พบผลลัพธ์ทั้งหมด 396 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามสัญญา และการคืนเงินค่าที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดิน จำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่ากับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้ซื้อสุจริตจากการขายทอดตลาด: คุ้มครองแม้เจ้าของที่แท้จริงพิสูจน์ได้ภายหลัง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสีย สิทธิไปถ้า จำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้นโจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แท้จริง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดโดยสุจริต แม้ผู้ขายไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสียสิทธิไปถ้าจำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้น โจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แจ้ง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2880/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดต่อเนื่อง: ข่มขืนกระทำชำเราหลายวาระ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2521 แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกยังควบคุมตัวผู้เสียหายไว้ตลอดเวลามิได้ปล่อยให้เป็นอิสระ แม้จำเลยที่ 2 จะได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีกในคืนวันที่ 4 ติดต่อกับคืนวันที่ 5 มกราคม 2521 ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิม เป็นความผิดกรรมเดียวโจทก์ฟ้องซ้ำคดีเดิมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกตามพินัยกรรม: ถือตามอาณาเขตที่ระบุ แม้เนื้อที่รวมในพินัยกรรมเกินจำนวนที่ดินจริง
เมื่อพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองระบุชัดแจ้งว่าผู้ใดได้ที่ดินที่ตรงไหน อย่างไร การแบ่งที่ดินก็ย่อมต้องแบ่งไปตามที่ระบุในพินัยกรรม การที่จำนวนเนื้อที่ดินตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมมีมากกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริงฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งเป็นจำนวนเนื้อที่ย่อมได้รับลดน้อยลงไป จะถือเอาตามจำนวนที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งโดยระบุอาณาเขตไม่ระบุเนื้อที่ก็ย่อมต้องได้ตามอาณาเขตที่ระบุไว้ในพินัยกรรมจะนำพยานบุคคลมาสืบพิสูจน์เจตนาผู้ทำพินัยกรรมให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม: การแบ่งที่ดินตามพินัยกรรมต้องเป็นไปตามอาณาเขตและเนื้อที่จริง แม้พินัยกรรมระบุเนื้อที่เกินจริง
เมื่อพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองระบุชัดแจ้งว่าผู้ใดได้ที่ดินที่ตรงไหน อย่างไรการแบ่งที่ดินก็ย่อมต้องแบ่งไปตามที่ระบุในพินัยกรรม การที่จำนวนเนื้อที่ดินตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมมีมากกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริง ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งจำนวนเนื้อที่ย่อมได้รับลดน้อยลงไป จะถือเอาตามจำนวนที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่ ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งโดยระบุอาณาเขตไม่ระบุเนื้อที่ก็ย่อมต้องได้ตามอาณาเขตที่ระบุในพินัยกรรม จะนำพยานบุคคลมาสืบพิสูจน์เจตนาผู้ทำพินัยกรรมให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน การสันนิษฐานเรื่องส่วนแบ่ง และผลของการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้อง
ที่ดินมีโฉนดมิได้ระบุว่าผู้ใดมีกรรมสิทธิ์คนละเท่าใด กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 ซึ่งให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากัน ต่อมาได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของเจ้าของรวมคนหนึ่งโดยระบุส่วนของเจ้าของรวมคนนั้นเกินไปก็หาทำให้ผู้รับโอนได้กรรมสิทธิ์ส่วนที่เกินไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2820/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมที่ดิน: การแบ่งแยกสัดส่วนเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วน และการสันนิษฐานกรรมสิทธิ์เท่ากัน
ที่ดินมีโฉนดมิได้ระบุว่าผู้ใดมีกรรมสิทธิ์คนละเท่าใดกรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357ซึ่งให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าของรวมมีส่วนเท่ากันต่อมาได้มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วน ของ เจ้าของรวม คนหนึ่งโดยระบุส่วนของเจ้าของรวมคนนั้น เกินไปก็หาทำให้ ผู้รับโอนได้กรรมสิทธิ์ส่วนที่เกินไปด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2813-2814/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและบันทึกนำชี้สถานที่เกิดเหตุ ไม่เพียงพอลงโทษจำเลย หากจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน คงมีแต่คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและบันทึกนำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ อันเป็นพยานประกอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2808/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันของนายจ้างและผู้ครอบครองรถยนต์ในความเสียหายจากละเมิดของลูกจ้าง
จำเลยที่ 3 ได้นำรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเข้าร่วมในกิจการทำไม้ของจำเลยที่ 2 มีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ควบคุมไปเมื่อจำเลยที่ 1 ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 กระทำละเมิดในทางการที่จ้างอันเป็นกิจการของจำเลยที่ 2ถือได้ว่ากระทำละเมิดในทางการที่จ้างอันเป็นกิจการของจำเลยที่ 3 ด้วย