คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เลิศวิรุฬห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งเลิกสหกรณ์: เมื่อสหกรณ์ดำเนินกิจการไม่ได้ผลหรือก่อให้เกิดความเสียหาย
โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นข้อเดียวว่าจำเลยมีสิทธิสั่งเลิกสหกรณ์โจทก์ตามกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์จำเลยขอสละข้อต่อสู้อื่น ๆ และไม่ติดใจสืบพยานกันต่อไป ย่อมถือว่าโจทก์จำเลยขอปิดคดีของตนเสร็จแล้วไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปอีก
เมื่อได้ความว่าสหกรณ์จำกัดไม่อาจดำเนินกิจการให้ได้ผลดี หรือการดำเนินการของสหกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์หรือประโยชน์ส่วนรวมดังระบุไว้ในมาตรา 51(3) แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 แล้ว นายทะเบียนสหกรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งเลิกสหกรณ์ได้ทันทีโดยไม่จำต้องสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องตามมาตรา 47 ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งเลิกสหกรณ์: เมื่อสหกรณ์ดำเนินการไม่ได้ผล หรือก่อให้เกิดความเสียหาย
โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นข้อเดียวว่า จำเลยมีสิทธิสั่งเลิกสหกรณ์โจทก์ตามกฎหมายหรือไม่ โดยโจทก์จำเลยขอสละข้อต่อสู้อื่นๆ และไม่ติดใจสืบพยานกันต่อไป ย่อมถือว่าโจทก์จำเลยขอปิดคดีของตนเสร็จแล้ว ไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์ต่อไปอีก
เมื่อได้ความว่าสหกรณ์จำกัดไม่อาจดำเนินการให้ได้ผลดี หรือการดำเนินการของสหกรณ์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สหกรณ์หรือประโยชน์ส่วนรวมดังระบุไว้ในมาตรา 51 (3) แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2511 แล้ว นายทะเบียนสหกรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งเลิกสหกรณ์ได้ทันทีโดยไม่จำต้องสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องตามมาตรา 47 ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และอำนาจฟ้องขับไล่
ที่พิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโจทก์ไม่มีสิทธิยึดถือหรือครอบครองที่ดินตาม มาตรา 14 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507และไม่มีอำนาจนำไปให้จำเลยเช่าโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าซื้อรถยนต์ต่อโดยไม่ส่งมอบกรรมสิทธิ์: ไม่เข้าข่ายฉ้อโกงหากผู้เสียหายมีวิจารณญาณเพียงพอ
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์จากห้าง น. และยังค้างชำระค่าเช่าซื้ออยู่ แล้วจำเลยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปให้ผู้เสียหายเช่าซื้อต่อโดยจำเลยรับเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์นั้นจากผู้เสียหายไปหลายครั้ง ซึ่งผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยคงส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระให้ห้าง น. ตามที่ค้างอยู่ แต่จำเลยก็ไม่นำเงินไปชำระเลย ห้าง น. จึงยึดรถยนต์คืนดังนี้ จึงเป็นเรื่องรับผิดในทางแพ่งจำเลยหามีความผิดอาญาฐานฉ้อโกงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าของรถ กรณีคนขับรถทำละเมิด จำเป็นต้องแสดงความสัมพันธ์ระหว่างคนขับกับเจ้าของรถ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หญิงไม่ทราบชื่อขับรถยนต์ของจำเลยชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมรับผิดกับหญิงไม่ทราบชื่อใช้ค่าเสียหายให้โจทก์โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าหญิงไม่ทราบชื่อนั้นมีฐานะความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร เช่นมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยและกระทำไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการแทนจำเลยดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2399/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าของรถเมื่อผู้อื่นขับรถชนบุคคลอื่น จำเป็นต้องแสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับกับเจ้าของรถ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า หญิงไม่ทราบชื่อขับรถยนต์ของจำเลยชนโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมรับผิดกับหญิงไม่ทราบชื่อใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าหญิงไม่ทราบชื่อนั้นมีฐานะความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร เช่นมีฐานะเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยและกระทำไปในทางการที่จ้างหรือในกิจการแทนจำเลย ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไก่แล้วนำไปขาย: ความแตกต่างระหว่างการยักยอกกับหนี้สัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไก่ซึ่งฆ่าแล้วจำนวน 100 ตัว ราคา 3,800 บาท ของผู้เสียหายซึ่งมอบหมายให้จำเลยครอบครองแล้วนำไปขายให้กับประชาชนทั่วไป แต่เมื่อจำเลยนำไก่ไปขายหมดแล้ว จำเลยได้บังอาจเบียดบังเอาเงิน 3,800 บาท ของผู้เสียหายไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องคงได้ความเพียงว่า จำเลยนำไก่ซึ่งฆ่าแล้วของผู้เสียหาย ซึ่งมอบให้จำเลยครอบครองแล้วนำไปขายให้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนขายไก่ กรณีจึงอาจเป็นได้ว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยรับไก่ไปขายอย่างเป็นของจำเลยเองก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ เงินที่ขายได้ก็เป็นของจำเลย จำเลยเป็นแต่เพียงลูกหนี้ที่จะต้องชำระเงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้เสียหายเท่านั้น ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจะว่าจำเลยยักยอกเงินค่าไก่ยังไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2259/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไก่เพื่อขาย: ความแตกต่างระหว่างการยักยอกทรัพย์กับหนี้สิน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำไก่ซึ่งฆ่าแล้วจำนวน 100 ตัวราคา 3,800 บาท ของผู้เสียหายซึ่งมอบหมายให้จำเลยครอบครองแล้วนำไปขายให้กับประชาชนทั่วไป แต่เมื่อจำเลยนำไก่ไปขายหมดแล้ว จำเลยได้บังอาจเบียดบังเอาเงิน3,800 บาท ของผู้เสียหายไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องคงได้ความเพียงว่าจำเลยนำไก่ซึ่งฆ่าแล้วของผู้เสียหายซึ่งมอบหมายให้จำเลยครอบครองแล้วนำไปขายให้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้ความว่าผู้เสียหายมอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนขายไก่กรณีจึงอาจเป็นได้ว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยรับไก่ไปขายอย่างเป็นของจำเลยเองก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเงินที่ขายได้ก็เป็นของจำเลย จำเลยเป็นแต่เพียงลูกหนี้ที่จะต้องชำระเงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้เสียหายเท่านั้นข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องจะว่าจำเลยยักยอกเงินค่าไก่ยังไม่ได้ แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งหลังคดีอาญา: การนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 วรรคแรก
บทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสองบัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับสำหรับกรณีที่จะมีการฟ้องคดีแพ่งตามมาภายหลังที่ได้พิจารณาพิพากษาคดีอาญาเด็ดขาดไปแล้วดังที่บัญญัติไว้ในวรรคสามและสี่รวมทั้งกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีแพ่งเข้ามาในระหว่างพิจารณาคดีอาญาด้วย
ก่อนฟ้องคดีแพ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญาหาว่ายักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลพิพากษายกฟ้องคดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้วกรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51 วรรคสี่ คือสิทธิของโจทก์ในอันที่จะฟ้องคดีแพ่งสำหรับจำเลยที่ 2 ย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีอาญาศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมยักยอกทรัพย์ของโจทก์ด้วย ดังนั้นเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีแพ่งขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงต้องนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกซึ่งบัญญัติให้ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีแพ่งหลังคดีอาญา: นับใหม่เมื่อศาลอาญาพิพากษายกฟ้องและมีมูลละเมิด
บทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 วรรค 2 บัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับสำหรับกรณีที่จะมีการฟ้องคดีแพ่งตามมาภายหลังที่ได้พิจารณาพิพากษาคดีอาญาเด็ดขาด ไปแล้วดังที่บัญญัติไว้ในวรรค 3 และ 8 รวมทั้งกรณีที่ได้มีการฟ้องคดีแพ่งเข้ามาในระหว่างพิจารณาคดีอาญาด้วย
ก่อนฟ้องคดีแพ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีอาญาหาว่ายักยอกทรัพย์ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 41 วรรค 4 ถือสิทธิของโจทก์ในอันที่จะฟ้องคดีแพ่งสำหรับจำเลยที่ 2 ย่อมมีอายุความตามหลักทั่วไปในเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีอาญาศาลฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมยักยอกทรัพย์ของโจทก์ด้วย ดังนั้นเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีแพ่งขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงต้องนับอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติให้ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะถึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
of 77