พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เอกสารประกอบการซักค้านพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ไม่ถือเป็นการสืบพยานโดยจำเลย
                        
                        เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการซักค้านพยานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง  ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำเบิกความของพยานโจทก์ที่ตอบคำซักค้านของทนายจำเลย    เมื่อการซักค้านนั้นพาดพิงไปถึงพยานเอกสารใดซึ่งพยานได้ตรวจดูและให้การยอมรับแล้ว  ทนายจำเลยย่อมส่งเอกสารนั้นเข้าประกอบถ้อยคำของพยานโจทก์ได้  หาใช่เป็นเรื่องจำเลยนำพยานเข้าสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง  อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา 165  วรรคสอง  ไม่   ศาลจึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องจดทะเบียนเมื่อโอนกรรมสิทธิ์ หากไม่จดทะเบียนสิทธิไม่มีผล
                        
                        บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันได้แก่ราคาอสังหาริมทรัพย์และดอกเบี้ยที่ค้างชำระนั้นจะมีผลเป็นบุริมสิทธิก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนบอกไว้เมื่อมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ถ้าไม่ได้จดทะเบียนก็ไม่มีบุริมสิทธิแต่อย่างใด
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ต้องจดทะเบียนบอกราคาจึงมีผลบังคับใช้
                        
                        บุริมสิทธิ์ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อันได้แก่ราคาอสังหาริมทรัพย์และดอกเบี้ยที่ค้างชำระนั้นจะมีผลเป็นบุริมสิทธิ์ก็ต่อเมื่อได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์  ถ้าไม่ได้จดทะเบียนก็ไม่มีบุริมสิทธิแต่อย่างใด
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิการร้องขอปล่อยทรัพย์สินจากการบังคับคดี ต้องแสดงว่ามีสิทธิในทรัพย์สิน หรือมีข้อโต้แย้งสิทธิที่ชัดเจน
                        
                        แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง  มาตรา 288 จะมิได้บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน  แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับ  มาตรา 55  คือผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป. ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป. จะคืน น.ส. 3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย จะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
                                    ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป. ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป. จะคืน น.ส. 3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขาย จะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิในการร้องขัดทรัพย์ต้องมีสิทธิในทรัพย์สินที่ถูกยึด สัญญาจะซื้อขายยังไม่ทำให้เกิดสิทธิครอบครอง
                        
                        แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 จะมิได้บังคับว่าผู้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 55 คือผู้ยื่นคำร้องจะต้องแสดงว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของตนตามกฎหมายแพ่ง
ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป.ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป.จะคืน น.ส.3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป.ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายจะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
                                    ทรัพย์ที่ยึดไม่ได้เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเพียงแต่มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นบุคคลสิทธิระหว่างผู้ร้องกับเจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึด ยังไม่มีสิทธิในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ยังถือไม่ได้ว่าผู้ร้องถูกโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สินนั้น ไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นได้
บันทึกมีข้อความว่า ป.ตกลงให้ผู้ร้องกับพวกซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากคืน โดยชำระเงินแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะนำมาชำระภายใน 15 วัน แล้ว ป.จะคืน น.ส.3 สำหรับที่ดินพร้อมทั้งหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ร้องกับพวกไปทำการจดทะเบียนทางอำเภอต่อไป.ข้อความดังกล่าวยังมีการที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องปฏิบัติกันอีกอันจะให้สำเร็จผลเป็นการซื้อขายบันทึกดังกล่าวจึงเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่ใช่สัญญาซื้อขายจะถือว่าขณะทำบันทึกผู้ขายสละสิทธิครอบครองให้ผู้ซื้อแล้วหาได้ไม่ ผู้ร้องยังไม่ได้สิทธิครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เจตนาครอบครองอาวุธปืน: จำเลยเก็บปืนได้เพื่อส่งมอบกำนัน ไม่ถือว่ามีเจตนาครอบครองเพื่อตนเอง
                        
                        จำเลยเก็บปืนกับกระสุนได้ บรรจุอยู่ในถุงกระดาษริมทางจำเลยนำไปจะส่งกำนัน เลยถูกกำนันจับ ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา72,78
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฟ้องละเมิดคนละคราว: ไม่ถือเป็นคำฟ้องซ้ำ หากเหตุละเมิดต่างหากจากคดีก่อน
                        
                        คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 คนเดียว กระทำละเมิดเข้าทำนาของโจทก์ในปีการทำนา พ.ศ.2519 คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณา แล้วโจทก์ฟ้องคดีนี้ว่าจำเลยที่ 1 กับพวกเข้ามาแย่งไถและหว่านข้าวทำนาอันเป็นการละเมิดในปี พ.ศ.2520 ซึ่งเป็นการละเมิดคนละคราวต่างหากจากกัน(ทั้งในชั้นตรวจรับคำฟ้อง ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นการทำละเมิดต่อเนื่องเรื่อยมา อันจะพึงถือว่าเป็นการทำละเมิดคราวเดียวกัน) จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นคำฟ้องเรื่องเดียวกัน ฟ้องโจทก์ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดี และการบรรยายฟ้องที่ชัดเจนครบถ้วน
                        
                        คำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย  เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา  ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8  และพิพากษาเมื่อวันที่  24 เดือนเดียวกัน  แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้  จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว  ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหายจึงขอฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใด จำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไป โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
                                    บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาท ครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหายจึงขอฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใด จำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไป โจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเช่า, การบอกเลิกสัญญา, ฟ้องขับไล่, สัญญาต่างตอบแทน, คำสั่งศาลระหว่างพิจารณา
                        
                        คำสั่งศาลที่ให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานโจทก์จำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 8 และพิพากษาเมื่อวันที่ 24 เดือนเดียวกัน แต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าว ทั้งปัญหานี้มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันศาลจะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาทครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใดจำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไปโจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
                                    บรรยายฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ค่าเช่าเดือนละ 200 บาทครบกำหนดอายุการเช่าตามกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากตึกที่เช่า จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหาย จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า โจทก์ยินยอมอนุญาตให้จำเลยปลูกครัวในที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่นอกอาคารที่เช่าได้หนึ่งหลัง ถ้าโจทก์ต้องการที่ดินในส่วนนั้นเมื่อใดจำเลยจะรื้อถอนครัวออกทันที ถ้าจำเลยผิดสัญญาคือไม่รื้อไปโจทก์จะเลิกสัญญาเช่าทันที ดังนี้ หามีผลทำให้สัญญาเช่าเดิมกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2522
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิใช้ทางจำเป็นและการชดใช้ค่าทดแทนเมื่อที่ดินถูกล้อม กรณีทางพิพาทจำกัดพื้นที่
                        
                        ทางจำเป็นโดยไม่ต้องใช้ค่าทดแทนตาม มาตรา1350 เป็นกรณีแบ่งที่ดินทำให้ที่ดินแปลงหนึ่งไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะไม่ใช่ทางสาธารณะเกิดขึ้นภายหลังแบ่งแยกที่ดินแล้วค่าทดแทนตาม มาตรา1349เมื่อโจทก์ไม่ได้เสนอขอชดใช้ในคดีนี้ จำเลยชอบที่จะว่ากล่าวเป็นอีกคดีหนึ่ง