คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุไพศาล วิบุลศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2697/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองแยกจากหนี้ได้ เจ้าหนี้จำนองเลือกใช้สิทธิเรียกร้องเป็นเจ้าหนี้สามัญแล้ว สิทธิจำนองระงับ
การจำนองนั้นอาจแยกการจำนองกับหนี้ที่เอาทรัพย์สินที่จำนองเป็นประกันได้ เจ้าหนี้จำนองจะใช้สิทธิเรียกร้องอย่างเจ้าหนี้สามัญโดยสละบุริมสิทธิหรือจะบังคับจำนองก็ได้ถ้าเลือกใช้สิทธิเรียกร้องอย่างเจ้าหนี้สามัญ และได้รับชำระหนี้ตามส่วนแล้ว สิทธิในฐานะผู้รับจำนองเหนือที่ดินที่จำนองก็ระงับสิ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานหลักฐานในคดีละเมิด และการโต้แย้งความถูกต้องของเอกสารบัญชี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายรายการ จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำการตามที่โจทก์กล่าวอ้างและโจทก์มิได้เสียหายโจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยได้ทำการต่างๆ อันเป็นเหตุให้โจทก์มิได้รับความเสียหายเป็นจำนวนดังที่ฟ้องมา
การคัดค้านพยานเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 125 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้คัดค้านเสียก่อนวันสืบพยานนั้น เป็นการให้คัดค้านในเรื่องการมีอยู่ของต้นฉบับความแท้จริงของต้นฉบับหรือความถูกต้องตามต้นฉบับของสำเนาที่อ้าง หาใช่บังคับให้ต้องคัดค้านไว้ก่อนว่าข้อความในเอกสารไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้คัดค้านบัญชีงบดุลที่โจทก์ส่งศาล จำเลยก็ยังโต้เถียงได้ว่าการคิดบัญชีนั้นไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2663/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพิสูจน์ความเสียหายในคดีละเมิด และขอบเขตการคัดค้านพยานเอกสาร
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายรายการ จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำการตามที่โจทก์กล่าวอ้างและโจทก์มิได้เสียหายโจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยได้ทำการต่างๆ อันเป็นเหตุให้โจทก์มิได้รับความเสียหายเป็นจำนวนดังที่ฟ้องมา
การคัดค้านพยานเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 125 ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้คัดค้านเสียก่อนวันสืบพยานนั้น เป็นการให้คัดค้านในเรื่องการมีอยู่ของต้นฉบับความแท้จริงของต้นฉบับหรือความถูกต้องตามต้นฉบับของสำเนาที่อ้าง หาใช่บังคับให้ต้องคัดค้านไว้ก่อนว่าข้อความในเอกสารไม่ถูกต้อง แม้จำเลยมิได้คัดค้านบัญชีงบดุลที่โจทก์ส่งศาล จำเลยก็ยังโต้เถียงได้ว่าการคิดบัญชีนั้นไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2656/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตแม้แร่จะครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.แร่
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 108 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใดเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามอนุมาตรา 1ถึง 10 ย่อมใช้บังคับในกรณีที่มีแร่ไว้ในครอบครองโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่3 ครอบครองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตและขนแร่ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนมาตรา 108 จึงต้องมีความผิดฐานมีแร่ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง และฐานขนแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3คนละ 214,844.58 บาทโดยกำหนดว่าหากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 แต่มิได้ระบุชัดแจ้งว่าจะกักขังเกินหนึ่งปีหรือไม่และมีกำหนดเท่าใดเช่นนี้ จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1835/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2656/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แร่จะมาจากการครอบครองที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ยังถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.แร่
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 108 บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใดเว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นตามอนุมาตรา 1ถึง 10 ย่อมใช้บังคับในกรณีที่มีแร่ไว้ในครอบครองโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่3ครอบครองแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตและขนแร่ดังกล่าวโดยฝ่าฝืนมาตรา 108 จึงต้องมีความผิดฐานมีแร่ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง และฐานขนแร่โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง
ศาลพิพากษาลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 คนละ 214,844.58 บาทโดยกำหนดว่าหากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่มิได้ระบุชัดแจ้งว่าจะกักขังเกินหนึ่งปีหรือไม่และมีกำหนดเท่าใดเช่นนี้ จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้ (อ้างฎีกาที่1835/2514)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนและการนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ
การชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ว่า ความจริงโจทก์เป็นผู้ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อแทนจำเลย แต่ใบเสร็จรับเงินลงชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อตามระเบียบ ของห้างผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้แทนและการนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์การชำระหนี้ในสัญญาเช่าซื้อ
การชำระเงินตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดง โจทก์มีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างของตนได้ว่า ความจริงโจทก์เป็นผู้ชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ แทนจำเลย แต่ใบเสร็จรับเงินลงชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อตามระเบียบ ของห้างผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำหน่ายทรัพย์สินชำระหนี้จำนอง ไม่ถือเป็นการโกงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยขายที่ดินเพื่อเอาเงินชำระหนี้ซึ่งที่ดินนั้นติดจำนองอยู่ตามที่เจ้าหนี้ผู้รับจำนองเร่งรัดทวงถามให้ชำระและขายได้ราคาซึ่งเป็นจำนวนพอดีๆ ที่จะชำระหนี้จำนองเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยขายที่ดินไปโดยเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้รับชำระหนี้ตามฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์ เห็นว่าการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเลือกตั้ง: ใช้เอกสารปลอมสมัครรับเลือกตั้งโดยเจตนาทุจริตและขาดความเคารพต่อกฎหมาย
จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิ จำเลยกระทำการทั้งหลายต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาประการเดียวที่จะให้ทางราชการหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน และให้ทางราชการรับสมัครจำเลยเป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรเท่านั้น จึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และเห็นได้ว่าจำเลยเป็นผู้ที่ไม่เคารพหรือหวั่นเกรงต่อกฎเกณฑ์กติกาใดๆ ของบ้านเมืองเลย เป็นพฤติการณ์ที่ไม่สมควรจะรอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องบังคับจำนอง: การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยทนายความและการไม่เคลือบคลุมของฟ้อง
โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง และขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้จำนองด้วย แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาที่จำนอง ก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
of 51