คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เลิศวิรุฬห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินบำเหน็จตกทอดกรณีบุตรชอบด้วยกฎหมาย: ต้องมีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินประกอบ
ผู้ร้องขอให้ศาลสั่งว่า ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ม.มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สิน จึงไม่มีเหตุที่จะคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องในระหว่างพิจารณา หรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา ทั้งเมื่อศาลตัดสินให้ผู้ร้องชนะ ผู้คัดค้านก็ไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาแต่อย่างใดไม่จำเป็นจะสั่งอายัดเงินบำเหน็จตกทอดและบำนาญพิเศษของ ม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ประกอบการขนส่งต้องรับผิดต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุ แม้เช่ารถและคนขับ ไม่ใช่ลูกจ้าง
จำเลยเป็นผู้ประกอบกิจการรับขนส่งคนโดยสาร จำเลยต้องรับผิดต่อคนโดยสารในความเสียหายที่เกิดขึ้นจะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่ารถโดยสารคันนั้นเช่ามา และคนขับไม่ใช่ลูกจ้างของตนหาได้ไม่ ต้องใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดอุปการะเลี้ยงดูจากภริยาและบุตรที่ถูกรถชนตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ธนาคารรับเช็คลงวันล่วงหน้าและภาระความรับผิดต่อการยักยอกเงินของพนักงาน
คนของโจทก์รับเงินจากลูกค้าแล้วยักยอกไว้ โดยออกเช็คส่วนตัวลงวันล่วงหน้าเข้าบัญชีธนาคารแทน ธนาคารพาณิชย์จะรับเช็คลงวันล่วงหน้าได้หรือไม่ และวันที่ในใบรับเช็คจะต้องตรงกับวันที่ที่ลงในเช็คหรือไม่นั้นไม่มีระเบียบหรือกฎข้อบังคับของธนาคารหรือของทางราชการวางไว้ธนาคารจำเลยที่ 2 ย่อมถือปฏิบัติในการบริการความสะดวกแก่ลูกค้าโดยการรับเช็คลงวันล่วงหน้าไว้เพื่อเรียกเก็บเงินให้ในเมื่อเช็คนั้นถึงกำหนดโดยที่ธนาคารจำเลยที่ 2 ยอมรับเสี่ยงภัยในความเสียหายนั้นเองได้ โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียหาย เพราะรับเช็คลงวันล่วงหน้าจากคนของโจทก์ จึงไม่ทราบว่าคนของโจทก์ยักยอกเงินไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยสาเหตุส่วนตัว แม้เกิดเหตุขณะปฏิบัติงาน
ส. ลูกจ้างโจทก์ถูกแทงทำร้ายถึงแก่ความตาย เพราะสาเหตุเรื่องส่วนตัวแม้การตายของ ส. ได้เกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานทำความสะอาดตู้รถสินค้าและบริเวณที่ทำการรับส่งสินค้าของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างก็ตาม แต่เมื่อมีสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวก็ถือไม่ได้ว่า ส. ประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่โจทก์ผู้เป็นนายจ้าง ตามนัยแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจึงไม่จำต้องจ่ายเงินทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายเงินทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิตจากเหตุส่วนตัว แม้เกิดขณะทำงาน
ส.ลูกจ้างโจทก์ถูกแทงทำร้ายถึงแก่ความตาย เพราะสาเหตุเรื่องส่วนตัวแม้การตายของ ส. ได้เกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานทำความสะอาดตู้รถสินค้าและบริเวณที่ทำการรับส่งสินค้าของโจทก์ผู้เป็นนายจ้างก็ตาม แต่เมื่อมีสาเหตุมาจากเรื่องส่วนตัวก็ถือไม่ได้ว่า ส. ประสบอันตรายถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่โจทก์ผู้เป็นนายจ้างตามนัยแห่งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างจึงไม่จำต้องจ่ายเงินทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126-127/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งถึงสำเร็จความผิด แม้คดีนั้นสิ้นสุดด้วยการประนีประนอมยอมความ
ในคดีแพ่งที่จำเลยทั้งสองถูก ส. ฟ้องว่าผิดสัญญาขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยนั้น ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยร่วม) ขายที่พิพาทหรือไม่ อันเป็นประเด็นสำคัญชี้ขาดการแพ้ชนะคดีนั้น การที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ไปจำหน่ายหรือขายที่ดินให้คนอื่นจึงเป็นข้อความสำคัญในคดี
เมื่อจำเลยเบิกความเท็จและข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี แม้คดีนั้นจะเสร็จเด็ดขาดลงด้วยการประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม การกระทำที่เป็นการเบิกความเท็จของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126-127/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งถึงแม้มีการประนีประนอมยอมความแล้ว ก็ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ในคดีแพ่งที่จำเลยทั้งสองถูก ส. ฟ้องว่าผิดสัญญาขายที่ดินและเรียกค่าเสียหาย ซึ่งโจทก์ถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วยนั้น ศาลได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า จำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้โจทก์ (ซึ่งเป็นจำเลยร่วม)ขายที่พิพาทหรือไม่ อันเป็นประเด็นสำคัญชี้ขาดการแพ้ชนะคดีนั้น การที่จำเลยทั้งสองเบิกความอันเป็นเท็จว่าไม่ได้มอบอำนาจให้โจทก์ไปจำหน่ายหรือขายที่ดินให้คนอื่น จึงเป็นข้อความสำคัญในคดี
เมื่อจำเลยเบิกความเท็จและข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแม้คดีนั้นจะเสร็จเด็ดขาดลงด้วยการประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตามการกระทำที่เป็นการเบิกความเท็จของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เริ่มก่อการบริษัทต่อหนี้ที่เกิดขึ้นก่อนจดทะเบียนบริษัท แม้ที่ประชุมยังมิได้อนุมัติ
การที่จำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ชื่อบริษัทนครหลวงรถเมล์เล็ก จำกัด ตลอดจนเครื่องหมายของบริษัทและหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทดังกล่าวติดที่ข้างรถ จำเลยที่ 2 เท่ากับเป็นการยอมให้รถจำเลยที่ 2 เดินรับส่งคนโดยสารในนามของบริษัทฯ และถือได้ว่าเป็นการยอมรับต่อบุคคลภายนอกว่า รถของจำเลยที่ 2 เป็นรถของบริษัทนั้นเอง เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้บริษัทนครหลวงรถเมล์เล็กจำกัดดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียนไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลก็ตาม จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เริ่มก่อการบริษัทก็ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตามบทบัญญัติในมาตรา 1113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เริ่มก่อการบริษัทต้องรับผิดร่วมกับหนี้ที่เกิดจากการดำเนินกิจการก่อนจดทะเบียน
การที่จำเลยที่ 3 ยอมให้จำเลยที่1 และที่ 2 ใช้ชื่อบริษัทนครหลวงรถเมล์เล็ก จำกัด ตลอดจนเครื่องหมายของบริษัทและหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทดังกล่าวติดที่ข้างรถจำเลยที่ 2 เท่ากับเป็นการยอมให้รถจำเลยที่ 2 เดินรับส่งคนโดยสารในนามของบริษัทฯ และถือได้ว่า เป็นการยอมรับต่อบุคคลภายนอกว่า รถของจำเลยที่ 2 เป็นรถของบริษัทนั้นเอง เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 กระทำละเมิดต่อโจทก์ แม้บริษัทนครหลวงรถเมล์เล็ก จำกัด ดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียน ไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลก็ตาม จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้เริ่มก่อการบริษัทก็ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ตามบทบัญญัติในมาตรา 1113 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำพิพากษา: จำเลยต้องไถ่ถอนจำนองก่อนชำระค่าสินไหมทดแทน
ตามคำพิพากษาอันดับแรกที่ให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทโอนให้แก่โจทก์โดยรับเงินจากโจทก์นั้นไม่ปรากฏว่าเพราะเหตุใดจำเลยจึงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาในอันดับแรกนี้เสียก่อน จำเลยกลับรีบนำเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอันดับหลัง มาวางต่อศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่จำเลย จำนองไว้กับธนาคารในระหว่างที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ออกคำบังคับแสดงว่าจำเลยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาอันดับแรกได้และก็ไม่ปรากฏว่าธนาคารผู้รับจำนองมีเหตุขัดข้องไม่ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองแต่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงชวนให้สงสัยว่าน่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อจะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของคำพิพากษาตั้งแต่อันดับแรกเป็นต้นไปตามลำดับ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ เลือกปฏิบัติชำระเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษา อันดับหลัง
of 77