พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,118 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1474/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณะประโยชน์: สิทธิครอบครองในลำราง และการฟ้องขับไล่
ที่ในลำรางสาธารณะเรือเดินได้นั้น ย่อมเป็นทางน้ำอันราษฎรใช้ร่วมกันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แม้ผู้ใดจะเคยเข้าไปทำนาในลำรางนั้นมาก่อน ผู้นั้นก็หามีสิทธิครอบครองอันชอบด้วยกฎหมายไม่ จะขอให้ศาลแสดงว่าที่นั้นเป็นของผู้นั้นไม่ได้ และเมื่อมีราษฎรอื่นมาทำนาในที่นั้นบ้าง ผู้ที่เคยทำนาอยู่ก่อนจะหาว่าผู้เข้าทำใหม่ละเมิดก็ไม่ได้ เพราะผู้เข้าทำใหม่หาได้ทำละเมิดต่อข้าวที่คนเดิมทำไว้ก่อนแล้วไม่ และเมื่อปรากฎว่าผู้เข้าทำใหม่มีที่นามีโฉนดอยู่ติดต่อกับที่สาธารณะนี้ ส่วนผู้เคยทำคนเดิมหามีนาอยู่แถวนั้นไม่ ดังนี้ ผู้เคยทำนามาเดิม ย่อมไม่มีสิทธิอะไรจะมาฟ้องขับไล่ ผู้เข้าทำใหม่นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองที่ดินโดยไม่เป็นคู่สัญญาเช่า: การฟ้องขับไล่เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งอยู่ตอนหน้าที่ดินโฉนดของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยทำสัญญาเช่า แล้วขัดขืนไม่ยอมทำสัญญาใหม่ แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะก็ตาม เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทอยู่หน้าที่ดินของโจทก์จริง และการที่จำเลยเข้าไปอยู่ในที่พิพาทก็โดยภริยาจำเลยขอเช่าที่พิพาทจากโจทก์ จำเลยก็รู้เห็นด้วยแต่มิได้เป็นคู่สัญญาเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นคนตาบอด ทำสัญญาเช่าแล้วภริยาจำเลยก็ปลูกเรือนขึ้น จำเลยก็มาอยู่ด้วยดังนี้ เมื่อภริยาจำเลยผู้เช่าถูกโจทก์ฟ้องขับไล่ออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ต่อไปได้ เมื่อจำเลยขัดขืนโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดระหว่างลักทรัพย์กับยักยอกทรัพย์ กรณีทรัพย์สินอยู่ในความดูแลของผู้อื่น
จำเลยเป็นคนงานของกรมทาง ผู้บังคับบัญชาใช้ให้จำเลยเฝ้าฟืนหลาของกรมทางไว้ไม่ให้เป็นอันตรายสูญหาย ดังนี้ถือว่าฟืนหลานั้นไม่ได้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยแต่อยู่กับผู้บังคับบัญชาจำเลย ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาฟืนหลานั้นไปโดยทุจริตจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์มิใช่ยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแทนเพื่อหลีกเลี่ยงการยึดทรัพย์ ไม่ถือเป็นการฝากทรัพย์ สิทธิความเป็นเจ้าของยังคงอยู่
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองไว้แทนเพื่อหลบหลีกไม่ให้ถูกยึดทรัพย์
บัดนี้จำเลยจะขายที่พิพาทนี้โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องฝ่ายจำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำเลยครอบครองโดยอำนาจของตนเองหาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยอาศัยนิติกรรมการฝากทรัพย์ไม่ฉะนั้นจะยกเอาอายุความเรื่องการฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ และประเด็นในคดีนี้คงมีเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้วแม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็หาได้สิทธิเป็นเจ้าของไม่ โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา
บัดนี้จำเลยจะขายที่พิพาทนี้โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องฝ่ายจำเลยก็ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยจำเลยครอบครองโดยอำนาจของตนเองหาได้ครอบครองไว้แทนโจทก์ไม่ดังนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องขอให้แสดงสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทห้ามจำเลยเกี่ยวข้องหาใช่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนโดยอาศัยนิติกรรมการฝากทรัพย์ไม่ฉะนั้นจะยกเอาอายุความเรื่องการฝากทรัพย์ขึ้นวินิจฉัยไม่ได้ และประเด็นในคดีนี้คงมีเพียงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยยึดถือครอบครองแทนจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง และจำเลยมิได้บอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือครอบครองแล้วแม้จำเลยจะครอบครองมาช้านานเพียงใด ก็หาได้สิทธิเป็นเจ้าของไม่ โจทก์ยังคงเป็นเจ้าของอยู่ตลอดมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106-108/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้สิทธิครอบครองที่ดินจากการครอบครองโดยสงบและเปิดเผย แม้ไม่มีเอกสารสิทธิ์
ยกที่นาที่สวนให้แก่กัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน,แต่ผู้รับได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลา 6 ปีเศษแล้ว ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองเจ้าของเดิมหรือทายาทของเจ้าของเดิมไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกคืนได้ เมื่อที่นาที่สวนนั้นเป็นที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญ และไม่ปรากฎว่าได้มาแต่เมื่อไร./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106-108/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้สิทธิครอบครองที่ดินจากการครอบครองต่อเนื่อง แม้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และการยกที่ดินให้แก่กัน
ยกที่นาที่สวนให้แก่กัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแต่ผู้รับได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลา6 ปีเศษแล้ว ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองเจ้าของเดิมหรือทายาทของเจ้าของเดิมไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกคืนได้เมื่อที่นาที่สวนนั้นเป็นที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญ และไม่ปรากฏว่าได้มาแต่เมื่อไร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดถือครอบครองที่ดินโดยมิชอบ เมื่อพ้นกำหนดไถ่ถอน เจ้าของหมดสิทธิเรียกคืน
มารดาเอาที่ดินมือเปล่าของบุตรไปขายฝากไว้แก่ผู้อื่น โดยไม่มีอำนาจ แต่เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญาแล้ว ไม่มีการไถ่การยึดถือของผู้รับซื้อฝากในที่ดินนั้น ย่อมเป็นการยึดถือครอบครองอย่างเจ้าของตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1367 เมื่อเกิน 1 ปี แล้ว บุตรผู้เป็นเจ้าของก็หมดสิทธิที่จะเรียกที่ดินคืนได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยการยึดถือครอบครองอย่างเจ้าของหลังครบกำหนดไถ่ถอนจากการซื้อฝากโดยไม่มีอำนาจ
มารดาเอาที่ดินมือเปล่าของบุตรไปขายฝากไว้แก่ผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจแต่เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญาแล้วไม่มีการไถ่การยึดถือของผู้รับซื้อฝากในที่ดินนั้นย่อมเป็นการยึดถือครอบครองอย่างเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367เมื่อเกิน 1 ปีแล้ว บุตรผู้เป็นเจ้าของก็หมดสิทธิที่จะเรียกที่ดินคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนชั่วคราวเพื่อส่งมอบคืนเจ้าของ ไม่ถือเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ใช้ให้คนไปหยิบอาวุธปืนและกระสุนปืนมาจากบ้านให้นำมาส่งให้แก่ตน ณ ที่แห่งหนึ่งอันอยู่ห่างกันประมาณ 10 เส้น เพื่อมอบคืนให้แก่เจ้าของผู้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าคนที่หยิบอาวุธปืนและกระสุนได้มีอาวุธปืนและกระสุนปืนนั้นไว้ในครอบครอง จึงยังไม่เป็นผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯลฯ และผู้ใช้ให้ไปหยิบ ก็ไม่มีความผิดด้วย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่ 1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 อีกแม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าตามรูปคดี จำเลยที่ 2 ยังไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2 ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่ 1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 อีกแม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าตามรูปคดี จำเลยที่ 2 ยังไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: การส่งมอบคืนไม่ใช่การครอบครอง
ใช้ให้คนไปหยิบอาวุธปืนและกระสุนปืนมาจากบ้านให้นำมาส่งให้แก่ตน ณ ที่แห่งหนึ่งอันอยู่ห่างกันประมาณ 10 เส้น เพื่อมอบคืนให้แก่เจ้าของผู้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าคนที่ไปหยิบอาวุธปืนและกระสุนได้มีอาวุธปืนและกระสุนปืนนั้นไว้ในความครอบครอง จึงยังไม่เป็นผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลฯ และผู้ใช้ให้ไปหยิบก็ไม่มีความผิดด้วย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วยแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 อีก แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าตามรูปคดี จำเลยที่ 2ยังไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2 ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่1 พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วยแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 อีก แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าตามรูปคดี จำเลยที่ 2ยังไม่มีความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2 ได้