คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เลิศวิรุฬห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีรับช่วงสิทธิ & การเช่าที่จอดรถ มิใช่การรับฝากทรัพย์
การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด และแม้ว่าขณะมอบอำนาจโจทก์ยังไม่มีสิทธิ์ไล่เบี้ยหรือรับช่วงสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลย ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจนั้นเสียไป
ว. เช่าสถานที่สถานีบริการน้ำมันจอดรถ โดยนำรถเข้าไปจอดเองแล้วนำกุญแจรถกลับไปด้วย ต้องดูแลรับผิดชอบรถเองโดยจำเลยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจอดรถ ทั้งยังมี ข้อตกลงกันว่าให้เช่าเฉพาะที่จอดรถ ไม่รับผิดชอบในการที่รถสูญหายหรือเสียหายด้วย ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ก็เขียนไว้ทุกฉบับว่าเป็นค่าเช่าที่จอดรถดังนี้ ข้อตกลงและพฤติการณ์ที่ปฏิบัติต่อกันระหว่างจำเลยกับ ว. เป็นเรื่องให้เช่าที่จอดรถ จำเลยมิได้รับมอบรถเพื่อเก็บรักษาไว้ในความอารักขาแห่งตน จึงไม่เป็นการรับฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเกี่ยวกับรถที่สูญหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีและข้อตกลงเช่าที่จอดรถ ไม่ใช่การรับฝากทรัพย์
การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ไม่จำต้องระบุบุคคลที่ต้องถูกฟ้องไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าเป็นจำเลยหรือผู้ใด และแม้ว่าขณะมอบอำนาจโจทก์ยังไม่มีสิทธิ์ไล่เบี้ยหรือรับช่วงสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลย ก็ไม่ทำให้ใบมอบอำนาจนั้นเสียไป
ว. เช่าสถานที่สถานีบริการน้ำมันจอดรถ โดยนำรถเข้าไปจอดเองแล้วนำกุญแจรถกลับไปด้วย ต้องดูแลรับผิดชอบรถเอง โดยจำเลยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจอดรถ ทั้งยังมีข้อตกลงกันว่าให้เช่าเฉพาะที่จอดรถ ไม่รับผิดชอบในการที่รถสูญหายหรือเสียหายด้วย ใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ก็เขียนไว้ทุกฉบับว่าเป็นค่าเช่าที่จอดรถดังนี้ ข้อตกลงและพฤติการณ์ที่ปฏิบัติต่อกันระหว่างจำเลยกับ ว. เป็นเรื่องให้เช่าที่จอดรถ จำเลยมิได้รับมอบรถเพื่อเก็บรักษาไว้ในความอารักขาแห่งตน จึงไม่เป็นการรับฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเกี่ยวกับรถที่สูญหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาล้มละลาย: การโต้แย้งสิทธิฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ว.พ.ม.249 และการขาดเหตุแห่งการล้มละลาย
จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายเพราะมูลเหตุแห่งฟ้อง มูลหนี้ เอกสารแห่งหนี้ ล้วนแต่ไม่แน่นอนและเลื่อนลอยจำเลยไม่เข้าข้อสันนิษฐานว่าเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์จงใจกลั่นแกล้งจำเลยโดยใช้สิทธิไม่สุจริต ดังนี้ เป็นฎีกาที่ไม่โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดในข้อไหนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.ว.พ. ม. 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบเสื่อไปขายโดยตกลงราคา: ไม่เป็นยักยอกทรัพย์ แต่เป็นผิดสัญญา
ฟ้องว่าจำเลยรับเสื่อจากผู้เสียหายไปขายคิดราคาเป็นเงิน440 บาท เมื่อขายได้แล้วจำเลยจะต้องนำเงิน 440 บาทไปชำระให้แก่ผู้เสียหาย จึงเป็นเรื่องมอบเสื่อให้จำเลยไปขายโดยประสงค์ได้รับเงินราคาเสื่อ มิใช่มอบให้จำเลยเป็นตัวแทนไปขายเสื่อของผู้เสียหาย จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ครอบครองเงินที่ขายได้แทนผู้เสียหาย เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินค่าเสื่อ จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ในทางแพ่งไม่ผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – เหตุสุดวิสัย – ละเมิด – การประมาท – ความรับผิดทางแพ่ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าในรถของโจทก์ทั้งสองคันเสียหาย คือปลาสด 7,370 กิโลกรัมเศษ กุ้งสด 5,638 กิโลกรัม เศษ ปูสด 35 กิโลกรัม ไข่สด 1,195 กิโลกรัม กับอีก 5,000 ฟอง และน้ำแข็ง 93 ลัง เสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินรวม372,909 บาท โจทก์รับจ้างขนสินค้าดังกล่าวจึงต้องชดใช้ราคาสินค้าทั้งหมดและโจทก์ได้ชดใช้เงินค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนี้ เป็นการแสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นของผู้ใดจำนวนเท่าใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดอันจะนำสืบกันในชั้นพิจารณาได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นปกติซึ่งจำเลยที่ 2 และนายท้ายเรือคนอื่น ๆ เคยประสบมาเป็นประจำอยู่แล้วโดยไม่เกิดเหตุร้าย แสดงว่าในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่าแม้กระแสน้ำจะไหลเชี่ยว ถ้าจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเช่นเคย เรือแพขนานยนต์ก็ไม่เอียง และรถจะไม่ไหลตกทะเล เหตุที่เกิดขึ้นจึงเกิดแต่จำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่า หาใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินความรับผิดจากการขับเรือประมาท ทำให้สินค้าเสียหาย ฟ้องไม่เคลือบคลุม เหตุสุดวิสัยไม่ฟัง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าในรถของโจทก์ทั้งสองคันเสียหาย คือปลาสด 7,370 กิโลกรัมเศษ กุ้งสด 5,638 กิโลกรัม เศษ ปูสด 35 กิโลกรัม ไข่สด 1,195 กิโลกรัม กับอีก 5,000 ฟอง และน้ำแข็ง 93 ลัง เสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินรวม 372,909 บาท โจทก์รับจ้างขนสินค้าดังกล่าวจึงต้องชดใช้ราคาสินค้าทั้งหมด และโจทก์ได้ชดใช้เงินค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าครบถ้วนแล้วโจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนี้ เป็นการแสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นของผู้ใด จำนวนเท่าใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดอันจะนำสืบกันในชั้นพิจารณาได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นปกติซึ่งจำเลยที่ 2 และนายท้ายเรือคนอื่น ๆ เคยประสบมาเป็นประจำอยู่แล้วโดยไม่เกิดเหตุร้าย แสดงว่าในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่าแม้กระแสน้ำจะไหลเชี่ยว ถ้าจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเช่นเคย เรือแพขนานยนต์ก็ไม่เอียง และรถจะไม่ไหลตกทะเล เหตุที่เกิดขึ้นจึงเกิดแต่จำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่า หาใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้แต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยแม้ฟ้องผิดฐานเจตนา แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าประมาท และมิใช่เหตุให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาทเมื่อปรากฏว่าการที่โจทก์ฟ้องผิดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามที่พิจารณาได้ความเพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสารสำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยแม้ฟ้องผิดฐานเจตนา แต่ความจริงคือประมาท และไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาท เมื่อปรากฏว่าการที่โจทก์ฟ้องผิดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตามที่พิจารณาได้ความเพราะข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสารสำคัญ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4064/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งฟ้องของอธิบดีกรมอัยการ: แก้ไขคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดได้
อธิบดีกรมอัยการมีอำนาจดำเนินคดีได้ทุกศาลตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการฯ ฉะนั้น อธิบดีกรมอัยการจึงมีอำนาจสั่งให้พนักงานอัยการจังหวัดส่งสำนวนไปให้พิจารณาได้โดยไม่จำต้องเป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนและความเห็นจากพนักงานสอบสวนโดยตรงตามมาตรา 143 และ 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดได้ทำคำสั่งไม่ฟ้องโดยยังไม่ได้ส่งสำนวนและคำสั่งเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ถือได้ว่า สำนวนการสอบสวนยังอยู่ในอำนาจของพนักงานอัยการ ย่อมแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้อธิบดีกรมอัยการจึงมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องผู้ต้องหานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4064/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งฟ้องของอธิบดีกรมอัยการ แม้ยังมิได้ผ่านความเห็นพนักงานสอบสวน และการแก้ไขคำสั่งไม่ฟ้อง
อธิบดีกรมอัยการมีอำนาจดำเนินคดีได้ทุกศาลตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการฯ ฉะนั้น อธิบดีกรมอัยการจึงมีอำนาจสั่งให้พนักงานอัยการจังหวัดส่งสำนวนไปให้พิจารณาได้โดยไม่จำต้องเป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนและความเห็นจากพนักงานสอบสวนโดยตรงตามมาตรา 143 และ 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดได้ทำคำสั่งไม่ฟ้องโดยยังไม่ได้ส่งสำนวนและคำสั่งเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด ถือได้ว่า สำนวนการสอบสวนยังอยู่ในอำนาจของพนักงานอัยการ ย่อมแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้ อธิบดีกรมอัยการจึงมีอำนาจออกคำสั่งฟ้องผู้ต้องหานั้นได้
of 77