พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความรับผิดของผู้เอาประกันภัยในสัญญาประกันภัยรถยนต์ จำเป็นต้องแสดงนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้นอันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2571/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3329/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องผู้รับประกันภัยต้องแสดงนิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับผู้เอาประกันภัย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้น อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2571/2519)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2571/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วม พยายามฆ่า: การกระทำเพื่อขัดขวางการช่วยเหลือผู้ถูกทำร้าย ย่อมถือเป็นเจตนาในการร่วมกระทำผิด
จำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันทำร้าย พ. เมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมแทง พ.โดยเจตนาฆ่าแล้ว ป.จะเข้าช่วยเหลือ พ. จำเลยที่ 2 ซึ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าไปอย่างใกล้ชิดได้ใช้เก้าอี้ไม้ตี ป.เพื่อมิให้เข้าช่วย พ.ทันที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกพากันหลบหนีไป ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการที่จำเลยที่ 1 พยายามฆ่า พ.ด้วย แต่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นคนแทง พ. จึงสมควรลงโทษลดหลั่นจากโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วม พยายามฆ่า: การกระทำต่อเนื่องเพื่อขัดขวางการช่วยเหลือบ่งชี้เจตนา
จำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันทำร้าย พ. เมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมแทง พ.โดยเจตนาฆ่าแล้ว ป.จะเข้าช่วยเหลือ พ. จำเลยที่ 2 ซึ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าไปอย่างใกล้ชิดได้ใช้เก้าอี้ไม้ตี ป.เพื่อมิให้เข้าช่วย พ.ทันที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกพากันหลบหนีไป ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการที่จำเลยที่ 1 พยายามฆ่า พ.ด้วยแต่จำเลยที่2มิได้เป็นคนแทงพ. จึงสมควรลงโทษลดหลั่นจากโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการในหนี้ละเมิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พ. ลงนามในสัญญารับเหมาสร้างทางในฐานะทำแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 สัญญามีผลผูกพันจำเลยที่ 1 เมื่อ พ. และคนงานสร้างทางตัดฟันต้นไม้และแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โจทก์ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดดังกล่าว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด จะมารื้อฟื้นยกขึ้นเป็นข้อฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งได้ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วหาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด จึงต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: โจทก์ต่างชาติไม่ต้องอยู่ในอำนาจศาล หรือมีเหตุเชื่อว่าจะหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย ก็วางประกันได้
ป.วิ.พ. มาตรา 253 ใช้คำว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ใน อำนาจศาล 'หรือ' ถ้ามีเหตุแน่นแฟ้นอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหลาย หาได้ใช้คำว่า 'และ' ไม่ จึงอาจเป็นกรณีหนึ่งกรณีใดก็ได้ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องและคำร้องของโจทก์ว่าตัวโจทก์อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาราเบียจึงฟังได้ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล ดังนั้นแม้จำเลยมิได้นำสืบว่า โจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ศาลก็มีคำสั่งให้โจทก์วางประกันตามคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานที่ลงนามในเอกสารโดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้อง และการเบียดบังเงิน
หนังสือนำส่งเงินพิมพ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระบุจำนวนเงิน 350,009 บาท ครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 370,009 บาทผู้พิมพ์ฉีกทำลายต้นฉบับและสำเนาสลับกัน แล้วนำเสนอจำเลยซึ่งเป็นสมุห์บัญชีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลงชื่อโดยมิได้ตรวจสอบว่าต้นฉบับกับสำเนาตรงกันหรือไม่เป็นเหตุให้มีเงินเกินอยู่ที่จำเลย 20,000 บาท ตรวจไม่พบว่าเป็นเงินประเภทใดและเกิดการผิดพลาดด้วยเหตุใดรุ่งขึ้นได้รายงานให้รองผู้กำกับการตำรวจภูธรทราบ แต่ไม่ได้นำเงินเก็บไว้ในเซฟ ผิดระเบียบของทางราชการจำเลยไม่แจ้งให้พนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มาตรวจนับตัวเงินให้ทราบว่ามีเงินเกินบัญชีอยู่ที่จำเลย แต่แจ้งให้ทราบในวันที่มาตรวจสอบบัญชี เมื่อจำเลยเก็บเงินไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานโดยไม่ปรากฏว่าได้เอาเงินนั้นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด จึงไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนโดยทุจริต ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก - เจ้าของสั่งรื้อเอง ผู้รับจ้างเชื่อโดยสุจริต ไม่ผิดฐานบุกรุก
เจ้าของห้องแถวสั่งให้จำเลย 3 คน ซึ่งเป็นลูกจ้างรื้อหลังคาและตัดส่วนที่เป็นกันสาดของห้องแถวที่เกิดเหตุ โดยอยู่ในที่เกิดเหตุและอำนวยการด้วย ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เช่าก็อยู่ในห้องแถวที่เกิดเหตุโดยไม่ได้ทักท้วงห้ามปรามอย่างใด ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเจ้าของห้องแถวมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะสั่งการให้จำเลยกระทำการดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานบุกรุก ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องคืนสิทธิ การครอบครองระหว่างดำเนินคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ดังนี้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองระหว่างคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน หากมีคำขอทุเลาการบังคับคดี
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367