คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1367

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,118 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6155/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน - ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญา - การฟ้องแย้งสิทธิ
คดีก่อนพนักงานอัยการได้ฟ้องขอให้ศาลลงโทษโจทก์คดีนี้ข้อหาบุกรุกที่ดินของจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าไปครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยเนื่องจากเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ขาดเจตนาในการกระทำความผิด คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์และบุตรสาวโจทก์เข้าไปทำนาในที่ดินพิพาทดังกล่าวอีก จำเลยก็ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวหาว่าโจทก์และบุตรสาวโจทก์เข้าไปบุกรุกที่ดินพิพาทของจำเลย โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยและห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินพิพาท เช่นนี้ คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าวข้างต้น ในการวินิจฉัยคดีนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย และคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 โจทก์จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยอาศัยสิทธิที่โจทก์มีมาก่อนที่ศาลในคดีส่วนอาญาได้พิพากษาไปแล้ว และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันอีกไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5736/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินส่วนตัวก่อนสมรส: ที่ดินที่ได้รับยกให้ก่อนจดทะเบียนสมรสไม่เป็นสินสมรส
บิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องก่อนที่ผู้ร้องกับจำเลยจะจดทะเบียนสมรสกัน ย่อมถือได้ว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องมีอยู่ก่อนสมรสและเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องตามมาตรา 1471 (1) แห่ง ป.พ.พ. บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ.2519
การที่บิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องในระหว่างที่ผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการยกสิทธิครอบครองให้โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือและผู้ร้องกับจำเลยได้ทำกินและอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทตลอดมา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกับผู้ร้อง เพราะการที่จำเลยทำกินและอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทร่วมกับผู้ร้องเนื่องจากอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาเช่นนี้ ย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนเจตนาหรือลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพื่อตนอันจักทำให้จำเลยเกิดสิทธิครอบครองในทรัพย์สินที่พิพาท
กรณีที่จะเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรสเท่านั้น กฎหมายหาได้บัญญัติให้ทรัพย์สินที่คู่สมรสร่วมกันเป็นเจ้าของอยู่ก่อนสมรส กลายเป็นสินสมรสเมื่อได้มีการสมรสไม่
แม้ว่าหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาจะเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยกับผู้ร้องก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย โจทก์ก็ย่อมไม่มีอำนาจยึดสินส่วนตัวของผู้ร้องบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5736/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินส่วนตัวก่อนสมรส: ที่ดินรับมรดกก่อนแต่งงานเป็นสินส่วนตัว แม้ทำกินร่วมกัน
บิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องก่อนที่ผู้ร้องกับจำเลยจะจดทะเบียนสมรสกัน ย่อมถือได้ว่าที่ดินและบ้านพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องมีอยู่ก่อนสมรสและเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องตามมาตรา 1471(1) แห่ง ป.พ.พ. บรรพ 5 ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 การที่บิดาผู้ร้องยกที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องในระหว่างที่ผู้ร้องอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลย แม้ว่าจะเป็นเพียงการยกสิทธิครอบครองให้โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือ และผู้ร้องกับจำเลยได้ทำกินและอยู่อาศัยในที่ดินและบ้านพิพาทตลอดมา ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของร่วมกับผู้ร้อง เพราะการที่จำเลยทำกินและอาศัยอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทร่วมกับผู้ร้องเนื่องจากอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาเช่นนี้ ย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนเจตนาหรือลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพื่อตนอันจักทำให้จำเลยเกิดสิทธิครอบครองในทรัพย์สินที่พิพาท กรณีที่จะเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา 1474 นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรสเท่านั้น กฎหมายหาได้บัญญัติให้ทรัพย์สินที่คู่สมรสร่วมกันเป็นเจ้าของอยู่ก่อนสมรส กลายเป็นสินสมรสเมื่อได้มีการสมรสไม่ แม้ว่าหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาจะเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยกับผู้ร้องก็ตาม แต่เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย โจทก์ก็ย่อมไม่มีอำนาจยึดสินส่วนตัวของผู้ร้องบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5344/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและข้อเท็จจริงสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความยกขึ้น
ปัญหาว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องอำนาจฟ้องและไม่ใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อฟ้องโจทก์มิได้อ้างว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินศาลจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองโดยที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4271/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินทับซ้อน: การให้ถ้อยคำรับรองต่อเจ้าพนักงานถือเป็นการครอบครองแทนโจทก์ มิใช่การครอบครองเพื่อตนเอง
จำเลยให้ถ้อยคำต่อปลัดอำเภอท้องที่ที่พิพาทรับรองว่าจำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินทับที่พิพาท และให้สัญญาว่าจะนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยมอบให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการเพิกถอนส่วนที่ทับที่พิพาท ดังนั้นนับแต่จำเลยให้ถ้อยคำดังกล่าวมา การที่จำเลยยังคงครอบครองที่พิพาทอยู่ ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์มิใช่ครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตน จำเลยครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4271/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาทหลังรับรองการขอออก น.ส.3ก. ทับที่ดินโจทก์ ถือเป็นการครอบครองแทนโจทก์ มิใช่เพื่อตน
จำเลยให้ถ้อยคำต่อปลัดอำเภอท้องที่ที่พิพาทรับรองว่าจำเลยได้ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินทับที่พิพาท และให้สัญญาว่าจะนำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยมอบให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการเพิกถอนส่วนที่ทับที่พิพาท ดังนั้นนับแต่จำเลยให้ถ้อยคำดังกล่าวมา การที่จำเลยยังคงครอบครองที่พิพาทอยู่ ถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนโจทก์ มิใช่ครอบครองโดยเจตนายึดถือเพื่อตน จำเลยครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3930/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การให้ไม่สมบูรณ์ แต่ครอบครองต่อเนื่องเกิน 10 ปี
แม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตามแต่บิดาผู้ร้องและผู้ร้องครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทต่อมาภายหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายโดยครอบครองไว้เพื่อตนเอง ซึ่งเมื่อนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายจนถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องย่อมได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้ครอบครองมรดกและมิได้เรียกร้องเอาส่วนมรดกภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านที่ 2 เพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทในภายหลังย่อมหมดสิทธิที่จะรับมรดก และการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทของผู้คัดค้านที่ 2 ดังกล่าวจะถือว่าเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองและเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3930/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ และสิทธิของทายาทที่ขาดอายุความ
แม้การยกให้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 เพราะไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่บิดาผู้ร้องและผู้ร้องครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทต่อมาภายหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายโดยครอบครองไว้เพื่อตนเอง ซึ่งเมื่อนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตายจนถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องย่อมได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินพิพาทด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้ครอบครองมรดกและมิได้เรียกร้องเอาส่วนมรดกภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เจ้ามรดกถึงแก่ความตาย ผู้คัดค้านที่ 2 เพิ่งจะเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินพิพาทในภายหลัง ย่อมหมดสิทธิที่จะรับมรดก และการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทของผู้คัดค้านที่ 2 ดังกล่าวจะถือว่าเป็นการครอบครองทรัพย์มรดกเพื่อตนเองและเป็นการครอบครองแทนทายาทอื่นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองคลองชลประทานที่เป็นสาธารณสมบัติ การรบกวนการครอบครองไม่เป็นความผิด
ที่พิพาทเป็นส่วนหนึ่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364,365

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2695/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คลองชลประทานสาธารณสมบัติ ผู้บุกรุกไม่มีสิทธิครอบครอง การกระทำไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ที่พิพาทเป็นส่วนหนี่งของคลองชลประทานซึ่งมีไว้สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 1304 ที่ไม่อาจให้บุคคลใดใช้โดยเฉพาะ จึงเป็นทรัพย์สินที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่อาจมีสิทธิครอบครอง แม้ที่พิพาทจะตื้นเขิน แต่เมื่อยังไม่มีการถอนสภาพตามกฎหมายก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอยู่ โจทก์ร่วมกับสามีซึ่งเข้าครอบครองโดยมิชอบ จึงไม่ได้สิทธิครอบครอง การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ป.อ. มาตรา 362,364, 365
of 112