คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุไพศาล วิบุลศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้าง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลาง 19 แผ่นวางเรียงทำเป็นพื้นบ้าน มีห้องนอนห้องครัว และห้องเก็บของ ส่วนไม้ที่เหลืออีก 7 แผ่นใช้ทำเป็นฝาโรงเก็บข้าวโพด การที่ไม้ดังกล่าวยังไม่ได้ไสกบให้เรียบหรือการที่จำเลยเพิ่งตอกตะปูไม้พื้นภายหลังถูกจับแล้ว ก็อาจเป็นเพราะบ้านปลูกอยู่ในชนบทและจำเลยยากจน บ้านหลังนี้มีทะเบียนบ้าน จำเลยปลูกและอาศัยอยู่กับบุตรภรรยาเป็นเวลานานถึงประมาณ 6 ปีแล้ว ไม่มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่า ไม้ของกลางจะอยู่ในสภาพพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้าง เมื่อไม้ของกลางอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างก็ไม่ใช่ไม้แปรรูปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 4(4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่10 เมษายน พ.ศ.2515 ข้อ1 การมีไม้ของกลางดังกล่าวไว้ในความครอบครองจึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปในสภาพสิ่งปลูกสร้าง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ หากไม่มีเจตนาพราง
ไม้ของกลาง 19 แผ่นวางเรียงทำเป็นพื้นบ้าน มีห้องนอน ห้องครัว และห้องเก็บของ ส่วนไม้ที่เหลืออีก 7 แผ่น ใช้ทำเป็นฝากโรงเก็บข้าวโพด การที่ไม้ดังกล่าวยังไม่ได้ไสกบให้เรียบหรือการที่จำเลยเพิ่งตอกตะปูไม้พื้นภายหลังถูกจับแล้ว ก็อาจเป็นเพราะบ้านปลูกอยู่ในชนบทและจำเลยยากจน บ้านหลังนี้มีทะเบียนบ้าน จำเลยปลูกและอาศัยอยู่กับบุตรภรรยาเป็นเวลานานถึงประมาณ 6 ปีแล้ว ไม่มีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยว่า ไม้ของกลางจะอยู่ในสภาพพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้าง เมื่อไม้ของกลางอยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างก็ไม่ใช่ไม้แปรรูปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4 (4) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 116 ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2515 ข้อ 1 การมีไม้ของกลางดังกล่าวไว้ในความครอบครองจึงไม่เป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อุทธรณ์ได้
ปัญหาว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกคำให้การ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์โจทก์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาทตามตาราง 1 ข้อ(2) ไม่ใช่เสียตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่อยู่ในข้อห้ามอุทธรณ์
ปัญหาว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกคำให้การเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์โจทก์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) ไม่ใช่เสียตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากแก้ไขเล็กน้อยในศาลอุทธรณ์ และทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท
ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 30,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1(ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ร่วมกันรับผิดในจำนวนเงิน30,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองตั๋วสัญญาใช้เงิน: ขอบเขตความรับผิดของผู้รับอาวัล และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย
ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 2 รับผิดในฐานะผู้รับอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 30,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 (ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน) ในจำนวนเงิน 5,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ร่วมกันรับผิดในจำนวนเงิน 30,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2392/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาจ้างเหมา แม้ไม่มีตราบริษัท และขอบเขตความรับผิดชำรุดบกพร่องหลังส่งมอบงาน
สัญญาจ้างระบุไว้ว่า ระหว่างบริษัทโจทก์โดยนางสาว ว.ผู้ว่าจ้างและจำเลยผู้รับจ้าง เมื่อนางสาว ว. ลงนามในสัญญาและบริษัทโจทก์ได้ยอมรับเอาผลงานที่จำเลยทำให้ตามสัญญาจนกระทั่งบริษัทโจทก์ได้จ่ายค่าจ้าง ให้จำเลยครบถ้วนตามสัญญาแล้วแม้จะไม่ได้ประทับตราสำคัญของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
สัญญาจ้างเหมาเจาะบ่อน้ำบาดาลมิได้กำหนดเวลาที่ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่อง ผู้รับจ้างต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องที่ปรากฏขึ้นภายใน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 600 โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจ้างใช้เครื่องยนต์เก่าหรือไม่ เว้นแต่ความชำรุดบกพร่องจะเกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ว่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2392/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาจ้างเหมา แม้ไม่มีตราบริษัท และความรับผิดชอบต่อความชำรุดบกพร่องของงาน
สัญญาจ้างระบุไว้ว่า ระหว่างบริษัทโจทก์โดยนางสาวว.ผู้ว่าจ้างและจำเลยผู้รับจ้าง เมื่อนางสาวว. ลงนามในสัญญาและบริษัทโจทก์ได้ยอมรับเอาผลงานที่จำเลยทำให้ตามสัญญาจนกระทั่งบริษัทโจทก์ได้จ่ายค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนตามสัญญาแล้ว แม้จะไม่ได้ประทับตราสำคัญของบริษัทตามข้อบังคับ บริษัทโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
สัญญาจ้างเหมาเจาะบ่อน้ำบาดาลมิได้กำหนดเวลาที่ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่อง ผู้รับจ้างต้องรับผิดเพื่อการที่ทำชำรุดบกพร่องที่ปรากฏขึ้นภายใน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 600โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้รับจ้างใช้เครื่องยนต์เก่าหรือใหม่เว้นแต่ความชำรุดบกพร่องจะเกิดขึ้นเพราะความผิดของผู้ว่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2327/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีเงินทดแทนต้องวางเงินตามคำสั่งก่อน หากไม่วางเงิน ศาลไม่รับฟ้อง
การที่โจทก์จะนำคดีมาสู่ศาลในกรณีที่อธิบดีกรมแรงงานมีคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจ่ายเงินทดแทนให้แก่ผู้ยื่นคำร้องเรียกเงินทดแทนนั้นตามข้อ 60 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 โจทก์จะต้องวางเงินต่อศาลเป็นจำนวนตามคำสั่งของอธิบดีกรมแรงงาน จึงจะฟ้องคดีได้ ถ้าปรากฏว่าโจทก์มิได้วางเงินดังกล่าวต่อศาลโจทก์ก็นำคดีมาสู่ศาลไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2226/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการแจ้งเจ้าของกรรมสิทธิ์: เจ้าหนี้บังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินลูกหนี้รายเดียว ไม่ต้องแจ้งอีกราย
จำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้ร่วมของโจทก์ตามคำพิพากษาแล้วไม่ชำระหนี้โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเช่นนี้ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่จำต้องแจ้งการยึดหรือแจ้งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดแก่จำเลยที่ 1 เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้แจ้งการยึดแก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และเจ้าพนักงานที่ดินตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 304 แล้วการยึดทรัพย์รายนี้จึงถูกต้องตามกฎหมาย
of 51