พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1566/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-เบิกความเท็จ: การยืนยันข้อเท็จจริงที่ไม่เป็นความจริงต่อพนักงานสอบสวนและศาล
จำเลยเป็นพนักงานปกครองได้รับมอบหมายจากหัวหน้าเขตให้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานหมวดนิติกรรมและที่ดินเมื่อโจทก์มิได้มาพบและขอให้จำเลยรับรองใบมอบอำนาจให้ขายที่ดิน แต่จำเลยได้ให้การยืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์เป็นผู้มาขอให้รับรองหนังสือมอบอำนาจด้วยตนเอง ทั้งที่ได้รู้จักตัวโจทก์แล้วก่อนให้การ ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยต้องมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่งแล้วกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จ สุดท้ายกล่าวว่าข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดีด้วย มิได้บรรยายว่าคดีที่เบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายอันจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องได้
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเบิกความเป็นพยานต่อศาลแพ่งแล้วกล่าวถึงข้อความอันเป็นเท็จ สุดท้ายกล่าวว่าข้อความเท็จนี้เป็นข้อสำคัญในคดีด้วย มิได้บรรยายว่าคดีที่เบิกความมีข้อพิพาท ประเด็นและข้อความที่เป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ดังนี้ ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และปัญหาว่าฟ้องชอบด้วยกฎหมายอันจะลงโทษจำเลยได้หรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความไม่ยกขึ้นฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยยกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้รับมอบอำนาจปลอม ผู้ซื้อโดยสุจริตไม่สามารถอ้างไม่ทราบการปลอมได้
ปลอมลายมือชื่อเจ้าของในใบมอบอำนาจโอนที่ดินเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบโดยประมาทเลินเล่อ เพราะเห็นได้ชัดว่าลายมือชื่อที่ปลอมกับลายมือชื่อเจ้าของที่ดินในสารบบแตกต่างกันทั้งวิธีการเขียนและลายเส้นเมื่อต่างเป็นผู้สุจริตด้วยกัน ผู้รับโอนที่พิพาทจากผู้ไม่มีอำนาจเป็นความประมาทของผู้รับโอนเอง ผู้รับโอนไม่ได้กรรมสิทธิ์และไม่มีอำนาจนำที่พิพาทไปจำนอง แม้ผู้รับจำนองกระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก็ไม่ได้สิทธิตามสัญญาจำนอง
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารปลอม แม้พยานโจทก์ซึ่งปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าเขตผู้ลงนามรับรองลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจเบิกความว่าโจทก์เป็นผู้ไปติดต่อกับพยานด้วยตนเอง ก็ไม่น่าเชื่อถือ เพราะพยานต้องยืนยันเช่นนั้นเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นผิด การที่พยานโจทก์เบิกความเป็นปรปักษ์แก่โจทก์เช่นนี้ จึงหาได้เป็นข้อพิรุธของโจทก์แต่ประการใดไม่
ผู้นำที่ดินไปขายโดยอาศัยใบมอบอำนาจปลอมไม่เคยรู้จักโจทก์ทั้งโจทก์เป็นข้าราชการบำนาญมีฐานะดี มีที่ดินติดต่อกับที่พิพาทซึ่งรวมกันแล้วถึง 15 โฉนด มีบุตรเพียง 2 คน ต่างมีครอบครัวและอาชีพเป็นหลักฐาน พฤติการณ์ดังนี้ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์รู้เห็นในการทำปลอมใบมอบอำนาจการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและจำนอง จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารปลอม แม้พยานโจทก์ซึ่งปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าเขตผู้ลงนามรับรองลายมือชื่อโจทก์ในหนังสือมอบอำนาจเบิกความว่าโจทก์เป็นผู้ไปติดต่อกับพยานด้วยตนเอง ก็ไม่น่าเชื่อถือ เพราะพยานต้องยืนยันเช่นนั้นเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นผิด การที่พยานโจทก์เบิกความเป็นปรปักษ์แก่โจทก์เช่นนี้ จึงหาได้เป็นข้อพิรุธของโจทก์แต่ประการใดไม่
ผู้นำที่ดินไปขายโดยอาศัยใบมอบอำนาจปลอมไม่เคยรู้จักโจทก์ทั้งโจทก์เป็นข้าราชการบำนาญมีฐานะดี มีที่ดินติดต่อกับที่พิพาทซึ่งรวมกันแล้วถึง 15 โฉนด มีบุตรเพียง 2 คน ต่างมีครอบครัวและอาชีพเป็นหลักฐาน พฤติการณ์ดังนี้ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าโจทก์รู้เห็นในการทำปลอมใบมอบอำนาจการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายและจำนอง จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการละเมิดต้องเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย การเสียดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินไม่ใช่ความเสียหายโดยตรง
การที่โจทก์กู้เงินจากธนาคารมาซื้อที่พิพาทซึ่งมีบ้านของจำเลยปลูกอยู่โดยละเมิด โดยโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารนั้น การที่ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเกิดจากโจทก์ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร หาใช่เกิดจากจำเลยยังอยู่ในที่พิพาทไม่ ดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการกู้เงินซื้อที่ดิน ไม่ใช่ผลจากการละเมิด
การที่โจทก์กู้เงินจากธนาคารมาซื้อที่พิพาทซึ่งมีบ้านของจำเลยปลูกอยู่โดยละเมิด โดยโจทก์ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารนั้น การที่ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเกิดจากโจทก์ไม่ชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคาร หาใช่เกิดจากจำเลยยังอยู่ในที่พิพาทไม่ ดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าอ้างเอกสาร & ตัวแทนเชิด: เอกสารเป็นพยานได้เมื่อชำระค่าธรรมเนียม, ตัวแทนเชิดไม่ต้องมีหลักฐานหนังสือ
ไม่ปรากฏว่า ผู้อ้างขัดขืนไม่ยอมเสียค่าอ้างเอกสาร เมื่อต่อมาผู้อ้างได้เสียค่าอ้างตามคำสั่งศาลครบถ้วนแล้ว เอกสารที่อ้างจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าอ้างเอกสารเป็นพยานหลักฐาน & ตัวแทนเชิดไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ไม่ปรากฏว่า ผู้อ้างขัดขืนไม่ยอมเสียค่าอ้างเอกสารเมื่อต่อมาผู้อ้างได้เสียค่าอ้างตามคำสั่งศาลครบถ้วนแล้วเอกสารที่อ้างจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนผันหนี้ & อายุความ – สัญญาใหม่ทำให้หนี้เดิมไม่ขาดอายุความ
ข้อความในเอกสารซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองทำขึ้นไว้ที่สถานีตำรวจมีแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 ยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คเป็นรายเดือนให้แก่โจทก์และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันในการชำระเงิน ไม่มีข้อความว่าโจทก์ยอมถอนคำร้องทุกข์หรือยอมเลิกคดีอาญาที่ได้แจ้งความไว้นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ยอมผ่อนผันแต่ฝ่ายเดียวไม่มีลักษณะเป็นสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทให้เสร็จไป ด้วยการยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่มีลักษณะเป็นการที่จำเลยที่1รับสภาพความรับผิดโดยสัญญา และเป็นการที่จำเลยที่ 1 ให้ประกันแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ไว้โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันความรับผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความรับผิดต้องใช้หนี้ตามสัญญานั้น
เมื่อหนี้ตามเช็คที่จำเลยที่ 1 มีต่อโจทก์ได้ล่วงพ้นอายุความ 1 ปีไปแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญายอมรับสภาพความรับผิดต่อโจทก์ และมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว สัญญาดังกล่าวย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 วรรคสาม, 192 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่เพียงใด ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นดังกล่าวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
เมื่อหนี้ตามเช็คที่จำเลยที่ 1 มีต่อโจทก์ได้ล่วงพ้นอายุความ 1 ปีไปแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญายอมรับสภาพความรับผิดต่อโจทก์ และมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว สัญญาดังกล่าวย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 วรรคสาม, 192 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่เพียงใด ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นดังกล่าวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาผ่อนชำระหนี้หลังขาดอายุความ ถือเป็นการยอมรับสภาพหนี้ใหม่ และมีผลผูกพันตามกฎหมาย
ข้อความในเอกสารซึ่งโจทก์และจำเลยทั้งสองทำขึ้นไว้ที่สถานีตำรวจมีแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 ยอมผ่อนชำระเงินตามเช็คเป็นรายเดือนให้แก่โจทก์และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันในการชำระเงิน ไม่มีข้อความว่าโจทก์ยอมถอนคำร้องทุกข์หรือยอมเลิกคดีอาญาที่ได้แจ้งความไว้นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ยอมผ่อนผันแต่ฝ่ายเดียวไม่มีลักษณะเป็นสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทให้เสร็จไป ด้วยการยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงมิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ แต่มีลักษณะเป็นการที่จำเลยที่1รับสภาพความรับผิดโดยสัญญา และเป็นการที่จำเลยที่ 1 ให้ประกันแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ไว้โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันความรับผิด จำเลยทั้งสองจึงมีความรับผิดต้องใช้หนี้ตามสัญญานั้น
เมื่อหนี้ตามเช็คที่จำเลยที่ 1 มีต่อโจทก์ได้ล่วงพ้นอายุความ 1 ปีไปแล้วจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญายอมรับสภาพความรับผิดต่อโจทก์ และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว สัญญาดังกล่าวย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 วรรคสาม, 192 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่เพียงใด ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นดังกล่าวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
เมื่อหนี้ตามเช็คที่จำเลยที่ 1 มีต่อโจทก์ได้ล่วงพ้นอายุความ 1 ปีไปแล้วจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญายอมรับสภาพความรับผิดต่อโจทก์ และมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว สัญญาดังกล่าวย่อมสมบูรณ์ผูกพันจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 วรรคสาม, 192 วรรคแรก
ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่าจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วหรือไม่เพียงใด ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นดังกล่าวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการทรัพย์สินและผู้ไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินพิพาท
ธ. ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ไม่ปรากฏว่าเป็นหุ้นส่วนลงทุนในการก่อสร้างห้องแถว จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของ ธ. แต่อย่างใด ธ.จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อ ธ. มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาล และไม่ปรากฏว่าศาลได้อนุญาตให้ฟ้องคดีในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ ก. ผู้ไม่อยู่ได้ ธ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะดังกล่าว จะถือว่าการที่ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องเท่ากับเป็นการอนุญาตให้โจทก์ฟ้องในฐานะดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการทรัพย์สินและบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนฟ้องคดี
ธ. ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ไม่ปรากฏว่าเป็นหุ้นส่วนลงทุนในการก่อสร้างห้องแถว จำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิของ ธ. แต่อย่างใด ธ.จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อ ธ. มิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาล และไม่ปรากฏว่าศาลได้อนุญาตให้ฟ้องคดีในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ ก.ผู้ไม่อยู่ได้ ธ. จึงไม่มีอำนาจฟ้องในฐานะดังกล่าว จะถือว่าการที่ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องเท่ากับเป็นการอนุญาตให้โจทก์ฟ้องในฐานะดังกล่าวหาได้ไม่