พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อฝากโดยสุจริตและผลกระทบของลายมือชื่อที่ไม่สมบูรณ์ต่อสิทธิของบุคคลภายนอก
ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่า โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2ที่ 3 รับซื้อฝากที่พิพาทโดยทุจริตแต่อย่างใด โจทก์อ้างเพียงว่า สัญญาขายฝากระหว่างจำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นโมฆะ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขายฝากที่พิพาทเท่านั้น จำเลยที่ 2ที่ 3 จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า รับซื้อฝากที่พิพาทไว้โดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6
การที่ตัวการลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความไว้ ภายหลังจำเลยที่ 1 โดยทุจริตได้นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปกรอกข้อความแล้วขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ 2ที่ 3 เป็นกรณีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 822 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวแทนคือจำเลยที่ 1 ทำการเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่า การอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทน ตัวการจึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของตัวการย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากดังกล่าว
การที่ตัวการลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความไว้ ภายหลังจำเลยที่ 1 โดยทุจริตได้นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปกรอกข้อความแล้วขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ 2ที่ 3 เป็นกรณีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 822 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวแทนคือจำเลยที่ 1 ทำการเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่า การอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทน ตัวการจึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของตัวการย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4708/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกจากการกระทำเกินอำนาจของตัวแทน และผลกระทบต่อสิทธิของผู้รับซื้อโดยสุจริต
ตามคำฟ้องและทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฎว่า โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 รับซื้อฝากที่พิพาทโดยทุจริตแต่อย่างใด โจทก์อ้างเพียงว่า สัญญาขายฝากระหว่างจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นโมฆะ เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจขายฝากที่พิพาทเท่านั้น จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า รับซื้อฝากที่พิพาทไว้โดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 6 การที่ตัวการลงลายมือชื่อไว้ในหนังสือมอบอำนาจโดยไม่กรอกข้อความไว้ ภายหลังจำเลยที่ 1 โดยทุจริตได้นำใบมอบอำนาจดังกล่าวไปกรอกข้อความแล้วขายฝากที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นกรณีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัวแทนคือจำเลยที่ 1 ทำการเกินอำนาจตัวแทน แต่ทางปฏิบัติของตัวการทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่า การอันนั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทน ตัวการจึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริต โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของตัวการย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการขายฝากดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนสัญญา, ผลผูกพันสัญญา, การคัดค้านพยานหลักฐาน, และการล้มละลาย
บริษัท ท. ได้ ตกลง มอบอำนาจให้จำเลยหรือ ท. คนใดคนหนึ่งลงนามพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัทดำเนินกิจการต่าง ๆ แทนบริษัทได้ดังนั้น การที่ ท. แต่ผู้เดียวลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท ท. ในสัญญาโอนขายลดเช็คที่ทำไว้กับโจทก์ จึงเป็นการกระทำในฐานะตัวแทนของบริษัท
สำเนาเอกสารที่จำเลยเพียงแต่ยื่นคำร้องไม่รับรองว่าถูกต้องหรือมีอยู่จริง แต่จำเลยมิได้คัดค้านการนำสืบสำเนาเอกสารดังกล่าวและบอกกล่าวไปยังโจทก์ก่อนวันสืบพยาน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้คัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ศาลมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้
แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยว่า ถือไม่ได้ว่าบริษัท ท. ได้ทำสัญญาโอนขายลดเช็คกับโจทก์เพราะ ท. แต่เพียงผู้เดียวไม่มีอำนาจ แต่โจทก์ยังกล่าวโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย
โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาว่า จำเลยได้หลบหนีไปจากเคหสถานที่เคยอยู่ แต่ความข้อนี้ไม่ใช่ข้อที่โจทก์ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยบอกให้รอไปก่อนแต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งแก่โจทก์ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงยังไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
สำเนาเอกสารที่จำเลยเพียงแต่ยื่นคำร้องไม่รับรองว่าถูกต้องหรือมีอยู่จริง แต่จำเลยมิได้คัดค้านการนำสืบสำเนาเอกสารดังกล่าวและบอกกล่าวไปยังโจทก์ก่อนวันสืบพยาน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้คัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงหรือความถูกต้องแห่งสำเนาเอกสารนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ศาลมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้
แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยว่า ถือไม่ได้ว่าบริษัท ท. ได้ทำสัญญาโอนขายลดเช็คกับโจทก์เพราะ ท. แต่เพียงผู้เดียวไม่มีอำนาจ แต่โจทก์ยังกล่าวโต้แย้งไว้ในคำแก้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย
โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาว่า จำเลยได้หลบหนีไปจากเคหสถานที่เคยอยู่ แต่ความข้อนี้ไม่ใช่ข้อที่โจทก์ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยบอกให้รอไปก่อนแต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งแก่โจทก์ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงยังไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนสัญญา, การรับรองเอกสาร, และการพิสูจน์หนี้สินล้นพ้นตัวในคดีล้มละลาย
บริษัท ท. ได้ตกลงมอบอำนาจให้จำเลยหรือ ท. คนใดคนหนึ่งลงนามพร้อมประทับตราสำคัญของบริษัทดำเนิน กิจการต่าง ๆ แทนบริษัทได้ดังนั้น การที่ ท. แต่ ผู้เดียวลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท ท. ในสัญญาโอนขายลดเช็คที่ทำไว้กับโจทก์ จึงเป็นการกระทำในฐานะตัว แทนของบริษัท สำเนาเอกสารที่จำเลยเพียงแต่ ยื่นคำร้องไม่รับรองว่าถูกต้องหรือมีอยู่จริง แต่ จำเลยมิได้คัดค้านการนำสืบสำเนาเอกสารดังกล่าวและบอกกล่าวไปยังโจทก์ก่อนวันสืบพยาน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้คัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงหรือความถูกต้อง แห่งสำเนาเอกสารนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 125 ศาลมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยว่า ถือ ไม่ได้ว่าบริษัท ท. ได้ ทำสัญญาโอนขายลดเช็คกับโจทก์เพราะ ท. แต่ เพียงผู้เดียวไม่มีอำนาจแต่ โจทก์ยังกล่าวโต้แย้งไว้ในคำแก้ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัย โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาว่า จำเลยได้ หลบหนีไปจากเคหสถาน ที่เคยอยู่ แต่ ความข้อนี้ไม่ใช่ข้อที่โจทก์ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย เมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยบอกให้รอไปก่อนแต่ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ แจ้งแก่โจทก์ว่าไม่สามารถชำระหนี้ได้จึงยังไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2479/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจสั่งจ่ายเช็คถือเป็นการเชิดตัวแทน ต้องรับผิดในฐานะตัวการชำระราคาสินค้า
บริษัทจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมได้แต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการใหญ่บริหารโรงแรม และมอบอำนาจให้เป็นผู้ทำสัญญาซื้อสินค้าจากโจทก์ รวมทั้งให้เป็นผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คในบัญชีของบริษัทจำเลยที่ 4 ในกิจการของโรงแรมได้ ดังนี้ถือได้ว่าบริษัทจำเลยที่ 4 ได้เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนบริษัทจำเลยที่ 4 ต้องรับผิดในฐานะตัวการชำระราคาสินค้าพร้อมดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญาซื้อจากโจทก์เพื่อใช้ในกิจการของโรงแรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของตัวการรับจำนองที่ควรทราบถึงการกระทำที่ไม่สุจริต ทำให้จำนองโมฆะ
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการได้ที่ดินมาจากโจทก์ของจำเลยที่ 1 และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 ต่อมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สุจริตอันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรับผิดของธนาคารต่อการปล่อยสินเชื่อที่ดินที่มีราคาซื้อขายต่ำกว่าราคาตลาด และการประมาทเลินเล่อของเจ้าหน้าที่
การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการที่จำเลยที่ 1 ได้ที่ดินมาจากโจทก์และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2ต่อมาเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อในการจดทะเบียนจำนอง ย่อมทำให้สัญญาเป็นโมฆะได้
การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการได้ที่ดินมาจากโจทก์ของจำเลยที่ 1 และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ต่อมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงออกเป็นตัวแทนและการผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อ: การชำระเงินผ่านตัวแทนชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ แต่การติดต่อกับโจทก์ตั้งแต่เริ่มติดต่อขอซื้อรถยนต์ การทำคำร้องขอซื้อรถยนต์การทำสัญญาเช่าซื้อตลอดจนการชำระเงิน จำเลยได้กระทำผ่านห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ไม่เคยติดต่อกับโจทก์โดยตรงเลย ห้างและบริษัทดังกล่าวได้แสดงออกในลักษณะที่เป็นตัวแทนโจทก์ตลอดมา โดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่าไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์หรือไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ ทั้งเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์ก็มอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นผู้ยึดรถยนต์จากจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เชิดห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ออกแสดงเป็นตัวแทนของโจทก์ ฉะนั้นกิจการต่าง ๆ ที่ห้างและบริษัทดังกล่าวทำไปจึงผูกพันโจทก์ เมื่อจำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่ห้างและบริษัทดังกล่าวครบถ้วน ย่อมถือว่าเป็นการชำระหนี้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว จำเลยจึงไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนโดยปริยาย: การชำระหนี้ผ่านตัวแทนที่โจทก์เชิดถือผูกพันโจทก์ แม้มีข้อตกลงเรื่องการชำระเงิน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ แต่การติดต่อกับโจทก์ตั้งแต่เริ่มติดต่อขอซื้อรถยนต์ การทำคำร้องขอซื้อรถยนต์การทำสัญญาเช่าซื้อตลอดจนการชำระเงิน จำเลยได้กระทำผ่านห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ไม่เคยติดต่อกับโจทก์โดยตรงเลย ห้างและบริษัทดังกล่าวได้แสดงออกในลักษณะที่เป็นตัวแทนโจทก์ตลอดมา โดยโจทก์ไม่เคยโต้แย้งว่าไม่ใช่ตัวแทนของโจทก์หรือไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ ทั้งเมื่อโจทก์เห็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์ก็มอบให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. เป็นผู้ยึดรถยนต์จากจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าโจทก์เชิดห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. และบริษัท อ. ออกแสดงเป็นตัวแทนของโจทก์ ฉะนั้นกิจการต่าง ๆ ที่ห้างและบริษัทดังกล่าวทำไปจึงผูกพันโจทก์ เมื่อจำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อให้แก่ห้างและบริษัทดังกล่าวครบถ้วน ย่อมถือว่าเป็นการชำระหนี้แก่โจทก์โดยชอบแล้ว จำเลยจึงไม่ผิดสัญญาเช่าซื้อ