พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาชดใช้หนี้ตามหนังสือรับรองตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้ตั๋วหมดอายุความแล้ว
โจทก์ฟ้องบังคับเรียกเงินตามหนังสือรับรองการมอบตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้ตั๋วสัญญาใช้เงินจะขาดอายุความฟ้อง ร้อง แต่สิทธิเรียกร้องตามหนังสือรับรองการมอบ ตั๋วสัญญาใช้เงิน เป็นสัญญาอีกฉบับหนึ่งต่างหากจาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าหาก จำเลยที่ 1 ไม่จ่ายเงินตามมูลค่าแห่งตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับนี้ก็ดี หรือจ่ายเงินล่าช้ากว่ากำหนดที่ระบุไว้ ในตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้ก็ดี หรือเพราะเหตุแห่ง ตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้สูญหายไปก็ดี จำเลยที่ 1 ยอมชดใช้เงินตามมูลค่าแห่งตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับนี้พร้อมด้วย ค่าดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ยอมเข้า ค้ำประกันหนี้รายหนี้ ดังนั้นจำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิด ตามหนังสือรับรองการมอบตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งข้อสัญญา ดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนอกฟ้องนอกประเด็น: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่กำหนดไว้ในคำฟ้องและข้อโต้แย้งเท่านั้น
กรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นที่ศาลอุทธรณ์กำหนดแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ในการวินิจฉัยคดีใหม่ ศาลชั้นต้นและและอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ได้กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่กำหนด หากวินิจฉัยนอกประเด็นคำพิพากษาเป็นโมฆะ
กรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นที่ศาลอุทธรณ์กำหนดแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น ในการวินิจฉัยคดีใหม่ ศาลชั้นต้นและและอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยตามประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ได้กำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขาดไร้อุปการะจากบุตร: ศาลพิพากษาถูกต้อง แม้ฟ้องเป็นค่าขาดแรงงาน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ตรวจชำระใหม่ มาตรา 1567(3) โจทก์ทั้งสองผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิให้บุตรทำการงานตามสมควรแก่ฐานาบุรูป และมาตรา 1563 บัญญัติให้บุตรจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ดังนั้นกิจการหรืแรงงานที่บุตรทำให้บิดามารดาก็คือการอุปการะเลี้ยงดูอย่างหนึ่ง เมื่อ ว.บุตรโจทก์ถูกกระทำละเมิดตายลงย่อมทำให้โจทก์ขาดไร้อุปการะจากผู้ตาย โจทก์ฟ้องเรียกค่าขาดแรงงาน ว.ถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะนั่นเอง การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าขาดไร้อุปการะให้โจทก์ จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดโรงแรมต่อทรัพย์สินของแขก: ครอบคลุมทรัพย์สินที่ 'พา' มา ไม่จำกัดเฉพาะที่นำเข้าไปในโรงแรม
เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามาด้วยมิใช่ต้องรับผิดเฉพาะทรัพย์สินที่นำเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของแขก: ครอบคลุมทั้งที่นำเข้าและนำมาด้วย
เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามาด้วย มิใช่ต้องรับผิดเฉพาะทรัพย์สินที่นำเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำและการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะคาดหวังผลประโยชน์จากการฟ้อง
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเรียกเงินตามสัญญา จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่ใช่นิติกรรมอำพรางให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ระหว่างบังคับคดีจำเลยได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งอ้างว่าการที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เป็นลาภมิควรได้ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้อง ดังนี้การฟ้องคดีของจำเลยหาเป็นละเมิดต่อโจทก์ไม่ โดยข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารูปคดีเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนนั้น คดีจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ยากที่จำเลยซึ่งมิใช่นักกฎหมายจะเข้าใจ การฟ้องของจำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิเพื่อรักษาประโยชน์ของตนตามความคิดเห็นว่าจะชนะคดี หาใช่เป็นการกลั่นแกล้งโดยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว อันเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำและการละเมิด: สิทธิในการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งเรียกเงินตามสัญญา จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพราง ศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่ใช่นิติกรรมอำพรางให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ระหว่างบังคับคดีจำเลยได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่ง อ้างว่าการที่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เป็นลาภมิควรได้ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ การฟ้องคดีของจำเลยหาเป็นละเมิดต่อโจทก์ไม่ โดยข้ออ้างตามฟ้องของโจทก์ที่ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่ารูปคดีเป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนนั้น คดีจะเป็นฟ้องซ้ำหรือไม่ยากที่จำเลยซึ่งมิใช่นักกฎหมายจะเข้าใจ การฟ้องของจำเลยจึงเป็นการใช้สิทธิเพื่อรักษาประโยชน์ของตนตามความคิดเห็นว่าจะชนะคดี หาใช่เป็นการกลั่นแกล้งโดยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว อันเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ หากศาลใช้พยานหลักฐานอื่นพิพากษา
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคง ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัย และศาลชั้นต้นได้อาศัยพยานหลักฐานดังกล่าวในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้อาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่ประการใดเลย คำรับสารภาพของจำเลยในกรณีเช่นนี้จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษอันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพไม่เป็นเหตุลดโทษหากศาลใช้พยานหลักฐานอื่นชี้ขาดความผิด
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จะต้องเป็นกรณีที่ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงจะพิจารณาลดโทษที่จะลงแก่จำเลยได้ การพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคง ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงโดยปราศจากเหตุอันควรสงสัยและศาลชั้นต้นได้อาศัยพยานหลักฐานดังกล่าวในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงและพิพากษาลงโทษจำเลยโดยไม่ได้อาศัยคำรับสารภาพของจำเลยแต่ประการใดเลยคำรับสารภาพของจำเลยในกรณีเช่นนี้จึงไม่ถือว่า เป็นการให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษอันจะพึงลดโทษให้แก่จำเลยได้