พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,118 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776-794/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าถูกหวงห้ามเพื่อจัดตั้งนิคมฯ โจทก์เข้าครอบครองภายหลังมิอาจใช้สิทธิอ้างการครอบครอง
ที่พิพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาตั้งแต่ปี 2478 ต่อมามีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามในท้องที่ตำบลพรหมพิราม ฯลฯ พ.ศ.2487 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 กำหนดเขตหวงห้ามในที่ดินดังกล่าว โดยหวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งนิคมกสิกรตามพระราชบัญญัติจัด ที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 ซึ่งต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 ใช้บังคับต่อกันมา หลังจากนั้นทางราชการได้ประกาศจัดตั้งนิคมสร้างตนเองทุ่งสาน มีอาณาเขตคลุมถึงที่พิพาทด้วยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 246 ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2515 ดังนี้ เห็นได้ว่าที่พิพาทมิใช่เป็นเพียงที่ดินรกร้างว่างเปล่าธรรมดา หากแต่เป็นที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ทางราชการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 ตั้งแต่ปี 2487 ตลอดมาอีกด้วย แม้พระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 จะได้ถูกยกเลิกไปโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 4(6) แต่พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 10 ก็บัญญัติว่า ที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้เพื่อประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 หรือตามกฎหมายอื่นอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ให้คงเป็นที่หวงห้ามต่อไปดังนั้น แม้โจทก์จะได้เข้าครอบครองและทำกินในที่พิพาทมาตั้งแต่ปี 2507 จนบัดนี้ ก็เป็นการเข้ายึดถือที่ดินซึ่งทางราชการได้ประกาศหวงห้ามแล้วเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหากจะถือว่าโจทก์ได้สิทธิ ครอบครอง ก็ไม่อาจใช้สิทธิ+จำเลยซึ่งเป็นหน่วยราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์จากสัญญาขายและรับฝาก: การเบียดบังข้าวเปลือกของผู้อื่นเป็นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกซึ่งเก็บไว้ในยุ้งของ ส. ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้จากโจทก์ร่วมจะนำไปส่งมอบให้ภายหลังดังนี้เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้วเมื่อจำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งที่จำเลยเช่าไว้ จึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วมเมื่อจำเลยขนเอาข้าวเปลือกไปเสียและปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยอยู่ในยุ้งดังกล่าว และจำเลยไม่เคยขายและรับฝากข้าวเปลือกจากโจทก์ร่วมเช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ข้าวเปลือกจะเป็นสังกมะทรัพย์ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกันมีปริมาณเท่ากัน แทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์โดยการเบียดบังข้าวเปลือกของผู้รับฝาก แม้เป็นสังกมะทรัพย์ก็ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยทำสัญญาขายข้าวเปลือกซึ่งเก็บไว้ในยุ้งของ ส.ให้โจทก์ร่วม และทำสัญญารับฝากข้าวเปลือกจำนวนนั้นไว้จากโจทก์ร่วม จะนำไปส่งมอบให้ภายหลังดังนี้เห็นได้ว่าข้าวเปลือกได้โอนไปเป็นของโจทก์ร่วมแล้ว เมื่อจำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมโดยเก็บไว้ในยุ้งที่จำเลยเช่าไว้จึงเป็นผู้ครอบครองข้าวเปลือกซึ่งเป็นของโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยขนเอาข้าวเปลือกไปเสีย และปฏิเสธฝืนพยานหลักฐานว่าไม่มีข้าวเปลือกของจำเลยอยู่ในยุ้งดังกล่าวและจำเลยไม่เคยขายและรับฝากข้าว เปลือกจากโจทก์ร่วม เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์แม้ข้าวเปลือกจะเป็นสังกมะทรัพย์ซึ่งอาจใช้ข้าวประเภทและชนิดเดียวกันมี ปริมาณจำกัดแทนกันได้แต่ก็มิใช่ว่าผู้รับฝากจะเอาไปเป็นประโยชน์สำหรับตนได้ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยหาใช่เป็นผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินให้คนต่างด้าวผิดกฎหมาย แม้มีสิทธิครอบครองก็ไม่อาจอ้างสิทธิได้
การได้มาซึ่งที่ดิน แม้จะเป็นเพียงสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของก็ต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 ด้วย เมื่อโจทก์ (ซึ่งเป็นคนต่างด้าว) มิได้ยื่นคำขออนุญาตให้ได้มาซึ่งที่พิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ 2 และไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามความในมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแม้โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินต่อกันสัญญาดังกล่าวก็เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการโอนสิทธิครอบครองให้คนต่างด้าว อันเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 และ 111 ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์จึงอ้างว่ามีสิทธิครอบครองอย่างเจ้าของไม่ได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของคนต่างด้าว: สัญญาซื้อขายและเช่าเป็นโมฆะหากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ดิน
การได้มาซึ่งที่ดิน แม้จะเป็นเพียงสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของ ก็ต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 ด้วย เมื่อโจทก์ (ซึ่งเป็นคนต่างด้าว) มิได้ยื่นคำขออนุญาตให้ได้มาซึ่งที่พิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 8(พ.ศ.2497)ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ข้อ 2 และไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามความในมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแม้โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินต่อกัน สัญญาดังกล่าวก็เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการโอนสิทธิครอบครองให้คนต่างด้าว อันเป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 86 และ 111 ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 โจทก์จึงอ้างว่ามีสิทธิครอบครองอย่างเจ้าของไม่ได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของสิทธิครอบครอง จึงมีอำนาจให้เช่าที่พิพาท ไม่ได้อ้างสิทธิอย่างอื่น จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ เมื่อวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองที่พิพาทแล้วโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และให้จำเลยเช่าที่พิพาทกับเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่สาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ทำนา ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะแต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้าง ก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้น ๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพปกติของที่ดินโดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใดการเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2907-2928/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดครองที่ดินสาธารณะโดยสำคัญผิดและใช้ประโยชน์ตามสภาพ ไม่ถึงขั้นทำให้เสียทรัพย์
ที่ดินพิพาทที่จำเลยยึดถือครอบครอง แม้จะอยู่ในเขตที่สาธารณะ แต่จำเลยเข้ายึดถือครอบครองมาหลายปีแล้วโดยสำคัญว่าตนมีสิทธิครอบครอง แม้จำเลยจะแผ้วถางก่นสร้างก็กระทำเพื่อมุ่งประสงค์จะทำนาในที่ดินนั้นๆ อันเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิในที่ดินตามสมควรในการทำนาตามสภาพ ปกติของที่ดิน โดยที่ไม่ปรากฏความเสียหายที่แท้จริงหรือได้ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ในที่ดินประการใด การเข้าทำนาตามสภาพของที่ดินเป็นการห่างไกลเกินความประสงค์ของเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยหาได้มีเจตนาโดยตรงที่จะทำให้เสียทรัพย์ไม่ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองโดยอาศัยสิทธิเจ้าของไม่ทำให้เกิดสิทธิในที่ดิน แม้จะครอบครองเป็นเวลานาน
โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท แต่ไปรับราชการอยู่ที่อื่นจึงให้ ล. พี่เขยดูแลแทน ล. ให้จำเลยซึ่งเป็นหลานของโจทก์อาศัย จำเลยได้เข้ากรีดยางและปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทซึ่งเป็นการอยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ แม้จำเลยจะมิได้แบ่งรายได้จากการกรีดยางให้โจทก์หรือ ล. ตามที่ ได้ตกลงไว้กับ ล. และโจทก์มิได้เข้มงวดต่อจำเลยในเรื่องนี้ก็หาพอที่จะฟังว่าจำเลยแย่งการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ไม่ เมื่อจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิโจทก์จำเลยจะอยู่มานานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิในที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์ยังคงอยู่หากไม่มีการเวนคืนจริงและจำเลยมิได้รบกวนการครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดในเขตเทศบาลอยู่ในบริเวณที่จะต้องถูกเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงฯตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น ฯลฯ พ.ศ. 2505 เทศบาลฯ จำเลยได้เข้ายึดถือครองเอาเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตลอดมา แต่หาได้ชดใช้เงินค่าเวนคืนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ขอให้เทศบาลจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าการดำเนินการสำรวจปักแนวเขตถนนที่จะขยายตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ พ.ศ. 2505 ดังกล่าวเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกามอบหมายให้นายช่างเทศบาลฯ พนักงานของจำเลยไปดำเนินการสำรวจไว้ จำเลยมิได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงแต่อย่างใดทั้งการสำรวจปักแนวเขตก็เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2482 มาตรา 44 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 12 เท่านั้น มิใช่เห็นการเข้าไปครอบครอง เมื่อต่อมามิได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนจนล่วงพ้นกำหนดอายุในพระราชกฤษฎีกาการสำรวจดังกล่าวก็เป็นอันสิ้นสภาพไปในตัว กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงยังคงอยู่กับโจทก์ตลอดมา เมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบว่าจำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้องรบกวนการครอบครองของโจทก์ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2423/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: การสำรวจปักแนวเขตไม่ถือเป็นการครอบครองและไม่ทำให้เจ้าของที่ดินเสียสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดในเขตเทศบาลอยู่ในบริเวณที่จะต้องถูกเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงฯตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น ฯลฯ พ.ศ. 2505 เทศบาลฯ จำเลยได้เข้ายึดถือครองเอาเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตลอดมา แต่หาได้ชดใช้เงินค่าเวนคืนที่ดินให้แก่โจทก์ไม่ ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ขอให้เทศบาลจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่า การดำเนินการสำรวจปักแนวเขตถนนที่จะขยายตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินฯ พ.ศ. 2505 ดังกล่าวเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกามอบหมายให้นายช่างเทศบาลฯ พนักงานของจำเลยไปดำเนินการสำรวจไว้ จำเลยมิได้มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงแต่อย่างใดทั้งการสำรวจปักแนวเขตก็เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2482 มาตรา 44 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 12 เท่านั้น มิใช่เห็นการเข้าไปครอบครอง เมื่อต่อมามิได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนจนล่วงพ้นกำหนดอายุในพระราชกฤษฎีกาการสำรวจดังกล่าวก็เป็นอันสิ้นสภาพไปในตัว กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงยังคงอยู่กับโจทก์ตลอดมา เมื่อโจทก์ไม่มีพยานนำสืบว่าจำเลยได้เข้าไปเกี่ยวข้องรบกวนการครอบครองของโจทก์ คดีก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์