พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีก่อนกับคดีหลังในประเด็นสัญญาซื้อขาย การฟังข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธที่ไม่รับของศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก
คดีก่อนจำเลยที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย ขอให้โจทก์คดีนี้ชำระค่าเสียหายเพราะเหตุส่งมอบพรมชำรุดบกพร่อง ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระราคาพรม ฟ้องโจทก์ทั้งสองคดีมิได้มีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144
โจทก์และจำเลยในคดีก่อนกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และพิพาทกันในมูลสัญญาซื้อขายอันเดียวกัน คำพิพากษาในคดีเรื่องก่อนจึงผูกพันคู่ความในคดีนี้มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และเป็นผลให้ศาลในคดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อน เมื่อศาลอุทธรณ์คดีก่อนซึ่งจำเลยที่ 1เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย พิพากษาว่า โจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) ได้รับพรมที่สั่งซื้อจากจำเลย (โจทก์คดีนี้) และโจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) มีโอกาสตรวจดูว่าตรงตามที่สั่งซื้อหรือไม่ โจทก์รับไว้โดยมิได้ทักท้วงแล้วนำไปติดตั้งให้ลูกค้า กรณีเช่นนี้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ไม่ต้องรับผิด คดีถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ (คดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ส่งมอบพรมตามคุณภาพที่ได้สั่งซื้อให้จำเลยและไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และไม่มีหน้าที่ชำระราคาให้โจทก์พิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากคดีก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและได้กระทำในนามของจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว.
คดีก่อนจำเลยที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย ขอให้โจทก์คดีนี้ชำระค่าเสียหายเพราะเหตุส่งมอบพรมชำรุดบกพร่อง ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระราคาพรม ฟ้องโจทก์ทั้งสองคดีมิได้มีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144
โจทก์และจำเลยในคดีก่อนกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และพิพาทกันในมูลสัญญาซื้อขายอันเดียวกัน คำพิพากษาในคดีเรื่องก่อนจึงผูกพันคู่ความในคดีนี้มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และเป็นผลให้ศาลในคดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อน เมื่อศาลอุทธรณ์คดีก่อนซึ่งจำเลยที่ 1เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย พิพากษาว่า โจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) ได้รับพรมที่สั่งซื้อจากจำเลย (โจทก์คดีนี้) และโจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) มีโอกาสตรวจดูว่าตรงตามที่สั่งซื้อหรือไม่ โจทก์รับไว้โดยมิได้ทักท้วงแล้วนำไปติดตั้งให้ลูกค้า กรณีเช่นนี้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ไม่ต้องรับผิด คดีถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ (คดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ส่งมอบพรมตามคุณภาพที่ได้สั่งซื้อให้จำเลยและไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และไม่มีหน้าที่ชำระราคาให้โจทก์พิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากคดีก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและได้กระทำในนามของจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิดและการรับผิดในสัญญาซื้อขายลดเช็ค กรณีจำเลยล้มละลาย
โจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้อง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งต่อไปย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 25 แต่เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีหรือมีคำขอให้จำหน่ายคดีก็ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้จำเลยจะขอให้จำหน่ายคดี และโจทก์ไม่ค้านก็ตาม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่2 เป็นตัวแทนเชิดศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1ยอมให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และประทับตราจำเลยที่ 1 ในสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 ได้เชิดจำเลยที่ 2 หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่2 เป็นตัวแทนเชิดศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1ยอมให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และประทับตราจำเลยที่ 1 ในสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 ได้เชิดจำเลยที่ 2 หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด-ความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด: การขยายความรับผิดจากตัวแทนไปยังห้างหุ้นส่วนและผู้ค้ำประกัน
โจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้อง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อำนาจการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งต่อไปย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 25 แต่เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีหรือมีคำขอให้จำหน่ายคดีก็ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้จำเลยจะขอให้จำหน่ายคดี และโจทก์ไม่ค้านก็ตาม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนเชิดศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และประทับตราจำเลยที่ 1 ในสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 ได้เชิดจำเลยที่ 2 หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 2 กระทำการแทนจำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนเชิดศาลก็ย่อมวินิจฉัยให้จำเลยที่ 1 รับผิดในการกระทำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนเชิดได้เพราะความรับผิดของตัวแทนกับตัวแทนเชิดมีลักษณะอย่างเดียวกัน ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
การที่จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพียงหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในสัญญาขายลดเช็คกับโจทก์ในฐานะเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และประทับตราจำเลยที่ 1 ในสัญญาดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 5 ได้เชิดจำเลยที่ 2 หรือยอมให้จำเลยที่ 2 เชิดตนเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882-884/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารรับฝากเงินไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยไม่ต้องรับผิดในฐานะลูกหนี้
รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนมีข้อความว่าโจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยจำเลยไปแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์2526 ส. ได้นำเงินจำนวนหนึ่งมาไว้กับจำเลยเพื่อที่ให้มาจ่ายแก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยได้เก็บรักษาไว้แล้วและได้พากันมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าในวันที่28 มีนาคม 2526 จำเลยจะมาจัดการเคลียเงินทั้งหมดให้แก่โจทก์ทั้งสามรายงานดังกล่าวไม่มีข้อความในทำนองว่ามีข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นภายหลัง ทั้งไม่ปรากฏมูลหนี้ใด ๆ ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อความในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยรับเงินไว้ในฐานะตัวแทนของส.เพื่อนำไปชำระให้โจทก์ การตกลงชำระเงินให้โจทก์ในวันใดก็เป็นการทำตามหน้าที่ของตัวแทนเท่านั้นจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เอกสารดังกล่าวจึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882-884/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารรับฝากเงินเพื่อชำระหนี้ ไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยไม่มีอำนาจฟ้อง
รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนมีข้อความว่าโจทก์ทั้งสามพร้อมด้วยจำเลยไปแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 ส. ได้นำเงินจำนวนหนึ่งมาไว้กับจำเลยเพื่อที่ให้มาจ่ายแก่โจทก์ทั้งสาม จำเลยได้เก็บรักษาไว้แล้วและได้พากันมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าในวันที่ 28 มีนาคม 2526 จำเลยจะมาจัดการเคลียเงินทั้งหมดให้แก่โจทก์ทั้งสามรายงานดังกล่าวไม่มีข้อความในทำนองว่ามีข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาทที่มีอยู่แล้วหรือที่จะมีขึ้นภายหลัง ทั้งไม่ปรากฏมูลหนี้ใด ๆ ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ ข้อความในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยรับเงินไว้ในฐานะตัวแทนของ ส.เพื่อนำไปชำระให้โจทก์ การตกลงชำระเงินให้โจทก์ในวันใดก็เป็นการทำตามหน้าที่ของตัวแทนเท่านั้นจำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว เอกสารดังกล่าวจึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของตัวแทน: ศาลไม่รับฟ้องจำเลยที่ 2 หากโจทก์บรรยายฟ้องว่ามีการมอบอำนาจและทำสัญญาภายในอำนาจ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์ และจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนมาติดต่อตกลงเรื่องค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนได้ทำบันทึกชดใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ อันเป็นการกระทำภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้ โดยโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการไปโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน ดังนี้ ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823วรรคสอง และตามคำฟ้องก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดได้ที่ศาลไม่รับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2จึงชอบแล้ว
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ไม่ใช่เสียตามจำนวนทุนทรัพย์.
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ไม่ใช่เสียตามจำนวนทุนทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนและการรับผิดของตัวแทนและตัวการ กรณีทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์ และจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนมาติดต่อตกลงเรื่องค่าเสียหาย จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนได้ทำบันทึกชดใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ อันเป็นการกระทำภายในขอบอำนาจที่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้ โดยโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการไปโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจของตัวแทน ดังนี้ ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 วรรคสอง และตามคำฟ้องก็ไม่มีทางที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดได้ที่ศาลไม่รับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จึงชอบแล้ว
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ไม่ใช่เสียตามจำนวนทุนทรัพย์
โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ไม่ใช่เสียตามจำนวนทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับแทนลูกหนี้ ถือว่าลูกหนี้ทราบแล้ว มีผลผูกพันตามกฎหมาย
คำว่าลูกหนี้ตามนัยบทมาตรา 272 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายความรวมถึงทนายความของลูกหนี้ด้วย การที่ทนายจำเลยซึ่งได้ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย ลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับในศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความถือได้ว่าทนายความซึ่งเป็นตัวแทนได้กระทำไปในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยและถือได้ว่าจำเลยทราบคำบังคับของศาลแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับ ถือว่าจำเลยทราบแล้ว
คำว่าลูกหนี้ตามนัยบทมาตรา 272 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมายความรวมถึงทนายความของลูกหนี้ด้วย การที่ทนายจำเลยซึ่งได้ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย ลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับในศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความถือได้ว่าทนายความซึ่งเป็นตัวแทนได้กระทำไปในขอบอำนาจในฐานะทนายความแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยและถือได้ว่าจำเลยทราบคำบังคับของศาลแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3352/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นตัวแทน สัญญาประกันภัย และอำนาจฟ้อง: ศาลฎีกาวินิจฉัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทน, จำเลย และโจทก์ในการทำสัญญาประกันภัย
จำเลยที่1มีกิจการประกันภัยต่อกับบริษัทต่างๆทั้งที่มีชื่อเป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศหลายสิบแห่งจำเลยที่1มอบหมายหน้าที่ให้จำเลยที่2เป็นผู้ติดต่อกับต่างประเทศในด้านการทำประกันภัยต่อระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของจำเลยที่1โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของจำเลยที่1ควบคุมดูแลการทำงานของจำเลยที่2อย่างใกล้ชิดจำเลยที่2ได้ทำสัญญาโดยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนรับประกันภัยในประเทศฮอลแลนด์ ฯลฯแทนจำเลยที่1โดยจำเลยที่1รู้เห็นและไม่ทักท้วงเช่นนี้จำเลยที่2จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่1ในการทำสัญญาดังกล่าวกับโจทก์โจทก์กับจำเลยที่1จึงมีนิติสัมพันธ์ต่อกัน ตามข้อสัญญากำหนดให้ทั้งสองฝ่ายเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการแต่ปรากฏตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่1ว่าจำเลยที่1ไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆกับโจทก์จึงไม่มีกรณีที่จำเลยที่1จะยอมเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามจำเลยที่1ให้ชำระหนี้แล้วจำเลยที่1ไม่ชำระการกระทำของจำเลยที่1เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่1โดยไม่ต้องเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดก่อนได้ จำเลยที่1ให้การเพียงว่าฟ้องขาดอายุความมิได้อ้างเหตุว่าขาดอายุความในกรณีใดบ้างเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง.