คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เลิศวิรุฬห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและการอุทธรณ์คำสั่งศาลทหาร: ผู้ร้องไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งศาลทหารต่อศาลพลเรือนได้
คดีอยู่ในอำนาจศาลทหาร เมื่อศาลทหารได้สั่งคำร้องเรื่องขอคืนของกลางที่สั่งริบไปแล้ว และสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของผู้ร้อง ผู้ร้องจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลทหารดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนตามมาตรา198 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาจ้างเหมา การชดใช้ค่าเสียหาย และเบี้ยปรับรายวัน ศาลฎีกาวินิจฉัยผูกพันจำเลยและหุ้นส่วนผู้จัดการ
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยฐานผิดสัญญาและให้จ่ายเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 5 เป็นเงิน608,000 บาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น และผูกพันจำเลยที่ 2 ที่ 3ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ด้วย ข้อเท็จจริงในคดีนี้จึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาเกี่ยวกับการทาสีบานประตูหน้าต่างภายในตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง
การที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาทำให้โจทก์ต้องจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. ทำการก่อสร้างเป็นเงินเพิ่มไปจากเดิมที่ทำไว้กับจำเลยที่ 1 จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับโดยตรงจากการที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา จำเลยทั้งสามต้องร่วมรับผิดชดใช้ให้โจทก์
โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 โดยอาศัยเหตุที่ว่าจำเลยที่ 1 ทาสีไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญา ไม่ได้อาศัยเหตุที่ว่า จำเลยที่ 1 ทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายใน 300 วัน โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับรายวันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อโคด้วยเงินยืมและหักหนี้ด้วยใบเสร็จรับเงิน: จำเลยไม่ต้องรับผิด
จำเลยทำใบยืมเงินไปซื้อโคให้โจทก์ จะนำใบสำคัญคู่จ่ายส่งคืนภายหลัง จำเลยได้ซื้อโคตามที่ได้รับมอบหมายในวัตถุประสงค์ของโจทก์มีใบรับเงินของผู้ขายแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดในเหตุที่โจทก์ได้รับชำระหนี้จากบุคคลภายนอกไม่ครบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482-1484/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดค่าเสียหายในคดีละเมิด: ศาลมีอำนาจรับฟังพยานจำเลยเพื่อกำหนดค่าเสียหายตามสมควร แม้จำเลยให้การปฏิเสธลอย
จำเลยให้การปฏิเสธลอยในเรื่องค่าเสียหายที่เกิดจากละเมิดและศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเพียงว่า ค่าเสียหายตามข้อเรียกร้องของโจทก์มีหรือไม่ เมื่อโจทก์สืบไม่ได้ความชัดตามที่ตนมีหน้าที่นำสืบว่าโจทก์ได้เสียหายไปจริงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยเป็นส่วนหนึ่งเพื่อประกอบดุลพินิจที่จะกำหนดค่าเสียหายให้ตามสมควรได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ไม่เป็นการนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการปล่อยทรัพย์: เจ้าของรวม vs. ลูกหนี้ตามคำพิพากษา
การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 288 ต้องเป็นกรณีที่กล่าวอ้างว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามิใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ยึด เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นอยู่ด้วย ศาลก็ต้องยกคำร้องของผู้ร้องเสีย เพราะกรรมสิทธิ์ของเจ้าของรวมแต่ละคนย่อมครอบไปเหนือทรัพย์สินทั้งหมดจนกว่าจะมีการแบ่ง
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 981/2492)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเลิกการล้มละลายหลังชำระหนี้: ศาลไม่ต้องพิจารณาประนอมหนี้ก่อนล้มละลายอีก
เมื่อศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายโดยหนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ย่อมมีผลให้บุคคลผู้นั้นหลุดพ้นจากการล้มละลาย จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะพิพากษาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเลิกการล้มละลายเมื่อชำระหนี้ครบถ้วน ทำให้ไม่มีประโยชน์ในการพิจารณาการประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย
เมื่อศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายโดยหนี้สินของ บุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว ย่อมมีผลให้บุคคล ผู้นั้นหลุดพ้นจากการล้มละลาย จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาล จะพิพากษาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ก่อน ล้มละลายอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือเพื่อป้องกันเหตุร้ายจากการขับรถประมาท ไม่ถือเป็นการกระทำโดยประมาท
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเข้าแย่งพวงมาลัยจากนางสาว ป.ซึ่งกำลังขับรถอยู่และเร่งความเร็ว เป็นเหตุให้รถแล่นเข้าชนมุมตึกแถว แล้วจำเลยหักหลบไปยังฝั่งตรงข้าม แล่นเข้าชนคนและทรัพย์สินของผู้อื่น แม้ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาจะได้ความว่านางสาว ป. ผู้ขับรถเป็นผู้เร่งความเร็ว จำเลยเพียงแต่ช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็ยังถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง
จำเลยยินยอมให้ ป. ซึ่งมิได้รับใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ขับรถยนต์แทนจำเลยโดยจำเลยนั่งอยู่ด้วย ถึงที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง รถยนต์แล่นเฉี่ยวมุมตึกที่มุมถนนอย่างแรง เพราะ ป. ขับรถจะเลี้ยวแต่กะระยะไม่ถูกจำเลยจึงช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป เป็นเหตุให้รถพุ่งออกไปยังฝั่งตรงข้ามและชนผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ การที่จำเลยช่วยจับพวงมาลัยหันหัวรถให้พุ่งออกไป ก็เนื่องจาก ป. ขับรถเฉี่ยวตึกมุมถนนเพราะไม่สามารถควบคุมได้ บุคคลที่ขับรถยนต์ได้และอยู่ในภาวะเช่นจำเลยย่อมจะต้องเข้าช่วยเหลือ เหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคิดดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัด, การเลิกสัญญา, และข้อตกลงตามประเพณีการค้า
เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีระหว่างโจทก์จำเลยมิได้กำหนดระยะเวลากันไว้ ต้องถือว่าได้มีการเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ภายในระยะเวลาที่โจทก์แจ้งไปยังจำเลยให้จัดการชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชี ซึ่งในระหว่างนั้นจำเลยก็มิได้สั่งจ่ายเงินอีก
ตามประเพณีการค้าธนาคารโจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นในบัญชีเดินสะพัดได้ ข้อตกลงไม่เป็นโมฆะ ปัญหาว่าข้อนี้เป็นโมฆะหรือไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างของวันเกิดเหตุในฟ้องและคำเบิกความ ไม่ถือเป็นข้อสาระสำคัญ ศาลลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในวันที่ 4 มิถุนายน 2522 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 14 มิถุนายน 2522 ดังนี้ เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2522 มาตรา 5 บัญญัติว่ามิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้
of 77