พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2740/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเราโดยไม่มีอนาจารอื่นเพิ่มเติม: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง
การที่จำเลยกับพวกเอามืออุดปากแล้วเอาผ้าขาวม้ามัดมือผู้เสียหายลากเข้าริมถนนแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเพียงประการเดียว มิได้ทำอนาจารประการอื่นใดอีก จำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ไม่มีความผิดในข้อหาอนาจารผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2706/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในที่ดินต่อเนื่องกัน ผู้ซื้อคนสุดท้ายมีกรรมสิทธิ์ หากไม่ได้ฟ้องเพิกถอนการซื้อขายก่อนหน้า
จำเลยขออาศัยอยู่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิม น. ซื้อที่พิพาทมาแล้ว ได้ทำสัญญาจะขายให้จำเลย ต่อมา น. ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท เช่นนี้ เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องน. ผู้โอนที่พิพาทให้โจทก์ และมิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการโอนที่พิพาทจึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยให้เพิกถอนการซื้อขายที่พิพาทระหว่าง น. และโจทก์โจทก์จึงยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามสัญญาซื้อขายอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2706/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนที่ดินพิพาทโดยจำเลยมิได้ฟ้องผู้โอนเพื่อเพิกถอนสัญญา โจทก์ยังคงมีกรรมสิทธิ์ตามสัญญาซื้อขาย
จำเลยขออาศัยอยู่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิม น.ซื้อที่พิพาทมาแล้วได้ทำสัญญาจะขายให้จำเลย ต่อมา น.ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทและจดทะเบียนโอนให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท เช่นนี้ เมื่อจำเลยมิได้ฟ้อง น.ผู้โอนที่พิพาทให้โจทก์ และมิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการโอนที่พิพาท จึงไม่มีประเด็นที่จะวินิจฉัยให้เพิกถอนการซื้อขายที่พิพาทระหว่าง น.และโจทก์ โจทก์จึงยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทตามสัญญาซื้อขายอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นอายุความมรดกและการใช้สิทธิของเจ้าของรวม ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่กำหนดไว้
ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเรื่องอายุความมรดกเป็นประเด็นไว้ และจำเลยก็มิได้โต้แย้งหรือคัดค้าน จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอายุความรดก จำเลยย่อมหมดสิทธิอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องอายุความมรดก จึงเป็นการนอกประเด็น
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ม.ซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของ ม.ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้ และมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงนี้ด้วย จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่เจ้ามรดกยังไม่ตาย หลังจากเจ้ามรดกตายก็ยังคงอยู่ต่อมา จำเลยมีสิทธิใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาท
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ม.ซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของ ม.ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้ และมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงนี้ด้วย จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่เจ้ามรดกยังไม่ตาย หลังจากเจ้ามรดกตายก็ยังคงอยู่ต่อมา จำเลยมีสิทธิใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นอายุความมรดกและการฟ้องขับไล่ทายาทผู้มีสิทธิในทรัพย์มรดก
ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเรื่องอายุความมรดกเป็นประเด็นไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้งหรือคัดค้าน จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอายุความมรดก จำเลยย่อมหมดสิทธิอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องอายุความมรดก จึงเป็นการนอกประเด็น
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ม. ซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของม. ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้ และมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงนี้ด้วย จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่เจ้ามรดกยังไม่ตาย หลังจากเจ้ามรดกตายก็ยังคงอยู่ต่อมา จำเลยมีสิทธิใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาท
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของ ม. ซึ่งไม่ได้ทำพินัยกรรมยกให้ผู้ใด จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมคนหนึ่งของม. ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้ และมีส่วนเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงนี้ด้วย จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทมาตั้งแต่เจ้ามรดกยังไม่ตาย หลังจากเจ้ามรดกตายก็ยังคงอยู่ต่อมา จำเลยมีสิทธิใช้ทรัพย์สินในฐานะเจ้าของรวม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดและการปฏิบัติตามสัญญาประกัน การปฏิเสธรับหมายนัดโดยไม่มีเหตุผลย่อมไม่ถือว่าเป็นการทราบหมายนัด
ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานศาลได้นำหมายนัดไปส่งให้นายประกัน แต่นายประกันไม่ยอมรับหมายอ้างว่าไม่เคยประกันตัวนายทองมีจำเลยในคดีนี้ (ตามหมายนัดปรากฏว่ามีแต่ชื่อนายทองมีจำเลยไม่มีชื่อนายวุฒิจำเลยที่ 2) เจ้าพนักงานศาลจึงนำหมายนัดกลับคืนมาดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 78 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อยังถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ย่อมถือไม่ได้ว่านายประกันได้ทราบหมายนัดวันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์กรณีเช่นนี้ต้องถือว่ายังไม่มีการผิดสัญญาประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดกับนายประกันที่ไม่ยอมรับ และผลต่อการผิดสัญญาประกัน
ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานศาลได้นำหมายนัดไปส่งให้นายประกัน แต่นายประกันไม่ยอมรับหมาย อ้างว่าไม่เคยประกันตัวนายทองมีจำเลยในคดีนี้ (ตามหมายนัดปรากฏว่ามีแต่ชื่อนายทองมีจำเลยไม่มีชื่อนายวุฒิจำเลยที่ 2) เจ้าพนักงานศาลจึงนำหมายนัดกลับคืนมา ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 78 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อยังถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็ย่อมถือไม่ได้ว่านายประกันได้ทราบหมายนัดวันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ กรณีเช่นนี้ต้องถือว่ายังไม่มีการผิดสัญญาประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658-2659/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาก่อสร้าง: ศาลวินิจฉัยถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 391 การชำระค่างานตามผลงานจริง
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองแล้วเพราะจำเลยทั้งสองทำผิดสัญญา จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยผิดสัญญา อันเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองยังไม่เลิกกัน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จึงรวมอยู่ในประเด็นที่ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองเลิกกันแล้วหรือยังด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้วดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่อีกนั้น จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกคำฟ้องและนอกประเด็น
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวด ๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวด ๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658-2659/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาก่อสร้าง: การชำระค่างานที่ทำไปแล้วตามสภาพผลงานจริง และค่าฤชาธรรมเนียม
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองแล้วเพราะจำเลยทั้งสองทำผิดสัญญา จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยผิดสัญญา อันเป็นการต่อสู้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองยังไม่เลิกกัน ที่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ จึงรวมอยู่ในประเด็นที่ว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองเลิกกันแล้วหรือยังด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว ดังนี้ ที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาต่อกันแล้ว โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่อีกนั้น จึงมิใช่เป็นการพิพากษานอกคำฟ้องและนอกประเด็น
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวดๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
จำเลยจ้างเหมาโจทก์ปลูกสร้างอาคาร ในสัญญาจ้างแบ่งเงินค่าจ้างออกเป็นงวดๆ โดยงวดสุดท้ายกำหนดชำระเป็นจำนวนเกือบจะเท่ากับกึ่งหนึ่งของค่าก่อสร้างทั้งหมด เมื่อโจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกสัญญาต่อกันโดยกรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 โจทก์และจำเลยต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับคืนสู่ฐานะดังเป็นอยู่เดิม ส่วนการงานที่โจทก์ได้กระทำให้จำเลยทั้งสองแล้วนั้น จำเลยทั้งสองจำต้องใช้เงินให้โจทก์ตามค่าแห่งการงานที่โจทก์ได้ทำไปแล้ว ค่าแห่งการงานที่จะต้องชดใช้กันนั้นไม่จำต้องมีราคาตรงตามงวดของงานที่ระบุไว้ในสัญญา ต้องพิจารณาถึงผลงานที่ทำให้ไปแล้วทั้งหมด
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้คดีหรือการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินบริษัทโดยไม่ชำระหนี้ภาษี ผู้ถือหุ้นมี liability ต่อเจ้าหนี้
ผู้ชำระบัญชีของบริษัทจำเลยที่ 1 แบ่งทรัพย์สินของบริษัทคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นไป โดยยังไม่ได้ชำระหนี้ค่าภาษีอากรให้แก่โจทก์อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1269 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิฟ้องบริษัทผู้ชำระบัญชีและผู้ถือหุ้นให้รับผิดต่อโจทก์ได้
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดการประเมินภาษีของบริษัทจำเลยที่ 1 แล้ว แต่จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวภายใน 30 วัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) จึงหมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อศาลต่อไป
โจทก์ฟ้องให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นให้ร่วมรับผิดในหนี้ภาษีเงินได้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ที่ต้องชำระ มิได้ฟ้องให้รับผิดในหนี้ภาษีเงินได้ส่วนตัวของจำเลยอื่น จึงไม่จำเป็นต้องเรียกจำเลยอื่นให้ปฏิบัติหรือตอบคำถามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 21
การที่เจ้าหนี้ติดตามหนี้สินคืนจากผู้ถือหุ้นที่ได้รับแบ่งทรัพย์สินของบริษัทไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นกลับคืนนั้น มิใช่เป็นเรื่องเรียกให้ชำระมูลค่าของหุ้นที่ยังส่งให้ไม่ครบ
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดการประเมินภาษีของบริษัทจำเลยที่ 1 แล้ว แต่จำเลยที่ 1 มิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังกล่าวภายใน 30 วัน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30(2) จึงหมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อศาลต่อไป
โจทก์ฟ้องให้จำเลยอื่นซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นให้ร่วมรับผิดในหนี้ภาษีเงินได้ของบริษัทจำเลยที่ 1 ที่ต้องชำระ มิได้ฟ้องให้รับผิดในหนี้ภาษีเงินได้ส่วนตัวของจำเลยอื่น จึงไม่จำเป็นต้องเรียกจำเลยอื่นให้ปฏิบัติหรือตอบคำถามตามประมวลรัษฎากร มาตรา 21
การที่เจ้าหนี้ติดตามหนี้สินคืนจากผู้ถือหุ้นที่ได้รับแบ่งทรัพย์สินของบริษัทไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นกลับคืนนั้น มิใช่เป็นเรื่องเรียกให้ชำระมูลค่าของหุ้นที่ยังส่งให้ไม่ครบ