พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,184 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการฐานรับฝากเงินและละเมิดสัญญา การแบ่งแยกความรับผิดระหว่างตัวการและตัวแทน
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตจำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง2ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิดและเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่1 จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา245
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากสัญญาฝากทรัพย์ ตัวการตัวแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินเลยถึงตัวการที่ไม่เคยอุทธรณ์
ฟ้องโจทก์กล่าวไว้ชัดว่าจำเลยที่ 2 เป็นข้าราชการในกรมสรรพสามิตต์ จำเลยที่ 1 มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน จำเลยที่ 2 ได้รับฝากเงินของโจทก์ไว้ในหน้าที่ราชการ แล้วไม่คืนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้เงินจำนวนนี้ ดังนี้ เป็นการหาเรื่องผิดสัญญา ไม่ใช่ละเมิด และเป็นการฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นตัวการ จำเลยที่ 2 ในฐานเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 จึงต้องนำ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820 มาใช้บังคับ คือจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันรับผิดต่อโจทก์โดยถือว่าเป็นเรื่องละเมิด ซึ่งไม่ตรงกับท้องเรื่องจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ แสดงว่าพอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ผู้เดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง เลยไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ดังนี้ เป็นการขัดกับ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 245 เพราะการชำระหนี้เช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่อาจแบ่งแยกได้อันจะเป็นกรณีเข้าอนุมาตรา 1 แห่งมาตรา 245
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจของผู้จัดการร้าน: เจ้าของร้านต้องรับผิดชอบการจำนำทรัพย์สินของร้านโดยผู้จัดการ
ผู้จัดการร้านซึ่งทำการขายเครื่องเพ็ชรและทองได้นำเครื่องเพ็ชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้าน ในระหว่างที่เจ้าของร้านไปต่างประเทศเสียชั่วคราว และได้นำเงินนั้นเข้าบัญชีในร้าน ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าผู้จัดการมิได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิด บุคคลภายนอกผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิฟ้องให้เจ้าของร้านชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการร้านจำนำทรัพย์สินของเจ้าของร้าน: เจ้าของร้านต้องรับผิดหากผู้จัดการกระทำการภายในขอบเขตอำนาจ
ผู้จัดการร้านซึ่งทำการขายเครื่องเพชรและทองได้นำเครื่องเพชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้าน ในระหว่างที่เจ้าของร้านไปต่างประเทศเสียชั่วคราว และได้นำเงินนั้นเข้าบัญชีในร้าน ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าผู้จัดการมิได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิด บุคคลภายนอกผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิฟ้องให้เจ้าของร้านชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทน: ตัวการผูกพันต่อบุคคลภายนอกจากการกระทำของตัวแทนที่ปรากฏแก่บุคคลภายนอกว่าอยู่ในขอบอำนาจ
ตัวการมอบพวงคอเพ็ชรให้แก่ตัวแทนเพื่อไปขายแก่บุคคลภายนอก แต่ตัวแทนกลับนพวงคอเพ็ชรนั้นไปเป็นหลักประกันแทนแหวนเพ็ชรที่ตัวแทนจำนำไว้กับบุคคลภายนอกโดย บอกกับบุคคลภายนอกว่าตัวการให้นำพวงคอเพ็ชรมาเป็นหลักประกันแหวนเพ็ชรและขอรับแหวนเพ็ชรกลับไป ดังนี้ถือว่าทางปฏิบัติของตัวการที่เคยใช้ตัวแทนให้จำนำทรัพย์แก่บุคคลภายนอกมาแล้วนั้นทำให้บุคคลำายนอกมี มูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่าการจำนำโดยการแลกเปลี่ยนกับทรัพย์ที่จำนำไว้นั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ตัวแทนบอกยืนยันตัวการจังต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนได้ทำไปตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 820, 822
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบอำนาจตัวแทน: การจำนำทรัพย์โดยแลกเปลี่ยนกับทรัพย์เดิม ผูกพันบุคคลภายนอกเมื่อมีมูลเหตุเชื่อถือได้
ตัวการมอบพวงคอเพ็ชรให้แก่ตัวแทนเพื่อไปขายแก่บุคคลภายนอกแต่ตัวแทนกลับนำพวงคอเพ็ชรนั้นไปเป็นหลักประกันแทนแหวนเพ็ชร ที่ตัวแทนจำนำไว้กับบุคคลภายนอก โดยบอกกับบุคคลภายนอกว่าตัวการให้นำพวงคอเพ็ชรมาเป็นหลักประกันแทนแหวนเพ็ชรและขอรับแหวนเพ็ชรกลับไป ดังนี้ ถือว่าทางปฏิบัติของตัวการที่เคยใช้ตัวแทนให้จำนำทรัพย์แก่บุคคลภายนอกมาแล้วนั้น ทำให้บุคคลภายนอกมีมูลเหตุอันสมควรจะเชื่อว่า การจำนำโดยการแลกเปลี่ยนกับทรัพย์ที่จำนำไว้นั้นอยู่ภายในขอบอำนาจของตัวแทนตามที่ตัวแทนบอกยืนยันตัวการ จึงต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการที่ตัวแทนได้ทำไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820,822
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้เป็นหลักฐานผูกพัน แม้ฟ้องอ้างเป็นตัวแทน หากเอกสารระบุเป็นผู้กู้เอง
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นสำคัญ โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือกู้นี้มาพร้อมกับฟ้องด้วย เมื่อหนังสือกู้นั้นมีความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียว ไม่ปรากฏว่าทำในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใด ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาถือว่าเอกสารที่แนบมาท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าตึกและการเป็นบริวารของผู้เช่า แม้มีการโอนกิจการ ห้างหุ้นส่วนก็ยังต้องรับผิดตามสัญญาเช่า
จำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนไปเช่าตึกเพื่อดำเนินกิจการของห้าง แม้ต่อมาหุ้นส่วนคนหนึ่งจะได้รับโอนกิจการทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียวก็ดี เมื่อผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยออกจากสถานที่เช่าย่อมขับไล่ผู้รับโอนกิจการของหุ้นส่วนนั้นได้ โดยถือว่าเป็นบริวารของจำเลยผู้เช่า ผู้รับโอนจะอ้างว่าจำเลยไปทำสัญญาแทนห้างหุ้นส่วนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า - ผู้รับโอนกิจการหุ้นส่วนสามัญ - สถานะบริวาร - อำนาจการเช่า
จำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนไปเช่าตึกเพื่อดำเนินกิจการของห้างแม้ต่อมาหุ้นส่วนคนหนึ่งจะได้รับโอนกิจการทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียวก็ดี เมื่อผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยออกจากสถานที่เช่า ย่อมขับไล่ผู้รับโอนกิจการของหุ้นส่วนนั้นได้ โดยถือว่าเป็นบริวารของจำเลยผู้เช่า ผู้รับโอนจะอ้างว่าจำเลยไปทำสัญญาแทนห้างหุ้นส่วนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับสัญญาซื้อขายกับตัวแทนที่เปิดเผยชื่อตัวการ เจ้าของที่ดินไม่ยินยอม
ผู้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินกับตัวแทนของเจ้าของที่จะฟ้องบังคับตัวแทนให้ทำการโอนที่ดินไม่ได้ ในเมื่อปรากฏตัวเจ้าของที่แล้ว และเจ้าของที่มิใช่อยู่ต่างประเทศ