พบผลลัพธ์ทั้งหมด 427 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์จ้างแรงงาน การกระทำในทางการที่จ้าง และความรับผิดของผู้ประกอบการต่อความเสียหายที่เกิดจากลูกจ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุรับจ้างบรรทุกหิน ดิน ทรายอันเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้าง ภายใต้บังคับบัญชาของนายจ้าง ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะจ่ายสินจ้างให้จำเลยที่ 1 เป็นรายเที่ยวก็เป็นแต่เพียงวิธีการคำนวณสินจ้างและกำหนดจ่ายสินจ้างเมื่องานได้ทำแล้วเสร็จหาทำให้อำนาจบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 เปลี่ยนแปลงไปไม่ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยทั้งสองจึงต้องด้วยลักษณะจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 การที่จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 เพื่อจะนำไปเก็บ ก็เป็นการปฏิบัติงานของนายจ้างตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปย่อมเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์จ้างแรงงาน การกระทำในทางการจ้าง และความรับผิดทางละเมิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุรับจ้างบรรทุกหิน ดิน ทราย อันเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้าง ภายใต้บังคับบัญชาของนายจ้าง ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะจ่ายสินจ้างให้จำเลยที่ 1 เป็นรายเที่ยวก็เป็นแต่เพียงวิธีการคำนวณสินจ้างและกำหนดจ่ายสินจ้างเมื่องานได้ทำแล้วเสร็จหาทำให้อำนาจบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 เปลี่ยนแปลงไปไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยทั้งสองจึงต้องด้วยลักษณะจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 การที่จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 เพื่อจะนำไปเก็บ ก็เป็นการปฏิบัติงานของนายจ้างตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปย่อมเป็นการกระทำในทางการที่จ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3766/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินทดรองค่าที่ดินส่วนตัว ไม่เข้าข้อยกเว้นอากรแสตมป์ เพราะเป็นการรับเงินส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะกรรมการ
โจทก์เป็นกรรมการอำนวยการบริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัดโจทก์กับ บริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัด ได้ร่วมกันซื้อที่ดินจากบริษัทสหกรุงเทพพัฒนา จำกัด จำนวน 43 ไร่เป็นของโจทก์ 14 ไร่ ที่เหลือเป็นของบริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัด โจทก์ได้จ่ายเงินชำระค่าที่ดินทั้งหมด 29,000,000 บาท โดยจ่ายทดรองให้บริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัด ไปก่อนเป็นเงิน 20,185,000 บาท ต่อมาบริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัด ได้คืนเงินดังกล่าวให้โจทก์โดยจ่ายเงิน 3 งวด โจทก์ลงชื่อรับเงินไว้ในใบสั่งจ่ายเงินดังกล่าวรวม 3 ฉบับ เอกสารทั้ง 3ฉบับดังกล่าวจึงเป็นบันทึกที่เป็นหลักฐานว่าโจทก์ได้รับ เงินจึงเป็นใบรับตามประมวลรัษฎากร มาตรา 103(ก) และการที่โจทก์รับเงินดังกล่าวเป็นการรับเงินมาเป็นส่วนตัวมิได้รับมาในฐานะเป็นกรรมการอำนวยการ บริษัทยูไนโกคอนสตรัคชั่น จำกัด ใบรับดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นใบรับที่ลูกจ้างและนายจ้างออกให้ซึ่งกันและกันหรือของคณะบุคคลซึ่งกระทำกิจการร่วมกันออกให้ซึ่งกันและกันตามหน้าที่เพื่อดำเนินกิจการของคณะบุคคลนั้น จึงไม่เข้าข้อยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 28 ณใบรับในลักษณะเช่นนี้จึงต้องปิดอากรตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3701/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 และ 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร และสิทธิในการโต้แย้งการประเมิน
หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ ประเมินโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 และ 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินทั้งนี้โดยเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยอ้างว่าโจทก์มิได้ส่งมอบบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนและมิได้ให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการตรวจสอบไต่สวนตามหมายเรียกซึ่งออกตามมาตรา 19 โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งเป็นคดีต่อศาล เพราะการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นอันยุติไปแล้ว คดีนี้โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องโดยชัดแจ้งว่า โจทก์หาได้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 19 แต่อย่างใดไม่ หากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่โจทก์กล่าวอ้าง การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 และ 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรย่อมเป็นการไม่ชอบ โจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ได้ ในกรณีเช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่ยุติโดยโจทก์จำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ ชอบที่จะฟังพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความก่อนพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3701/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยไม่ส่งมอบเอกสารและการโต้แย้งสิทธิโดยไม่ต้องอุทธรณ์
หากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้ ประเมินโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 และ 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินทั้งนี้โดยเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยอ้างว่าโจทก์มิได้ส่งมอบบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนและมิได้ให้ถ้อยคำชี้แจงประกอบการตรวจสอบไต่สวนตามหมายเรียกซึ่งออกตามมาตรา 19 โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งเป็นคดีต่อศาล เพราะการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นอันยุติไปแล้ว คดีนี้โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องโดยชัดแจ้งว่า โจทก์หาได้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกหรือคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินตามมาตรา 19 แต่อย่างใดไม่ หากข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่โจทก์กล่าวอ้าง การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 และ 71(1) แห่งประมวลรัษฎากรย่อมเป็นการไม่ชอบโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ได้ ในกรณีเช่นนี้โจทก์ไม่จำต้องอุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน แต่ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่ยุติโดยโจทก์จำเลยยังโต้เถียงกันอยู่ ชอบที่จะฟังพยานหลักฐานให้สิ้นกระแสความก่อนพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3634/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเดิมยังไม่ระงับ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการผิดสัญญาคงอยู่ แม้มีการเจรจาประนีประนอม
โจทก์บรรยายฟ้องถึงมูลหนี้ตามสัญญาซึ่งจำเลยมีต่อโจทก์ไว้โดยชัดแจ้ง และต่อมาจำเลยผิดสัญญา แม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยได้มาเจรจาประนีประนอมยอมความจะผ่อนชำระเป็นงวด ๆ แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มูลหนี้ตามสัญญาเดิมจึงยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสัญญาได้ และไม่เป็นการวินิจฉัยคดีเกินคำขอในฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3634/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาไม่ระงับเมื่อไม่มีข้อตกลงประนีประนอม โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้
โจทก์บรรยายฟ้องถึงมูลหนี้ตามสัญญาซึ่งจำเลยมีต่อโจทก์ไว้โดยชัดแจ้ง และต่อมาจำเลยผิดสัญญา แม้โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยได้มาเจรจาประนีประนอมยอมความจะผ่อนชำระเป็นงวด ๆ แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มูลหนี้ตามสัญญาเดิมจึงยังไม่ระงับสิ้นไป โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสัญญาได้ และไม่เป็นการวินิจฉัยคดีเกินคำขอในฟ้องของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3533/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างประเทศ, ใบมอบอำนาจ, การลงนามสัญญาที่ไม่ถูกต้อง, อายุความหนี้, การยอมรับผลงาน
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะมิได้ระบุว่าให้ฟ้องคดีในศาลประเทศไทยผู้รับมอบอำนาจก็มีอำนาจฟ้องคดีได้
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลย โดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์ เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย และจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลย โดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์ เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย และจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3533/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างประเทศ, ใบมอบอำนาจ, การรับสภาพหนี้, อายุความ, และผลของการลงนามสัญญาโดยกรรมการผู้จัดการ
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีแม้จะมิได้ระบุว่าให้ฟ้องคดีในศาลประเทศไทยผู้รับมอบอำนาจก็มีอำนาจฟ้องคดีได้
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลยโดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยและจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514 ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
สาระสำคัญของสัญญามีความว่า โจทก์ตกลงจะให้คำแนะนำช่วยเหลือจำเลยในการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบและช่วยฝึกฝนพนักงานของจำเลยในด้านเทคนิคและบริหารโรงงานทอกระสอบของจำเลยโดยจำเลยตกลงให้ค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายที่โจทก์เสียไปแก่โจทก์เป็นงานที่โจทก์ตกลงจะทำให้จำเลยหลายสิ่งหลายอย่างทั่ว ๆ ไปและไม่กำหนดให้งานนั้นสำเร็จอย่างไรเมื่อใด จึงไม่มีลักษณะเป็นการจ้างทำของอันจะต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยลงนามในสัญญาพิพาทเพียงคนเดียวและไม่ประทับตามของบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท แต่หลังจากทำสัญญาแล้วโจทก์ได้ส่งพนักงานของโจทก์มาช่วยเหลือแนะนำจำเลยตามสัญญา จนการก่อตั้งโรงงานทอกระสอบของจำเลยสำเร็จเรียบร้อยเปิดดำเนินการได้ และจำเลยได้ยอมรับเอาผลงานของโจทก์ไว้เป็นประโยชน์แล้วตลอดมา จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น
กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลย เป็นผู้ติดต่อกับโจทก์ตลอดมาเกี่ยวกับการดำเนินงานตามสัญญา ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยและจำเลยก็ยอมรับเอาผลงานของโจทก์แล้ว เมื่อผู้แทนโจทก์มาเจรจาเรื่องหนี้ตามสัญญาพิพาท กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยก็เป็นผู้เจรจากับผู้แทนโจทก์ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือได้ว่าบริษัทจำเลยเชิดกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย
การที่กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยมีหนังสือลงวันที่ 24 เมษายน 2514 ในนามบริษัทจำเลยถึงโจทก์รับรองจะชำระเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามสัญญาพิพาทนั้น เป็นการยอมรับสภาพหนี้เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่า กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยพ้นจากตำแหน่งหรือไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทจำเลยแล้วแต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2514 ซึ่งเป็นวันรับสภาพหนี้ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันของคู่สัญญาและผู้ลงนามในนามห้างหุ้นส่วน
บันทึกข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งพนักงานสอบสวนทำไว้มีใจความว่า จำเลยที่ 2 โดย ช.หุ้นส่วนผู้จัดการและท. ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 1 ยินยอมชดใช้เงินทั้งสิ้น 107,704 บาท 50 สตางค์ให้แก่โจทก์ โดยตกลงชำระงวดแรกในเดือนที่ตกลงกันเป็นเงิน 20,000บาท ต่อไปชำระทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี หากผิดสัญญายอมให้ฟ้องร้องดำเนินการทางแพ่งอย่างเดียว ส่วนการร้องทุกข์คดีอาญาโจทก์ไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อไป ข้อความเช่นนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
แม้ ช. หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ฯ จำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญของห้าง ฯ แต่เมื่อมีข้อความระบุไว้แจ้งชัดว่า ช. เป็นผู้ทำความตกลงในนามของห้าง ฯ ถือได้ว่าห้าง ฯ จำเลยที่ 2 ได้ตกลงชดใช้เงินให้แก่โจทก์อันมีลักษณะเป็นการประนีประนอมยอมความ จึงต้องผูกพันรับผิดตามข้อความในบันทึกด้วย
แม้ ช. หุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ฯ จำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญของห้าง ฯ แต่เมื่อมีข้อความระบุไว้แจ้งชัดว่า ช. เป็นผู้ทำความตกลงในนามของห้าง ฯ ถือได้ว่าห้าง ฯ จำเลยที่ 2 ได้ตกลงชดใช้เงินให้แก่โจทก์อันมีลักษณะเป็นการประนีประนอมยอมความ จึงต้องผูกพันรับผิดตามข้อความในบันทึกด้วย