คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุไพศาล วิบุลศิลป์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 504 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเช็ค: วันที่ปฏิเสธการจ่ายเงินสำคัญต่อการพิสูจน์ความผิด จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
ความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ลงในเช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบ ย่อมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมนำเช็คสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ 15 และ 27 มีนาคม 2519 ตามวันที่ลงในเช็ค และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ซึ่งแตกต่างกันอันเป็นการแตกต่างในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ คดีต้องยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2, 215, 2254

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.เช็ค: วันปฏิเสธการจ่ายเงินสำคัญต่อการฟ้องคดี การบรรยายฟ้องไม่ตรงกับหลักฐานทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ลงในเช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถึงวันกระทำผิดไม่ตรงกับหลักฐานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินที่โจทก์นำสืบ ย่อมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมนำเช็คสองฉบับไปขึ้นเงินในวันที่ 15 และ 27 มีนาคม 2519 ตามวันที่ลงในเช็คและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าเงินในบัญชีของจำเลยไม่พอจ่ายตามเช็ค แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์ นำสืบฟังได้ว่าโจทก์ร่วมนำเช็คทั้งสองฉบับไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2519 ซึ่งแตกต่างกันอันเป็นการแตกต่าง ในข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญ คดีต้องยกฟ้องโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2, 215, 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุประสงค์บริษัทจำกัด: การรับจำนองค้ำประกันหนี้ค่าซื้อสินค้าเข้าข่ายหรือไม่
บริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ตามหลักฐานใบทะเบียนพาณิชย์ว่าเป็นนายหน้าตัวแทนค้าต่าง ซื้อขายสินค้า ดังนี้ การรับจำนองค้ำประกันหนี้ค่าซื้อสินค้าอยู่ในวัตถุประสงค์ของบริษัท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง: พิจารณาจากเหตุผลโดยรวม มิใช่แค่ข้อคัดค้านของจำเลย
การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปในคดี มิใช่พิจารณาเฉพาะเพียงเหตุผลที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านเท่านั้น และแม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้อง ศาลก็ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่า คำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอ ที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 141 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2234/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลอนุญาตให้ถอนฟ้อง: พิจารณาเหตุผลโดยรวม มิใช่เฉพาะเหตุคัดค้านของจำเลย
การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลโดยพิจารณาจากพฤติการณ์และเหตุผลอื่น ๆ โดยทั่วไปในคดี มิใช่พิจารณาเฉพาะเพียงเหตุผลที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อคัดค้านเท่านั้น และแม้จำเลยจะคัดค้านการถอนฟ้อง ศาลก็ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้
ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า แม้จำเลยจะคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าเป็นดุลพินิจของศาลที่ควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เท่ากับศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยให้แล้วว่าคำร้องคัดค้านของจำเลยไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลชั้นต้นจะสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 141 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ชิงทรัพย์: การใช้กำลังแย่งทรัพย์โดยไม่ประทุษร้ายกายจิตใจ
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กาย หรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์ต้องใช้กำลังประทุษร้ายหรือข่มขู่ หากไม่มีองค์ประกอบนั้นเข้าข่ายลักทรัพย์
จำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหายแล้วลักเอานกเขาพร้อมกรงของผู้เสียหายนางสาวดำเห็นเข้าจึงเข้าแย่งกรงนั้นแต่สู้กำลังจำเลยไม่ได้ จำเลยจึงแย่งเอากรงและนกเขาของผู้เสียหายไปได้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะจำเลยไม่ได้ใช้กำลังประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของนางสาวดำแต่ประการใด จำเลยคงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าและการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การพิจารณาเจตนา การกระทำ และเหตุผลในการป้องกัน
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายในระยะ 4-5 เมตร ถูกผู้เสียหายที่ตะโพกซ้าย แสดงว่าจำเลยเจตนายิงไปที่ลำตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เหตุที่กระสุนปืนถูกที่ตะโพกซ้าย เชื่อได้ว่าเพราะจำเลยยิงไม่แม่นยำ การยิงของจำเลยอยู่ในลักษณะที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้าย น. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น. ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธปืน แม้เป็นการป้องกัน แต่เกินกว่าเหตุ
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายในระยะ 4 - 5 เมตร ถูกผู้เสียหายที่ตะโพกซ้าย แสดงว่าจำเลยเจตนายิงไปที่ลำตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เหตุที่กระสุนปืนถูกที่ตะโพกซ้าย เชื่อได้ว่าเพราะจำเลยยิงไม่แม่นยำ การยิงของจำเลยอยู่ในลักษณะที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้ายน. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น.ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเพื่อกันคดีขาดอายุความ ไม่ถือเป็นการร้องทุกข์ ทำให้คดีขาดอายุความ
ผู้เสียหายในคดียักยอกแจ้งต่อตำรวจบันทึกไว้ว่า มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกันคดีขาดอายุความ ไม่เป็นการร้องทุกข์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะไม่ใช่แจ้งเพื่อให้สอบสวนดำเนินคดีต่อไป
of 51