พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฉ้อโกงโดยอ้างประกันตัว: โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายโดยชอบ
โจทก์ร่วมถูกควบคุมตัวอยู่ในข้อหาปลอมเอกสาร จำเลยหลอกโจทก์ร่วมว่าได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ศาล และขอเช่าโฉนดที่ดินของผู้มีชื่อไว้แล้ว เพื่อขอประกันตัวโจทก์ร่วมต่อศาล ขอเรียกเงินค่าเช่าโฉนด และค่าปรับโฉนดจากโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมได้จ่ายเงินให้จำเลยตามที่เรียกร้องเพราะหลงเชื่อตามที่จำเลยหลอกลวง มิได้มอบเงินให้จำเลยไปเพื่อให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ดังนี้ ถือว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายโดยตรงในความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกเก็บเช็คก่อนกำหนดชำระ และสิทธิในการไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายเช็ค
การที่เจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ค (โจทก์ ) เป็นแต่เพียงนำเช็คที่จำเลยลูกหนี้เป็นผู้สั่งจ่ายไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคาร ก.ก่อนเช็คถึงกำหนด 1 วัน ซึ่งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเรียกเก็บเงินจากธนาคารเจ้าของเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระตามวิธีการของธนาคารนั่นเอง เมื่อธนาคาร ก.ด่วนเรียกเก็บเงินไปยังธนาคารเจ้าของเช็ค และธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าเงินในบัญชีจำเลยลูกหนี้ไม่พอจ่ายในวันเดียวกันนั้นเองนั้นเป็นเรื่องการปฏิบัติงานในระหว่างธนาคารกับธนาคารจะถือว่าผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก่อนเช็คถึงกำหนดหาได้ไม่ เมื่อธนาคารได้ ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้น ทั้งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คได้ทวงถามให้ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คหลายครั้งแล้ว ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก็แจ้งว่าไม่มีเงินชำระ ดังนี้ เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามเช็ครายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเช็คเข้าบัญชีก่อนกำหนด ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิไล่เบี้ยก่อนถึงกำหนด เจ้าหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้
การที่เจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ค(โจทก์) เป็นแต่เพียงนำเช็คที่จำเลยลูกหนี้เป็นผู้สั่งจ่ายไปเข้าบัญชีของตนที่ธนาคาร ก.ก่อนเช็คถึงกำหนด 1 วัน ซึ่งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ธนาคารดังกล่าวเรียกเก็บเงินจากธนาคารเจ้าของเช็คเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระตามวิธีการของธนาคารนั้นเอง เมื่อธนาคาร ก. ด่วนเรียกเก็บเงินไปยังธนาคารเจ้าของเช็ค และธนาคารเจ้าของเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่าเงินในบัญชีจำเลยลูกหนี้ไม่พอจ่ายในวันเดียวกันนั้นเองนั้น เป็นเรื่องการปฏิบัติงานในระหว่างธนาคารกับธนาคาร จะถือว่าผู้ทรงเช็คใช้สิทธิไล่เบี้ยลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก่อนเช็คถึงกำหนดหาได้ไม่ เมื่อธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คนั้น ทั้งเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็คได้ทวงถามให้ลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คหลายครั้งแล้วลูกหนี้ผู้สั่งจ่ายก็แจ้งว่าไม่มีเงินชำระ ดังนี้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ตามเช็ครายนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเช็ค: เหตุบรรเทาโทษ, การเรียงกระทง, และผลของการนำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็ค
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 196 บัญญัติถึงกรณีที่ให้คดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเป็นอันเลิกกันได้ไม่ได้บัญญัติในเรื่องเหตุบรรเทาโทษไว้เป็นพิเศษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยเว้นแต่ กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นศาลจึงนำเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรืออีกนัยหนึ่งโจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตามเมื่อตามฟ้องของโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามบทบัญญัติมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ 30 ตุลาคม 2519ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2519 โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียก เก็บเงินเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็คจึงไม่อาจ อ้างได้ว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายในวันออกเช็คการกระทำของจำเลยเกี่ยวกับเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วยเว้นแต่ กฎหมายนั้น ๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นศาลจึงนำเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรืออีกนัยหนึ่งโจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตามเมื่อตามฟ้องของโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลยฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามบทบัญญัติมาตรา 91แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ 30 ตุลาคม 2519ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2519 โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียก เก็บเงินเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็คจึงไม่อาจ อ้างได้ว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายในวันออกเช็คการกระทำของจำเลยเกี่ยวกับเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2765/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค, การเรียงกระทงความผิด, และการนำหลักกฎหมายมาใช้กับเช็ค
ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 196 บัญญัติถึงกรณีที่ให้คดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเป็นอันเลิกกันได้ ไม่ได้บัญญัติในเรื่องเหตุบรรเทาโทษไว้เป็นพิเศษ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ศาลจึงนำเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรืออีกนัยหนึ่งโจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตามเมื่อตามฟ้องของโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลย ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามบทบัญญัติมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ 30 ตุลาคม 2519 ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2519 โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็ค จึงไม่อาจอ้างได้ว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายในวันออกเช็ค การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 บัญญัติให้ใช้บทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในกรณีแห่งความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย เว้นแต่กฎหมายนั้นๆ จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ศาลจึงนำเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 มาใช้ในกรณีแห่งความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิดหรืออีกนัยหนึ่งโจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาในคำขอท้ายฟ้องก็ตามเมื่อตามฟ้องของโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพของจำเลย ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามบทบัญญัติมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยออกเช็คลงวันที่ 30 ตุลาคม 2519 ต่อมาวันที่ 15 ตุลาคม 2519 โจทก์ได้นำเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ได้นำเช็คไปขึ้นเงินก่อนวันออกเช็ค จึงไม่อาจอ้างได้ว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายในวันออกเช็ค การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับเช็คดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิด แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2764/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องเป็นไปตามฟ้อง หากรายละเอียดการกระทำไม่ชัดเจน ศาลไม่สามารถลงโทษเกินกว่าที่ฟ้องได้
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าความผิดที่จำเลยนำใบสำคัญปลอมไปเบิกเงิน มีการกระทำหลายครั้ง เป็นเวลาหลายเดือน แต่ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายรายละเอียดการกระทำของจำเลยให้ปรากฏพอที่จะให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมดังที่ได้ความตามทางพิจารณา จึงลงโทษจำเลยแต่ละกรรมนอกเหนือจากฟ้องหาได้ไม่
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ด้วย พนักงานอัยการก็มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายได้
เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ด้วย พนักงานอัยการก็มีสิทธิเรียกร้องทรัพย์คืนแทนผู้เสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจาก
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
สารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2627/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อถอนฟ้อง: ศาลมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบค่าฤชาธรรมเนียมได้ แม้ไม่ใช่คำพิพากษา
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกเสียจากสารบบความเมื่อโจทก์ถอนฟ้องศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามที่เห็นสมควร โดยสั่งลงไว้ในคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความนั้นไม่จำต้องทำเป็นคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2586/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า: การจดทะเบียนในต่างประเทศมีผลในไทย และไม่ต้องบอกกล่าวก่อนฟ้องเพิกถอนทะเบียน
โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ญี่ปุ่นสำหรับใบมีดโกนซอยผมที่โจทก์ผู้ผลิตส่งมาขายในประเทศไทย จำเลยเป็นแต่ผู้สั่งสินค้ามาจำหน่าย โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่าจำเลย
การฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 41 หาจำเป็นต้องมีการบอกกล่าวก่อนฟ้องไม่
การฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 41 หาจำเป็นต้องมีการบอกกล่าวก่อนฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายถนนสาธารณะโดยเจ้าของที่ดินอ้างสิทธิ ถือเป็นความผิดต่อทรัพย์สินสาธารณะ
ราษฎรในหมู่บ้านได้ทำถนนขึ้นเป็นถนนสาธารณะ เพื่อให้ราษฎรได้ใช้สัญจรไปมาแล้ว ถนนที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ถ้าจำเลยเห็นว่าถนนดังกล่าวทำขึ้นในที่ดินของภรรยาจำเลย จำเลยย่อมจะต้องใช้สิทธิทางศาลฟ้องร้องผู้กระทำละเมิดต่อไป การที่จำเลยขุดทำลายถนนซึ่งประชาชนให้สัญจรไปมาได้แล้วโดยพลการเช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360