พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งและการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้มีเจตนาขัดขืนคำสั่ง
คำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 วรรคท้าย ไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาฟ้องแย้งขอให้โจทก์โอนขายที่ดินต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาที่ดิน จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ให้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มตามทุนทรัพย์ ฟังไม่ได้ว่า จำเลยเจตนาไม่ชำระค่าธรรมเนียมฟ้องแย้งให้ครบถ้วน ศาลให้เวลาชำระค่าธรรมเนียมภายใน 3 วัน นับแต่ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องสอดเพื่อคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินจากการอายัดระหว่างพิจารณาคดี ไม่ใช่การขอเป็นจำเลยร่วม
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างจากจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องสอด แม้คำร้องจะใช้คำว่าขอเข้าเป็นจำเลยร่วม แต่เนื้อความเป็นเรื่องตั้งข้อพิพาทขึ้นใหม่ว่าทรัพย์สินที่ศาลสั่งอายัดชั่วคราวระหว่างพิจารณาเป็นของผู้ร้อง โดยผู้ร้องซึ่งเป็นหุ้นส่วน กับ ธ. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯจำเลยได้ทำการประมูลกิจการของจำเลยและผู้ร้องประมูลได้ โจทก์กับ ธ.สมคบกันทำสัญญาว่าจ้างปลอม ดังนี้ หากข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องสอดคำพิพากษาคดีนี้ย่อมมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิในทรัพย์สินของจำเลยที่ผู้ร้องมีส่วนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ด้วยคำร้องสอดของผู้ร้องจึงเป็นคำร้องเพื่อขอความคุ้มครองสิทธิของผู้ร้องอันเกิดจากข้อพิพาทคดีนี้เมื่อผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในมูลความแห่งคดี ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความด้วยการร้องสอดเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หาใช่ผู้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมตามมาตรา 57(2) ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีเงินได้จากการจ่ายค่าจ้างให้บริษัทต่างประเทศ: เงินค่าจ้างถือเป็นกำไรที่ต้องเสียภาษีตามมาตรา 70 ทวิ ไม่เป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อน
โจทก์จ้างบริษัทต่างประเทศเป็นที่ปรึกษา โดยส่งคนมาในประเทศ โจทก์ส่งค่าจ้างไปยังบริษัทต่างประเทศ เงินนี้ถือเป็นเงินกำไร หรือถือเป็นเงินกำไรของบริษัทในต่างประเทศรวมอยู่ด้วย ซึ่งโจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 70 ทวิ
เจ้าพนักงานประเมินใช้วิธีคำนวณจากภาษีที่โจทก์ชำระไว้แล้ว เป็นกำไรสุทธิเท่าใดแล้วหักภาษีที่ชำระแล้วออก เหลือเท่าใดเป็นเงินกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 15 เป็นการถูกต้องแล้ว
โจทก์เสียภาษีเงินได้แทนบริษัทในต่างประเทศไปแล้ว เป็นการเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ มาตรา 71(1) การเสียภาษีเงินได้ตาม มาตรา 70 ทวิ เป็นการเสียภาษีในการจำหน่ายกำไรออกจากประเทศไทย ไม่ใช่เสียภาษีซ้ำซ้อน
เจ้าพนักงานประเมินใช้วิธีคำนวณจากภาษีที่โจทก์ชำระไว้แล้ว เป็นกำไรสุทธิเท่าใดแล้วหักภาษีที่ชำระแล้วออก เหลือเท่าใดเป็นเงินกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 15 เป็นการถูกต้องแล้ว
โจทก์เสียภาษีเงินได้แทนบริษัทในต่างประเทศไปแล้ว เป็นการเสียภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ มาตรา 71(1) การเสียภาษีเงินได้ตาม มาตรา 70 ทวิ เป็นการเสียภาษีในการจำหน่ายกำไรออกจากประเทศไทย ไม่ใช่เสียภาษีซ้ำซ้อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองแร่ผิดกฎหมายจากการดูดแร่นอกเขตประทานบัตร ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิมให้ริบแร่ของกลาง
จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่ การออกหาแร่คราวหนึ่งๆใช้เวลาราว 5-6 วันจำเลยได้ทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรที่ได้รับอนุญาต มีแร่อยู่ในความครอบครองเกิน 2 กิโลกรัม แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางนั้นเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้เป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยมีความผิดและแร่ของกลางต้องริบตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูดแร่ผิดกฎหมายนอกเขตประทานบัตร: จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.แร่ และต้องริบแร่ของกลาง
จำเลยเป็นผู้ขับแพควบคุมคนงานออกดูดหาแร่ การออกหาแร่คราวหนึ่ง ๆ ในเวลาราว 5-6 วัน จำเลยได้ทำการดูดแร่นอกเขตประทานบัตรที่ได้รับอนุญาต มีแร่อยู่ในความครอบครองเกิน 2 กิโลกรัม แร่ที่ดูดขึ้นมาบนแพถือได้ว่าอยู่ในความครอบครองของจำเลย และแร่ของกลางนั้นเป็นแร่ที่อยู่นอกเขตเหมืองแร่ที่เก็บแร่นั้นไว้เป็นแร่ที่จำเลยได้มาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยมีความผิดและแร่ของกลางต้องริบตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในกองมรดกของบุตรบุญธรรมที่มิได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
บุตรบุญธรรมตามกฎหมายเก่าและมิได้จดทะเบียนตามบรรพ 5มีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุตรบุญธรรม จึงไม่ใช่ทายาท และไม่มีส่วนได้เสียที่จะขอตั้งและถอนผู้จัดการมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทกฎหมายลงโทษโดยศาลอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า.จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 200 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 200และมาตรา 201 ให้ลงโทษตามมาตรา 149 ซึ่งเป็นบทหนักส่วนโทษที่ลงแก่จำเลยนั้นให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดดังนี้เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเฉพาะการปรับบทกฎหมายในการลงโทษให้ถูกต้อง โดยมิได้แก้ไขโทษแต่อย่างใด จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้ผิดกฎหมาย แม้มีใบเบิกทางแต่เกินเวลา หากไม่มีเจตนาถือครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นความผิด
จำเลยมีถ่านไม้บรรทุกรถโดยมีใบเบิกทางของเจ้าหน้าที่กำกับแต่บังเอิญรถยางรั่วนำไปถึงที่ไม่ทันกำหนด จึงเกินเวลาในใบเบิกทางไป 2 ชั่วโมง และถูกจับระหว่างทางยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนามีถ่านไม้ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ภูมิลำเนาของจำเลยจากการติดต่อค้าขาย
จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่การติดต่อซื้อขายไม้รายพิพาทโจทก์เคยติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 195 ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าบ้านเลขที่ 195 ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 อีกแห่งหนึ่งในการติดต่อค้าขายกับโจทก์ในกรุงเทพมหานคร และในกรณีเช่นนี้แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร โจทก์ก็ย่อมฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 (2) และมาตรา 5 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ภูมิลำเนาจำเลยจากการติดต่อค้าขาย, ฟ้องต่อศาลแพ่งได้
จำเลยที่ 1 ประกอบกิจการค้าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่การติดต่อซื้อขายไม้รายพิพาทโจทก์เคยติดต่อกับจำเลยที่ 1 ที่บ้านเลขที่ 195 ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร ถือได้ว่าบ้านเลขที่ 195 ดังกล่าว เป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 อีกแห่งหนึ่งในการติดต่อค้าขาย กับโจทก์ในกรุงเทพมหานคร และในกรณีเช่นนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานครโจทก์ก็ย่อมฟ้อง จำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และ มาตรา 5 วรรคสอง