พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ: เจ้าอาวาสมอบอำนาจ & ยอมรับตัวแทนจำเลย
พระครู อ. เป็นเจ้าอาวาสวัด บ. โจทก์ ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีว่าพระครู อ. มอบอำนาจให้ ส. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาจ้างทำของและเรียกค่าเสียหาย เป็นการมอบอำนาจในฐานะเป็นเจ้าอาวาสวัด บ. มิใช่ฐานะส่วนตัว ส่วนเรื่องคณะกรรมการวัดโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยนั้นปรากฏตามสัญญาจ้างทำของว่า เป็นการทำสัญญาระหว่างคณะกรรมการวัดโจทก์ โดย ส. ผู้รับมอบอำนาจ กับจำเลย จำเลยมิได้โต้เถียงประการใด หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องส่งของรับของตลอดจนการชำระเงินแสดงว่าจำเลยยอมรับว่า ส. เป็นตัวแทนวัดโจทก์ จึงเท่ากับเป็นการยอมรับหนังสือมอบอำนาจอยู่แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ: การมอบอำนาจของเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัด
พระครู อ. เป็นเจ้าอาวาสวัด บ. โจทก์ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีว่าพระครู อ. มอบอำนาจให้ ส. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย เรื่องผิดสัญญาจ้างทำของและเรียกค่าเสียหายเป็นการมอบอำนาจในฐานะเป็นเจ้าอาวาสวัด บ. มิใช่ฐานะส่วนตัว ส่วนเรื่องคณะกรรมการวัดโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยนั้น ปรากฏตามสัญญาจ้างทำของว่า เป็นการทำสัญญาระหว่างคณะกรรมการวัด โจทก์ โดย ส.ผู้รับมอบอำนาจ กับจำเลย จำเลยมิได้โต้เถียงประการใด หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องส่งของรับของตลอดจนการชำระเงิน แสดงว่าจำเลยยอมรับว่า ส.เป็นตัวแทนวัดโจทก์ จึงเท่ากับเป็นการยอมรับหนังสือมอบอำนาจอยู่แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3070/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกค่าบริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างรัฐวิสาหกิจและผู้ใช้บริการ
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจจัดบริการให้ผู้ที่พูดโทรศัพท์จากเครื่องโทรศัพท์ภายในบ้านหรือสำนักงานฝ่ายเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของกรมไปรษณีย์โทรเลขไปยังต่างประเทศ โดยผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดไว้แก่โจทก์ ค่าธรรมเนียมนี้คือสินจ้างถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน การเรียกเอาสินจ้างดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7) (อ้างคำพิพากษาฎีกา 2462/2520)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3070/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าบริการวิทยุโทรศัพท์: โจทก์เป็นผู้ค้า/รับทำการงาน มีอายุความ 2 ปี
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจจัดบริการให้ผู้ที่พูดโทรศัพท์จากเครื่องโทรศัพท์ภายในบ้านหรือสำนักงานผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของกรมไปรษณีย์โทรเลขไปยังต่างประเทศ โดยผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดไว้แก่โจทก์ค่าธรรมเนียมนี้คือสินจ้างจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน การเรียกเอาสินจ้างดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) (อ้างคำพิพากษาฎีกา 462/2520)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3069/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาติดตั้งเครื่องปรับอากาศและการพิจารณาเบี้ยปรับที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อหน่วยงานราชการ
โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่นำเครื่องปรับอากาศส่งมอบให้แก่จำเลยเป็นเวลานานถึง 10 เดือน 5 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานเกินควร ทั้งสถานที่ที่ติดตั้งเป็นสถาบันมะเร็งแห่งชาติที่ตั้งขึ้นเพื่อบำบัดทุกข์แก่ผู้เจ็บป่วยทั่วไปนับว่ามีความสำคัญมากทำให้งานของสถาบันต้องหยุดชะงักไป ไม่อาจดำเนินงานไปได้ จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะลดเบี้ยปรับลงอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3056/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงโดยปริยายในการปรับราคาค่าก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรี แม้ไม่มีเอกสารทำความตกลง
เมื่อตามพฤติการณ์ถือได้ว่าโจทก์กับการรถไฟแห่งประเทศไทยจำเลยได้ทำความตกลงกันแล้วโดยปริยายว่างานก่อสร้างที่ยังค้างอยู่นั้น ให้ถือราคาค่าก่อสร้างตามราคาที่ได้ปรับปรุงให้เพิ่มขึ้นแล้วตามมติคณะรัฐมนตรี ฉะนั้นจำเลยจึงมีความผูกพันต้องจ่ายเงินชดเชยค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ในอัตรา 41.6 เปอร์เซนต์ ตามที่ประธานคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงระบบการก่อสร้างและถาวรวัตถุของประเทศได้ตอบข้อหารือ และแจ้งมาให้จำเลยทราบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารต้องแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ หากไม่ระบุรายละเอียดถือเป็นเอกสารธรรมดา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมใบส่งของอันเป็นเอกสารสิทธิ โดยกล่าวถึงรายละเอียดในการปลอม แต่มิได้บรรยายว่าใบส่งของนั้นเป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับ ซึ่งสิทธิระหว่างผู้ส่งของกับผู้รับของอย่างไรบ้าง ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามที่บรรยายมาไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารสิทธิ ต้องแสดงรายละเอียดสิทธิที่เกี่ยวข้อง มิฉะนั้นเป็นเพียงความผิดฐานปลอมเอกสารธรรมดา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมใบส่งของอันเป็นเอกสารสิทธิ โดยกล่าวถึงรายละเอียดในการปลอม แต่มิได้บรรยายว่าใบส่งของนั้นเป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลงโอน สงวน หรือระงับ ซึ่งสิทธิระหว่างผู้ส่งของกับผู้รับของอย่างไรบ้าง ดังนี้ การกระทำของจำเลยตามที่บรรยายมาไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินไม่จดทะเบียน: โมฆะ แม้ส่งมอบและชำระราคาแล้ว
ข้อความในสัญญาซื้อขายที่ดินมีเพียงว่า ผู้ขายตกลงขายที่ดินมีโฉนดให้แก่ผู้ซื้อ และผู้ขายได้รับชำระราคาจากผู้ซื้อครบถ้วน กับส่งมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วในวันทำสัญญาเป็นการแสดงว่าคู่กรณีมีเจตนาซื้อขายที่ดินกันเสร็จเด็ดขาด โดยไม่จดทะเบียนการโอนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การซื้อขายที่ดินนั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2912/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงซื้อขายที่ดิน: นิติกรรมโมฆียะ, ผู้รับโอนรู้เห็นเป็นใจ อ้างสิทธิไม่ได้
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันฉ้อโกงเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ไป โดยหลอกว่ามีเงินฝากในธนาคารมากซึ่งไม่เป็นความจริง การแสดงเจตนาขายทรัพย์พิพาทของโจทก์จึงเกิดขึ้นเพราะกลฉ้อฉล นิติกรรมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นโมฆียะ โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนเสีย เป็นการบอกล้างโมฆียะกรรม นิติกรรมจึงตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก จำเลยที่ 2 ได้ทรัพย์พิพาทจากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้ทรัพย์พิพาทมาด้วยการฉ้อโกงโจทก์เป็นการได้มาโดยไม่สุจริต จะอ้างสิทธิยันโจทก์ไม่ได้นิติกรรมระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีผลตามกฎหมาย