พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,118 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการยึดถือต่างดอกเบี้ยและการเปลี่ยนแปลงฐานะทางกฎหมาย จำเป็นต้องมีการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาท ซึ่งเป็นที่มือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตายแล้วนางแย้มขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมา 4 ปี โจทก์ยังเถียงอยู่ว่า นางแย้มไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาโจทก์ และยังเถียงอยู่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่เดิม ได้ความเพียงนี้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ป.ม.แพ่ง ฯ.
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ป.ม.แพ่ง ฯ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการเปลี่ยนแปลงฐานะการยึดถือที่ดิน กรณีต่างดอกเบี้ย
ข้อเท็จจริงได้ความว่า บิดาโจทก์ได้มอบที่พิพาท ซึ่งเป็นที่มือเปล่าให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย บิดาโจทก์ตายแล้วนางแย้มขายที่พิพาทให้จำเลย จำเลยครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมา 4 ปี โจทก์ยังเถียงอยู่ว่า นางแย้มไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาโจทก์ และยังเถียงอยู่ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่เดิม ได้ความเพียงนี้ยังไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าจำเลยได้สิทธิครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกคืน
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บิดาโจทก์มอบให้จำเลยยึดถือที่นาทำต่างดอกเบี้ย จำเลยจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ก็แต่โดยมีกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 477/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนจนกว่าเงื่อนไขตามสัญญาจะบรรลุผล การครอบครองเป็นเพียงการใช้สิทธิชั่วคราว
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีข้อความชัดอยู่แล้วว่า จำเลยจะไปทำนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่พิพาทให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อนางหนุ่ยตายแล้วเท่านั้น ตัวอักษรในสัญญาก็แสดงชัดอยู่ว่า คู่สัญญามีเจตนาให้เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อขายในเวลาภายหน้า การที่จำเลยให้โจทก์เข้าครอบครองที่ดินนั้น เป็นการอนุญาตให้โจทก์เข้าใช้และรับประโยชน์ไปพลางก่อนเท่านั้นหาใช่เป็นการสละสิทธิในที่ดินนั้นอย่างใดไม่การเข้าครอบครองของโจทก์จึงเป็นการเข้าครอบครองโดยอาศัยอำนาจของจำเลยตามข้อตกลงในสัญญา ซึ่งผูกพันระหว่างโจทก์จำเลยเท่านั้น โจทก์จึงยังไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิใดในที่ดินนั้น อันจะโอนขายให้บุคคลที่สามต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิครอบครองที่ดินไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ สิทธิครอบครองอาจเกิดขึ้นได้จากการตกลงและครอบครองปรปักษ์
การสละสิทธิครอบครองที่ดิน ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือจึงไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงฉะนั้นสืบแต่พยานบุคคล ก็ย่อมรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 122/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละสิทธิครอบครองที่ดินไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ สิทธิครอบครองอาจเกิดจากการตกลงด้วยวาจาและการครอบครองปรปักษ์
การสละสิทธิครอบครองที่ดิน ไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ จึงไม่ใช่กรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพะยานเอกสารมาแสดง ฉะนั้นสืบแต่พะยานบุคคล ก็ย่อมรับฟังได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่นาจากการยึดถือเป็นประกันหนี้ เมื่อลูกหนี้สละสิทธิ เจ้าหนี้ได้สิทธิครอบครอง
สัญญามีความว่า ถ้าไม่ชำระเงินกู้ตามสัญญา ที่นาที่ประกันนี้ให้เป็นสิทธิแก่เจ้าหนี้นั้น แสดงให้เห็นความประสงค์ของคู่สัญญาแจ้งชัดว่า เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ ให้ที่นาเป็นสิทธิแก่เจ้าหนี้ อีกนัยหนึ่งคือลูกหนี้ได้สละสิทธิการครอบครองตั้งแต่วันพ้นกำหนดแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครอง(ลูกหนี้) ตามความหมายในมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อเจ้าหนี้ครอบครองต่อมาจึงเป็นการครอบครองเพื่อตน
ที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญผู้ครอบครองได้ใช้อำนาจยึดถือเพื่อตนมานาน 8,9 ปี ย่อมได้สิทธิครอบครอง (อ้างฎีกาที่ 153/2488)
ที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญผู้ครอบครองได้ใช้อำนาจยึดถือเพื่อตนมานาน 8,9 ปี ย่อมได้สิทธิครอบครอง (อ้างฎีกาที่ 153/2488)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินและอายุความฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375
โจทก์กู้เงินนายอ่อน และมอบที่นาพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ให้นายอ่อนทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อโจทก์ชำระหนี้แก่นายอ่อนแล้ว โจทก์จะเข้าครอบครอง จำเลยขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เข้าครอบครอง โดยอ้างว่าซื้อมาจากนายอ่อน พฤตติการณ์เช่นนี้ย่อมถือว่า โจทก์ถูกจำเลยแย่งการการครอบครอง
โจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองแล้ว คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 วรรค 2
โจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองแล้ว คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 1375 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 776/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน: การขัดขวางการเข้าครอบครองหลังชำระหนี้
โจทก์กู้เงินนายอ่อนและมอบที่นาพิพาทซึ่งเป็นของโจทก์ให้นายอ่อนทำกินต่างดอกเบี้ย เมื่อโจทก์ชำระหนี้แก่นายอ่อนแล้ว โจทก์จะเข้าครอบครองจำเลยขัดขวางไม่ยอมให้โจทก์เข้าครอบครอง โดยอ้างว่าซื้อมาจากนายอ่อนพฤติการณ์เช่นนี้ย่อมถือว่า โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง
โจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองแล้ว คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรค 2
โจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองแล้ว คดีของโจทก์ย่อมขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและบุกรุก: จำเลยเข้าครอบครองโดยสุจริตและเจตนาไม่ทุจริต จึงไม่มีความผิด
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในใบแจ้งย้ายว่า จำเลยย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเลขที่ 91 โดยเป็นความเท็จ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เข้ามาอยู่ในห้องนั้นจริง และชี้ไม่ได้ว่าลายเซ็นของดจทก์ปลอม จำเลยก็ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่า จำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและบุกรุก: การกระทำโดยสุจริตและการพิสูจน์ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
ฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จโดยปลอมลายมือชื่อโจทก์ในใบแจ้งย้ายว่า จำเลยย้ายเข้ามาอยู่ในห้องเลขที่ 91 โดยเป็นความเท็จ เมื่อปรากฏว่า จำเลยได้เข้ามาอยู่ในห้องนั้นจริง และชี้ไม่ได้ว่าลายเซ็นของโจทก์ปลอม จำเลยก็ไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปอยู่ในห้องพิพาทโดยเชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยมีสิทธิครอบครองห้องพิพาท จำเลยไม่มีผิดฐานบุกรุก