พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2547
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนรับขนสินค้าทางทะเล ไม่ใช่ผู้ขนส่งตามกฎหมาย
หลักฐานเอกสารที่โจทก์ระบุอ้างว่าได้มีการทำสัญญารับขนของทางทะเลนั้นเป็นเพียงตารางการเดินเรือที่จำเลยที่ 1 ได้รับมาจากจำเลยที่ 2 แล้วนำมาส่งให้โจทก์ทราบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าจะส่งสินค้าไปกับเรือหรือไม่ ในใบตราส่งซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานแห่งสัญญารับขนของทางทะเลก็ไม่มีชื่อบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่ง แม้จะมีชื่อบริษัทจำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 2 ระบุว่าได้ลงชื่อในช่องผู้ขนส่งไว้ในฐานะเป็นตัวแทนผู้ขนส่ง นอกจากนี้ตามสัญญารับขนของทางทะเลผู้ขนส่งจะต้องได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าระวางเรือ แต่จำเลยที่ 1 ได้รับค่าตอบแทนจากโจทก์เป็นบำเหน็จตัวแทนที่เกิดจากส่วนต่างของค่าระวางเรือที่จำเลยที่ 1 เรียกเก็บจากโจทก์หักด้วยค่าระวางเรือที่จำเลยที่ 1 ได้ทดรองจ่ายแทนโจทก์ไปแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อได้รับค่าระวางเรือไว้ในฐานะตัวแทนผู้ขนส่งก็ต้องส่งไปให้ตัวการซึ่งเป็นผู้ขนส่ง ทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับค่าตอบแทนในลักษณะเป็นตัวแทนนายหน้า จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขนส่ง และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ร่วมขนส่งกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยทั้งสองเป็นเพียงตัวแทนในการดำเนินการขนส่งของทางทะเลให้แก่โจทก์โดยรับค่าตอบแทนเป็นค่าบำเหน็จ หาใช่เป็นผู้ขนส่งซึ่งได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าระวางเรือไม่ จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายที่เกิดจากการที่สินค้าพิพาทส่งไปไม่ถึงท่าเรือปลายทางตามกำหนดเวลา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจำหน่ายสินเชื่อและรวบรวมผลผลิตทางการเกษตร: ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ จำเลย และสมาชิก
การที่ชาวไร่หรือที่เรียกว่าสมาชิกผู้รับการส่งเสริมจะรับสินเชื่อไปจากโจทก์ จะต้องทำสัญญาส่งเสริมการปลูกฝ้ายกับห้างจำเลยซึ่งเรียกว่าผู้ส่งเสริมก่อน และต้องเอาฝ้ายดอกมาขายให้จำเลยแต่ผู้เดียวตามราคาที่จำเลยกำหนดไว้ในสัญญา แล้วหักทอนกับสินเชื่อที่รับไป เท่ากับจำเลยออกทุนให้ปลูกฝ้ายแล้วเอาผลิตผลมาขายหักใช้หนี้ ระหว่างที่โจทก์รับเอาสินเชื่อไปจ่ายแก่สมาชิก จำเลยก็มีจดหมายถึงโจทก์ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจ่ายสินเชื่อ โจทก์จึงเป็นตัวแทนจำเลยทั้งในการนำวัสดุสินเชื่อตลอดจนเงินสดและเช็คไปจ่ายแก่สมาชิก และรวบรวมฝ้ายดอกจากสมาชิกมาขายให้จำเลย โจทก์จึงมีสิทธิรับบำเหน็จจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนจำหน่ายสินเชื่อและเก็บผลผลิตทางการเกษตร: สิทธิเรียกร้องค่าบำเหน็จและหนี้สิน
การที่ชาวไร่หรือที่เรียกว่าสมาชิกผู้รับการส่งเสริมจะรับสินเชื่อไปจากโจทก์จะต้องทำสัญญาส่งเสริมการปลูกฝ้ายกับห้างจำเลยซึ่งเรียกว่าผู้ส่งเสริมก่อน และต้องเอาฝ้ายดอกมาขายให้จำเลยแต่ผู้เดียวตามราคาที่จำเลยกำหนดไว้ในสัญญา แล้วหักทอนกับสินเชื่อที่รับไป เท่ากับจำเลยออกทุนให้ปลูกฝ้ายแล้วเอาผลิตผลมาขายหักใช้หนี้ ระหว่างที่โจทก์รับเอาสินเชื่อไปจ่ายแก่สมาชิก จำเลยก็มีจดหมายถึงโจทก์ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจ่ายสินเชื่อโจทก์จึงเป็นตัวแทนจำเลยทั้งในการนำวัสดุสินเชื่อตลอดจนเงินสดและเช็คไปจ่ายแก่สมาชิก และรวบรวมฝ้ายดอกจากสมาชิกมาขายให้จำเลยโจทก์จึงมีสิทธิรับบำเหน็จจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบำเหน็จตัวแทนกับการเป็นนายหน้า: การกระทำที่เป็นผลจากการเป็นตัวแทนย่อมไม่ใช่การเป็นนายหน้า
โจทก์เป็นตัวแทนในการให้เช่าซื้อที่ดินของจำเลย การที่โจทก์จัดให้มีการเช่าซื้อที่ดินเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเป็นตัวแทนที่ดำเนินการปรับปรุงที่ดินให้แก่จำเลย หาใช่เป็นผลจากการเป็นนายหน้าไม่โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องบำเหน็จค่านายหน้าจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทำเหมืองเป็นของผู้ถือประทานบัตร การมอบอำนาจเป็นเพียงตัวแทน ไม่ใช่การโอนสิทธิ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ช. เป็นผู้ถือประทานบัตร จึงเป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตร การที่ ช. ทำหนังสือมอบอำนาจตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทน มีอำนาจทำการแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตราพระราชบัญญัติแร่ ในกิจการที่ระบุไว้ เป็นเพียงการตั้งตัวแทนเพื่อติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น สิทธิทำเหมืองแร่ยังเป็นของ ช. ส่วนกาที่ ช. ทำสัญญารับเงินค่าตอบแทนแล้วมอบให้โจทก์มีอำนาจดำเนินการขุดแร่ ขายแร่ ได้ตามอายุประทานบัตรแต่ผู้เดียว โดยให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิและใช้สิทธิของตนได้โดยพลการนั้น มิใช่การโอนประทานบัตรแต่เป็นการให้โจทก์รับช่วงการทำเหมือง เมื่อมิได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย ตามความในมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 โจทก์จึงหามีสิทธิทำเหมืองเสมือนผู้ถือประทานบัตรตามที่บัญญัติในบทมาตรานี้ไม่ สิทธิทำเหมืองยังเป็นของ ช. ผู้เดียว ที่โจทก์เข้าทำเหมืองเป็นเพียงเข้าทำโดยอาศัยสิทธิของ ช. หากมีการโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของ ช. หาใช่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าการทำสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช.ข้างต้านระบุให้โจทก์เป็นตัวแทนมีสิทธิได้รับบำเหน็จ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยแจ้งให้ ช. ระงับการทำเหมืองตามประทานบัตรไว้กับแจ้งให้ ช. ส่งประทานบัตรคืน จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์จากการทำเหมืองตามสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรอันเป็นสิทธิของ ช. มิได้กระทำต่อสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จของโจทก์ดังโจทก์อ้าง จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของโจทก์ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจและติดตามผลการปฏิบัติราชการให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายจากรัฐบาลเนื่องจากทางการเพิกถอนประทานบัตรของ ช. แล้ว คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวก็เป็นคำสั่งในทางบริหาร ไม่ใช่กฎหมาย ศาลจึงจะยกมาวินิจฉัยว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์มีอำนาจฟ้องมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2957/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทำเหมือง: การมอบอำนาจและการรับช่วงทำเหมือง ไม่ใช่การโอนประทานบัตร ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้อง
ช. เป็นผู้ถือประทานบัตร จึงเป็นผู้มีสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรการที่ ช. ทำหนังสือมอบอำนาจตั้งให้โจทก์เป็นตัวแทน มีอำนาจทำการแทนในการติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติแร่ ในกิจการที่ระบุไว้ เป็นเพียงการตั้งตัวแทนเพื่อติดต่อกับพนักงานเจ้าหน้าที่เท่านั้น สิทธิทำเหมืองแร่ยังเป็นของ ช. ส่วนการที่ ช. ทำสัญญารับเงินค่าตอบแทนแล้วมอบให้โจทก์มีอำนาจดำเนินการขุดแร่ ขายแร่ได้ตามอายุประทานบัตรแต่ผู้เดียว โดยให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิและใช้สิทธิของตนได้โดยพลการนั้น มิใช่การโอนประทานบัตร แต่เป็นการให้โจทก์รับช่วงการทำเหมือง เมื่อมิได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมาย ตามความในมาตรา 77 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 โจทก์จึงหามีสิทธิทำเหมืองเสมือนผู้ถือประทานบัตรตามที่บัญญัติในบทมาตรานี้ไม่สิทธิทำเหมืองยังเป็นของ ช. ผู้เดียว ที่โจทก์เข้าทำเหมืองเป็นเพียงเข้าทำโดยอาศัยสิทธิของ ช. หากมีการโต้แย้งขัดขวางสิทธิในการทำเหมืองก็เป็นการโต้แย้งสิทธิของ ช. หาใช่โต้แย้งสิทธิของโจทก์ไม่ แม้โจทก์จะอ้างว่าการทำสัญญาระหว่างโจทก์กับ ช. ข้างต้น ระบุให้โจทก์เป็นตัวแทนมีสิทธิได้รับบำเหน็จ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยแจ้งให้ ช. ระงับการทำเหมืองตามประทานบัตรไว้กับแจ้งให้ ช. ส่งประทานบัตรคืน จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์จากการทำเหมืองตามสัญญาดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อสิทธิทำเหมืองตามประทานบัตรอันเป็นสิทธิของ ช. มิได้กระทำต่อสิทธิที่จะได้รับบำเหน็จของโจทก์ดังโจทก์อ้าง จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของโจทก์ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการตรวจและติดตามผลการปฏิบัติราชการให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายจากรัฐบาลเนื่องจากทางการเพิกถอนประทานบัตรของ ช. แล้ว คำสั่งของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวก็เป็นคำสั่งในทางบริหารไม่ใช่กฎหมาย ศาลจึงจะยกมาวินิจฉัยว่าจำเลยมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และโจทก์มีอำนาจฟ้องมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบำเหน็จนายหน้าและค่าใช้จ่ายตัวแทน: เกิดขึ้นโดยปริยาย แม้ไม่มีข้อตกลงชัดเจน ศาลกำหนดตามสมควร
โจทก์ให้จำเลยจัดการขายที่ดิน จำเลยได้จัดการขายที่ดินของโจทก์ได้สำเร็จย่อมเป็นกิจการที่ทำให้แก่กันโดยพฤติการณ์ที่คาดหมายได้ว่าย่อมทำให้แต่เพื่อจะเอาบำเหน็จ จึงถือได้ว่าได้ตกลงกันโดยปริยายว่ามีค่าบำเหน็จนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 846 แม้จะฟังไม่ได้ว่าตกลงให้ค่านายหน้าแก่กันเป็นจำนวนที่เกินไปจาก 11,000 บาทดังที่จำเลยนำสืบ จำเลยก็ยังมีสิทธิได้ค่าบำเหน็จ เมื่อไม่ได้ความว่าค่าบำเหน็จนั้นได้ตกลงกันเป็นจำนวนเท่าใด และไม่ปรากฏธรรมเนียมในการนี้ ศาลย่อมกำหนดให้เท่าที่กำหนดได้ตามสมควร
ส่วนค่าใช้จ่ายในการที่จำเลยได้รับมอบให้จัดการโอนขายที่ดินแทนโจทก์ในภายหลังอีกส่วนหนึ่งนั้น แม้จำเลยไม่สามารถนำสืบให้ฟังได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้แน่นอน ซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกเอาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 เมื่อไม่ได้ความว่าค่าใช้จ่ายที่จำเลยเสียไปนั้นไปจำนวนแน่นอนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้ตามที่ควรนับว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายไปเช่นเดียวกัน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2510)
ส่วนค่าใช้จ่ายในการที่จำเลยได้รับมอบให้จัดการโอนขายที่ดินแทนโจทก์ในภายหลังอีกส่วนหนึ่งนั้น แม้จำเลยไม่สามารถนำสืบให้ฟังได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้แน่นอน ซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกเอาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 เมื่อไม่ได้ความว่าค่าใช้จ่ายที่จำเลยเสียไปนั้นไปจำนวนแน่นอนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้ตามที่ควรนับว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายไปเช่นเดียวกัน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าบำเหน็จนายหน้าและค่าใช้จ่ายตัวแทน แม้ไม่มีข้อตกลงชัดเจน ก็มีสิทธิเรียกร้องได้ตามสมควร
โจทก์ให้จำเลยจัดการขายที่ดินจำเลยได้จัดการขายที่ดินของโจทก์ได้สำเร็จย่อมเป็นกิจการที่ทำให้แก่กันโดยพฤติการณ์ที่คาดหมายได้ว่าย่อมทำให้แต่เพื่อจะเอาบำเหน็จจึงถือได้ว่าได้ตกลงกันโดยปริยายว่ามีค่าบำเหน็จนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 846แม้จะฟังไม่ได้ว่าได้ตกลงให้ค่านายหน้าแก่กันเป็นจำนวนที่เกินไปจาก11,000 บาท ดังที่จำเลยนำสืบ จำเลยก็ยังมีสิทธิได้ค่าบำเหน็จเมื่อไม่ได้ความว่าค่าบำเหน็จนั้นได้ตกลงกันเป็นจำนวนเท่าใด และไม่ปรากฏธรรมเนียมในการนี้ ศาลย่อมกำหนดให้เท่าที่กำหนดได้ตามสมควร
ส่วนค่าใช้จ่ายในการที่จำเลยได้รับมอบให้จัดการโอนขายที่ดินแทนโจทก์ในภายหลังอีกส่วนหนึ่งนั้น แม้จำเลยไม่สามารถนำสืบให้ฟังได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้แน่นอนซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกเอาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816เมื่อไม่ได้ความว่าค่าใช้จ่ายที่จำเลยเสียไปนั้นเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดศาลก็กำหนดให้ได้ตามที่ควรนับว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายไปเช่นเดียวกัน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2510)
ส่วนค่าใช้จ่ายในการที่จำเลยได้รับมอบให้จัดการโอนขายที่ดินแทนโจทก์ในภายหลังอีกส่วนหนึ่งนั้น แม้จำเลยไม่สามารถนำสืบให้ฟังได้ แต่ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนี้แน่นอนซึ่งจำเลยมีสิทธิเรียกเอาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 816เมื่อไม่ได้ความว่าค่าใช้จ่ายที่จำเลยเสียไปนั้นเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดศาลก็กำหนดให้ได้ตามที่ควรนับว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายไปเช่นเดียวกัน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร การมอบอำนาจ และความรับผิดของผู้ถือประทานบัตร รวมถึงการคำนวณค่าเสียหาย
ใบอนุญาตร่อนแร่นั้น กฎหมายห้ามมิให้ผู้ถือเอาให้ผู้อื่นนำไปใช้ อาชญาบัตรตรวจแร่ผู้ถือให้ผู้อื่นใช้ก็ได้ โดยจำกัดให้คุ้มถึงเฉพาะลูกจ้างของผู้ถืออาชญาบัตร แต่ประทานบัตรนั้นหาได้มีข้อจำกัดดังใบอนุญาตร่อนแร่หรืออาชญาบัตรตรวจแร่ไม่
การที่จำเลยผู้ถือประทานบัตรมอบอำนาจให้โจทก์ทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร มิได้โอนประทานบัตรให้โจทก์ แม้โจทก์จะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลย จำเลยก็ยังคงเป็นผู้ถือประทานบัตร หากจะมีความรับผิดเกิดขึ้นตามประทานบัตรอย่างใด จำเลยก็ยังคงรับผิดอยู่อย่างนั้น การมอบอำนาจและชักเอาประโยชน์ในกรณีเช่นนี้ หาทำให้มีผลให้ผู้ใดต้องขายผลิตผลของตนแก่ผู้รับมอบอำนาจถูกลงไม่ และก็ไม่มีผลทำให้ผู้ใดต้องซื้อแร่จากผู้รับมอบอำนาจแพงขึ้นกว่าราคาตลาดแต่ประการใด สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7-8/2509)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 827 ตัวการจะถอนตัวแทนเสียเวลาใดก็ได้ทุกเมื่อ เหตุนี้ แม้การถอนอำนาจจะเป็นการผิดสัญญา โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยมอบอำนาจให้ตนได้ทำเหมืองแร่ต่อไปจนครบกำหนดเวลาตามสัญญา เป็นกรณีที่โจทก์ย่อมต้องรับรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว ดังนี้ ศาลย่อมคำนวณค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยกะประมาณจากรายได้ของโจทก์ชั่วระยะเวลาที่โจทก์ควรจะระงับความเสียหายของโจทก์ที่จะมีต่อไป เพราะไม่สามารถทำเหมืองแร่ของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเสียหายเพราะจำเลยผิดสัญญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้โจทก์ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจำเลยเป็นนิติบุคคล แม้จะจดทะเบียนในต่างประเทศ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคสอง ถิ่นที่นิติบุคคลมีสาขาสำนักงานจะจัดเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณที่นั้นก็ได้ เมื่อจำเลยมีสำนักงานสาขาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่โจทก์ฟ้องคดีนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
การที่จำเลยผู้ถือประทานบัตรมอบอำนาจให้โจทก์ทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร มิได้โอนประทานบัตรให้โจทก์ แม้โจทก์จะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลย จำเลยก็ยังคงเป็นผู้ถือประทานบัตร หากจะมีความรับผิดเกิดขึ้นตามประทานบัตรอย่างใด จำเลยก็ยังคงรับผิดอยู่อย่างนั้น การมอบอำนาจและชักเอาประโยชน์ในกรณีเช่นนี้ หาทำให้มีผลให้ผู้ใดต้องขายผลิตผลของตนแก่ผู้รับมอบอำนาจถูกลงไม่ และก็ไม่มีผลทำให้ผู้ใดต้องซื้อแร่จากผู้รับมอบอำนาจแพงขึ้นกว่าราคาตลาดแต่ประการใด สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7-8/2509)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 827 ตัวการจะถอนตัวแทนเสียเวลาใดก็ได้ทุกเมื่อ เหตุนี้ แม้การถอนอำนาจจะเป็นการผิดสัญญา โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยมอบอำนาจให้ตนได้ทำเหมืองแร่ต่อไปจนครบกำหนดเวลาตามสัญญา เป็นกรณีที่โจทก์ย่อมต้องรับรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว ดังนี้ ศาลย่อมคำนวณค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยกะประมาณจากรายได้ของโจทก์ชั่วระยะเวลาที่โจทก์ควรจะระงับความเสียหายของโจทก์ที่จะมีต่อไป เพราะไม่สามารถทำเหมืองแร่ของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเสียหายเพราะจำเลยผิดสัญญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้โจทก์ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจำเลยเป็นนิติบุคคล แม้จะจดทะเบียนในต่างประเทศ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรคสอง ถิ่นที่นิติบุคคลมีสาขาสำนักงานจะจัดเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณที่นั้นก็ได้ เมื่อจำเลยมีสำนักงานสาขาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่โจทก์ฟ้องคดีนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร การผิดสัญญา และการคำนวณค่าเสียหาย
ในอนุญาตร่อนแร่นั้น กฎหมายห้ามมิให้ผู้ถือเอาให้ผู้อื่นนำไปใช้ อาชญาบัตรตรวจแร่ผู้ถือให้ผู้อื่นใช้ก็ได้ โดยจำกัดให้คุ้มถึงเฉพาะลูกจ้างของผู้ถืออาชญาบัตร แต่ประทานบัตรนั้นหาได้มีข้อจำกัดดังใบอนุญาตร่อนแร่หรืออาชญาบัตรตรวจแร่ไม่
การที่จำเลยผู้ถือประทานบัตรมอบอำนาจให้โจทก์ทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร มิได้โอนประทานบัตรให้โจทก์ แม้โจทก์จะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลย จำเลยก็ยังคงเป็นผู้ถือประทานบัตร หากจะมีความรับผิดเกิดขึ้นตามประทานบัตรอย่างใด จำเลยก็ยังคงรับผิดอยู่อย่างนั้น การมอบอำนาจและชักเอาประโยชน์ในกรณีเช่นนี้ หาทำให้มีผลให้ผู้ใดต้องขายผลิตผลของตนแก่ผู้รับมอบอำนาจถูกลงไม่ และก็ไม่มีผลทำให้ผู้ใดต้องซื้อแร่จากผู้รับมอบอำนาจแพงขึ้นกว่าราคาตลาดแต่ประการใด สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7 - 8/2509)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 827 ตัวการจะถอนตัวแทนเสียเวลาใดก็ได้ทุกเมื่อ เหตุนี้ แม้การถอนอำนาจจะเป็นการผิดสัญญา โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยมอบอำนาจให้ตนได้ทำเหมืองแร่ต่อไปจนครบกำหนดเวลาตามสัญญา เป็นกรณีที่โจทก์ย่อมต้องรับรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว ดังนี้ ศาลย่อมคำนวณค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยกะประมาณจากรายได้ของโจทก์ชั่วระยะเวลาที่โจทก์ควรจะระงับความเสียหายของโจทก์ที่จะมีต่อไป เพราะไม่สามารถทำเหมืองแร่ของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเสียหายเพราะจำเลยผิดสัญญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้โจทก์ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล จำเลยเป็นนิติบุคคล แม้จะจดทะเบียนในต่างประเทศ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรค 2 ถิ่นที่นิติบุคคลมีสาขาสำนักงานจะจัดเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นก็ได้ เมื่อจำเลยมีสำนักงานสาขาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่โจทก์ฟ้องคดีนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
การที่จำเลยผู้ถือประทานบัตรมอบอำนาจให้โจทก์ทำเหมืองแร่ตามประทานบัตร มิได้โอนประทานบัตรให้โจทก์ แม้โจทก์จะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากจำเลย จำเลยก็ยังคงเป็นผู้ถือประทานบัตร หากจะมีความรับผิดเกิดขึ้นตามประทานบัตรอย่างใด จำเลยก็ยังคงรับผิดอยู่อย่างนั้น การมอบอำนาจและชักเอาประโยชน์ในกรณีเช่นนี้ หาทำให้มีผลให้ผู้ใดต้องขายผลิตผลของตนแก่ผู้รับมอบอำนาจถูกลงไม่ และก็ไม่มีผลทำให้ผู้ใดต้องซื้อแร่จากผู้รับมอบอำนาจแพงขึ้นกว่าราคาตลาดแต่ประการใด สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7 - 8/2509)
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 827 ตัวการจะถอนตัวแทนเสียเวลาใดก็ได้ทุกเมื่อ เหตุนี้ แม้การถอนอำนาจจะเป็นการผิดสัญญา โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจก็ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยมอบอำนาจให้ตนได้ทำเหมืองแร่ต่อไปจนครบกำหนดเวลาตามสัญญา เป็นกรณีที่โจทก์ย่อมต้องรับรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว ดังนี้ ศาลย่อมคำนวณค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยกะประมาณจากรายได้ของโจทก์ชั่วระยะเวลาที่โจทก์ควรจะระงับความเสียหายของโจทก์ที่จะมีต่อไป เพราะไม่สามารถทำเหมืองแร่ของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าเสียหายเพราะจำเลยผิดสัญญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ให้โจทก์ฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล จำเลยเป็นนิติบุคคล แม้จะจดทะเบียนในต่างประเทศ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 วรรค 2 ถิ่นที่นิติบุคคลมีสาขาสำนักงานจะจัดเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นก็ได้ เมื่อจำเลยมีสำนักงานสาขาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่โจทก์ฟ้องคดีนั้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้