พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,275 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2177/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้าง การที่นายจ้างเรียกรับเงินเดือนนอกรอบถือเป็นการเลิกจ้าง และคำให้การที่ขัดแย้งกันเอง
กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยสั่งพนักงานการเงินของจำเลยคิดเงินเดือนที่ผ่านมาให้แก่โจทก์และเรียกโจทก์มารับเงินโจทก์เข้ามาในบริษัทแต่ไม่ยอมรับเงินการที่กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทเรียกโจทก์มารับเงินค่าจ้างสำหรับระยะเวลาทำงานของโจทก์ที่ผ่านมาทั้งๆที่วันนั้นมิใช่วันจ่ายเงินเดือนตามปกติของจำเลยถือได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์แต่โจทก์ได้ออกจากงานไปเองและโจทก์ได้กล่าวต่อลูกค้าของจำเลยว่าบริษัทเฮงซวยไปซื้อสินค้ามันทำไมอันเป็นการกระทำความผิดต่อนายจ้างทำให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจำเลยจึงมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเองกล่าวคือจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์แต่โจทก์ออกจากงานไปเองแล้วกลับอ้างว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ดังนั้นประเด็นข้อพิพาทจึงมีเพียงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์หรือไม่คดีไม่มีประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่เพราะการที่จะเกิดประเด็นว่าจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์หรือไม่จะต้องเป็นกรณีที่จำเลยยอมรับว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การที่ไม่ชัดเจนและอำนาจฟ้องคดี: หนังสือมอบอำนาจไม่จำต้องระบุชื่อจำเลย
คำให้การจำเลยระบุเพียงว่า ไม่ทราบและไม่รับรอง ไม่ได้ความแจ้งชัดว่าปฏิเสธฟ้องโจทก์จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งและไม่ทำให้เกิดประเด็น การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีไม่จำต้องระบุชื่อผู้ถูกฟ้องในหนังสือมอบอำนาจเพราะไม่มีกฎหมายบังคับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การไม่ชัดเจน ศาลถือว่ารับข้อเท็จจริงตามฟ้อง และหนังสือมอบอำนาจครอบคลุมการฟ้องคดีกับผู้โต้แย้งสิทธิ
คำให้การของจำเลยที่มีข้อความเพียงว่า จ. ได้มอบอำนาจให้อ. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่รับรองเนื่องจากหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องทำไว้นานแล้ว ในช่องผู้ลงชื่อมอบอำนาจจะใช่ลายมือชื่อ จ. ที่แท้จริงหรือไม่ และปัจจุบัน จ. ยังคงเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ และไม่ขอรับรอง เนื่องจากหนังสือรับรองเอกสารท้ายฟ้องเจ้าหน้าที่รับรองไว้นานแล้ว เป็นคำให้การที่ไม่ได้ความแจ้งชัดว่าจำเลยปฏิเสธฟ้องโจทก์ เป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ทำให้เกิดประเด็น ถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงในข้อนั้นตามฟ้องแล้ว หนังสือมอบอำนาจของโจทก์มีข้อความระบุว่า เรียกร้องทวงถามให้ชำระหนี้ แจ้งการบังคับจำนองหรือจำนำ ดำเนินคดีฟ้องร้องแก้ต่างทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา เป็นการมอบอำนาจที่ผู้รับมอบอำนาจสามารถดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ได้ เมื่อจำเลยกระทำการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ผู้รับมอบอำนาจย่อมมีอำนาจดำเนินคดีฟ้องร้องจำเลยแทนโจทก์ได้ตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจโดย ไม่จำต้องระบุชื่อผู้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการรับเงินกู้ยืมและการมีอยู่จริงของสัญญากู้ยืม ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นนี้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่กู้ยืมไป จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ยืมเงินจากโจทก์ เป็นคำให้การที่ชัดแจ้งว่า จำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ว่าสัญญากู้ยืมเงินไม่บริบูรณ์เพราะโจทก์ไม่ส่งมอบเงินที่ยืม คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานนอกประเด็น และการประวิงคดีในคดีแพ่ง
จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับโจทก์ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้าแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่นในเรื่องการคิดดอกเบี้ยและวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น พฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานนอกประเด็นและการประวิงคดีในคดีซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน
จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงิน กับโจทก์ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอมจำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการ ซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้า แต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบ ผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่น ในเรื่องการคิดดอกเบี้ย และวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น พฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้น สั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดแจ้ง – เหตุผลโต้แย้งคำพิพากษาไม่เพียงพอ & ประเด็นใหม่ไม่ยกขึ้น – ไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาอ้างเพียงว่า คำเบิกความของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือโดยมิได้กล่าวอ้างมาในฎีกาว่าฝ่ายจำเลยมีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือกว่าหรือไม่ อย่างไร มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยทั้งสองควรชนะคดีอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ปัญหาว่า ที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงเป็นฎีกาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดแจ้งและประเด็นใหม่: ศาลฎีกายกข้อฎีกาที่ไม่โต้แย้งคำพิพากษาและยกประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในชั้นศาล
จำเลยฎีกาอ้างเพียงว่า คำเบิกความของโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ โดยมิได้กล่าวอ้างมาในฎีกาว่าฝ่ายจำเลยมีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือกว่าหรือไม่ อย่างไร มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองควรชนะคดีอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249
ปัญหาว่า ที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาว่า ที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุหรือไม่ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิการเช่า, การชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน, และการวินิจฉัยประเด็นนอกเหนือจากที่อุทธรณ์
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า การโอนสิทธิการเช่าเป็นการโอนสิทธิเรียกร้องเมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือ จึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306 และเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง ก็ดี การตกลงชำระหนี้ตามสัญญากู้ด้วยทรัพย์สินอื่นแทนโดยไม่คำนึงถึงราคาท้องตลาดในขณะส่งมอบขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรคสอง จึงเป็นโมฆะก็ดี และจำเลยนำสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นก็ดี ล้วนข้อที่โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างต่อลูกจ้าง การพิสูจน์การกระทำในทางการที่จ้างเป็นประเด็นสำคัญ หากไม่มีประเด็นนี้ฎีกาจึงนอกประเด็น
เมื่อจำเลยที่ 1 ให้การแต่เพียงว่าโจทก์ทั้งสามจะเป็นบิดามารดาผู้ปกครองเด็กทั้งสามที่บาดเจ็บหรือไม่ ไม่รับรอง และจำเลยที่ 2 มิได้ประมาท ดังนั้น ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อที่ว่าโจทก์จะต้องนำสืบให้ชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ด้วยนั้น จึงเป็นฎีกานอกประเด็นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้