการเตรียมการทำเหมืองตามมาตรา58เป็นเพียงสิทธิที่จะกระทำการต่างๆตามที่ระบุไว้สำหรับข้อความตามมาตรา73(4)ที่ว่าผู้ถือประทานบัตรมีสิทธินำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีที่มีผู้โต้แย้งหรือขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะดำเนินการนำคดีขึ้นสู่ศาลในกรณีอื่นที่มิใช่ความผิดฐาน บุกรุกตามที่ฟ้องเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทตลอดมาและที่ดินตามประทานบัตรในส่วนที่จำเลยบุกรุกโจทก์ยังมิได้เปิดทำเหมืองเลยถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองที่พิพาทแล้วจึงย่อมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยและ ไม่มี อำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดิน การได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยชอบธรรม และอายุความฟ้องร้อง
จำเลยซื้อที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่มีน.ส.3ซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของมาจาก ว. แล้วเข้า ยึดถือครอบครองเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นการ โต้แย้งสิทธิโจทก์มีลักษณะเป็นการ แย่งการครอบครองแล้วและไม่จำต้อง บอกกล่าว เปลี่ยนลักษณะการยึดถือไปยังโจทก์เพราะมิได้ครอบครองโดยอาศัยสิทธิของโจทก์และก็ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องทราบว่าตนเองถูกแย่งการครอบครองหรือทราบเรื่องที่จำเลยนำรังวัดเพื่อออกน.ส.3ก.แต่อย่างใด จำเลยได้ สิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์โดยการ แย่งการครอบครองโจทก์ ไม่มี หน้าที่ทางนิติกรรมที่จะต้องจดทะเบียนแบ่งแยกให้จำเลยจึงบังคับให้ตามคำขอของจำเลยที่ขอให้โจทก์แบ่งแยกที่ดินให้แก่จำเลยมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า: สิทธิเรียกร้องเกิดจากคำพิพากษาชั้นที่สุดไม่ใช่การครอบครอง
สิทธิเรียกร้องซึ่งมีกำหนดอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา168(เดิม)หมายถึงสิทธิเรียกร้องที่เกิดขึ้นโดยผลของคำพิพากษาชั้นที่สุดของศาลมิได้หมายถึงการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองซึ่งต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองตามมาตรา1375 คดีก่อนที่ศาลตัดสินว่าโจทก์(จำเลยคดีนี้)ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองพิพากษายกฟ้องไม่ได้ก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องแก่โจทก์เมื่อโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จะต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในหนึ่งปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเกินกำหนดเวลาดังกล่าวจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434-455/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม + การครอบครองปรปักษ์ = ที่ดินไม่ตกเป็นของโจทก์
จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งมีปัญหาว่าเป็นที่ดินของโจทก์หรือของจำเลยนายอำเภอท้องที่ได้เรียกจำเลยไปพบและได้ทำบันทึกว่าได้เรียกบุคคลที่ปลูกเรือนอยู่ในบริเวณที่ดินของโจทก์มาตกลงกันและจำเลยยอมคืนที่ดินที่ครอบครองแก่โจทก์แต่ต่อมาจำเลยก็ร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดท้องที่คัดค้านและขอความเป็นธรรมที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปอยู่ในที่ดินโจทก์แม้จำเลยบางคนยอมทำสัญญาเช่ากับทางอำเภอแต่เห็นได้ว่าจำเลยดังกล่าวตกลงไปโดยเข้าใจผิดว่าที่ดินเป็นของโจทก์จึงเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาเช่าตกเป็น โมฆะ ตรงกันข้ามจำเลยดังกล่าวได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมาโดยภายหลังจำเลยบางคนได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ปรากฎว่าฝ่ายโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านแต่อย่างใดที่ดินพิพาทจึงไม่ตกเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมสร้างตนเองตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ แม้ครอบครองต่อเนื่องก็ไม่เกิดสิทธิ
ที่พิพาทเป็นที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามโอนภายใน5ปีนับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวแม้จำเลยครอบครองที่พิพาทตลอดมาในฐานะผู้ซื้อที่พิพาทก็ตามเมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยภายใน5ปีนับแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์จำเลยจึงไม่มีสิทธิครอบครองหรืออาศัยในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องยาวนานกว่าการขอจับจองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องโจทก์ได้ความว่าเดิมโจทก์ได้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดผู้ร้องสอดแจ้งขอจับจองและได้รับใบจองในชื่อจำเลยแต่จำเลยและผู้ร้องสอดไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์โจทก์จึงเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยไม่มีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิอันเป็นการแสดงให้เห็นว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่แม้โดยพฤตินัยจำเลยและผู้ร้องสอดจะไม่ได้รบกวนโต้แย้งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองก็ตามแต่โจทก์ยังมีคำขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทด้วยโดยจำเลยและผู้ร้องสอดต่างยืนยันในคำให้การและให้คำร้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องสอดที่ให้จำเลยมีชื่อเป็นผู้เข้าทำกินซึ่งเป็นการโต้แย้งการเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา55แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง โจทก์เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมานาน20ปีแม้โจทก์เคยยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดให้จำเลยไปขอออกใบจองจนกระทั่งได้รับหนังสือสำคัญแบบแจ้งการครอบครองแทนผู้ร้องสอดแล้วก็ตามเมื่อการขอจับจองไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยกับผู้ร้องสอดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาทที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การได้มา การระงับ และการพิสูจน์สิทธิ
คำฟ้องโจทก์ได้ความว่า เดิมโจทก์ได้แบ่งที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดแจ้งขอจับจองและได้รับใบจองในชื่อจำเลย แต่จำเลยและผู้ร้องสอดไม่ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ โจทก์จึงเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยไม่มีบุคคลใดโต้แย้งสิทธิ อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ แม้โดยพฤตินัยจำเลยและผู้ร้องสอดจะไม่ได้รบกวนโต้แย้งสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองก็ตาม แต่โจทก์ยังมีคำขอห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาทด้วย โดยจำเลยและผู้ร้องสอดต่างยืนยันในคำให้การและคำร้องว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องสอดที่ให้จำเลยมีชื่อเป็นผู้เข้าทำกิน ซึ่งเป็นการโต้แย้งการเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ตามป.วิ.พ. มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมานาน 20 ปี แม้โจทก์เคยยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดให้จำเลยไปขอออกใบจองจนกระทั่งได้รับหนังสือสำคัญแบบแจ้งการครอบครองแทนผู้ร้องสอดแล้วก็ตาม เมื่อการขอจับจองไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยกับผู้ร้องสอดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์
โจทก์เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยเจตนายึดถือเพื่อตนตลอดมานาน 20 ปี แม้โจทก์เคยยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดให้จำเลยไปขอออกใบจองจนกระทั่งได้รับหนังสือสำคัญแบบแจ้งการครอบครองแทนผู้ร้องสอดแล้วก็ตาม เมื่อการขอจับจองไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยกับผู้ร้องสอดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องสอดจึงไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนเจ้าของ: สิทธิในที่ดินจากการซื้อขายจากผู้ครอบครอง
ศ.ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทได้อนุญาตให้ บ.ใช้ที่ดินพิพาทตั้งโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเป็นการชั่วคราว มิได้มีเจตนายกที่ดินพิพาทให้ บ. เมื่อเลิกกิจการโรงเรียนแล้ว บ.ก็ต้องออกไปจากที่ดินพิพาทในระหว่างที่ บ.ดำเนินกิจการโรงเรียนอยู่นั้นย่อมถือว่า บ.ครอบครองที่ดินพิพาทแทน ศ.เจ้าของเดิม การที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทจาก บ.ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองเพราะ บ.ผู้โอนเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทน ศ.โจทก์ผู้รับโอนย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ บ.มีอยู่ในฐานะผู้ยึดถือที่ดินพิพาทแทน ศ.กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์แย่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: โอนสิทธิได้เพียงเท่าที่ผู้โอนมีสิทธิ แม้มีสัญญาซื้อขาย
บ. ครอบครองที่พิพาทแทน ส. การที่โจทก์ซื้อที่พิพาทจาก บ. ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองเพราะโจทก์ผู้รับโอนย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ บ. มีอยู่ในฐานะผู้ยึดถือที่พิพาทแทน ส.เท่านั้น