คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุทิน เลิศวิรุฬห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 769 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1464/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ด้วยการขู่เข็ญ: การแย่งเงินจากผู้ถูกข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แม้เงินยังไม่ได้ส่งมอบ
จำเลยบังคับให้ บ. ยืมเงิน ท. มาให้จำเลย การที่จำเลยถือปืนขู่ บ. เป็นการขู่ ท. อยู่ในตัว ท. หยิบเงินออกมายังไม่ทันส่งมอบแก่ บ. จำเลยเอาเงินไปจากมือ ท. เป็นชิงทรัพย์ ท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาจ่ายค่าเลี้ยงชีพลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ต้องพิจารณาฐานะปัจจุบันของลูกหนี้และครอบครัว
การจ่ายค่าเลี้ยงชีพลูกหนี้และครอบครัวตามสมควรแก่ฐานานุรูปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 121 นั้น เจ้าพนักงานพิทักษืทรัพย์จะต้องพิจารณาถึงฐานะความเป็นอยู่ของลูกหนี้และครอบครัวในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร สมควรจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด ซึ่งธรรมดาย่อมทราบได้จากการสอบสวนหรือไต่สวนลูกหนี้เจ้าหนี้โดยตรง ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพไปโดยสั่งในคำร้องของลูกหนี้ที่ขอให้จ่ายค่าเลี้ยงชีพนั้นเอง ไม่ได้พิจารณาถึงฐานะความเป็นอยู่ของลูกหนี้และครอบครัวในปัจจุบันแต่อย่างใด จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ศาลย่อมให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาสั่งจ่ายค่างเลี้ยงชีพลูกหนี้ และครอบครัวเสียใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าเลี้ยงชีพลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ต้องพิจารณาฐานะความเป็นอยู่ปัจจุบันของลูกหนี้และครอบครัว
การจ่ายค่าเลี้ยงชีพลูกหนี้และครอบครัวตามสมควรแก่ฐานานุรูปตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 121 นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องพิจารณาถึงฐานะความเป็นอยู่ของลูกหนี้และครอบครัวในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร สมควรจ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด ซึ่งธรรมดาย่อมทราบได้จากการสอบสวนหรือไต่สวนลูกหนี้เจ้าหนี้โดยตรงดังนั้น การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพไป โดยสั่งในคำร้องของลูกหนี้ที่ขอให้จ่ายค่าเลี้ยงชีพนั้นเอง ไม่ได้พิจารณาถึงฐานะความเป็นอยู่ของลูกหนี้และครอบครัวในปัจจุบันแต่อย่างใด จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบศาลย่อมให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาสั่งจ่ายค่าเลี้ยงชีพลูกหนี้และครอบครัวเสียใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความภาษี: การประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินถือเป็นการสั่งบังคับ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
เจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้สั่งให้โจทก์เสียภาษีให้ถูกต้องเป็นการสั่งบังคับได้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 12 โดยไม่ต้องฟ้องจึงมีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีอายุความสะดุดหยุดลงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความ, ประเด็นนอกคำร้อง, สิทธิอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย
ปัญหาเรื่องอายุความ ผู้ร้องมิได้กล่าวแก้เป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์ เมื่อผู้ร้องฎีกาในปัญหาเรื่องอายุความศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัยให้
พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 119 วรรค 3 ไม่ได้บัญญัติว่าคำสั่งของศาลที่จำหน่ายจากบัญชีลูกหนี้ให้เป็นที่สุด ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายผู้ร้องจากบัญชีลูกหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งเป็นคู่ความ ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ไม่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 145(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขสัญญะประนีประนอมยอมความด้วยเหตุข่มขู่: การขู่ฟ้องคดีอาญาไม่ทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
โจทก์ขู่ให้จำเลยแก้วันในสัญญาประนีประนอมยอมความเดิมจาก พ.ศ.2521 เป็น 2520 โดยว่าถ้าไม่แก้จะนำเช็คซึ่งจำเลยออกให้ผู้อื่นและตกอยู่ในมือโจทก์ไปฟ้องคดีอาญาว่าออกเช็คไม่มีเงินการขู่ดังนี้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตตามปกตินิยมไม่เป็นโมฆียะตามมาตรา127

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290-1291/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าประเด็นทางพิพาท, การครอบครองปรปักษ์, ที่ดินมือเปล่า และการจดทะเบียนภารจำยอม
โจทก์จำเลยท้ากันว่า ถ้าพยานคนหนึ่งเบิกความว่าทางพิพาทมีมาเกิน 10 ปี จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่มีทางพิพาทมาก่อนโจทก์ยอมแพ้คำสั่งไม่อนุญาตให้ยกเลิกคำท้าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาพยานเบิกความว่ามีทางมา 20 ปี จำเลยต้องแพ้ข้อที่ว่าจำเลยครอบครองมากว่า 10 ปีไม่มีประเด็นในคำท้า แต่เป็นที่ดิน ส.ค.1 โอนทางทะเบียนไม่ได้ศาลไม่พิพากษาให้จดทะเบียนภารจำยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนมติสมาคม: ไม่จำต้องฟ้องสมาคมโดยตรง และศาลมีอำนาจพิพากษาเพิกถอนมติได้
การร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติอันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 อาจทำเป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาท โดยไม่จำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยก็ได้
โจทก์ฟ้องคณะกรรมการบริหารสมาคม 14 คนเป็นจำเลย ขอให้จำเลยเพิกถอนมติที่ฝ่าฝืนข้อบังคับ โดยระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารกิจการตามข้อบังคับ จำเลยได้ลงมติฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคม อันเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสมาชิกสมาคม ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้รับผิดชอบกิจการของสมาคมให้เพิกถอนมติโดยฝ่าฝืนข้อบังคับได้ หาจำต้องฟ้องสมาคมด้วยไม่
โจทก์คณะกรรมการบริหารสมาคมแม้คำขอของโจทก์ระบุเจาะจงให้จำเลยเพิกถอนมติก็ตาม แต่สภาพแห่งฟ้องการบังคับอาจไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 ก็บัญญัติให้ศาลเพิกถอนมตินั้นเสียโดยไม่ต้องบังคับให้บุคคลใดเพิกถอน ดังนั้น ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนมติของสมาคมโดยไม่ได้บังคับจำเลยได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1287/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเพิกถอนมติสมาคม: สิทธิสมาชิกฟ้องคณะกรรมการโดยตรงได้ แม้ไม่ต้องฟ้องสมาคม
การร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติอันฝ่าฝืนต่อข้อบังคับของสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 อาจทำ เป็นคำร้องขออย่างคดีไม่มีข้อพิพาท โดยไม่จำต้องฟ้องสมาคมเป็นจำเลยก็ได้
โจทก์ฟ้องคณะกรรมการบริหารสมาคม 14 คนเป็นจำเลยขอให้จำเลยเพิกถอนมติที่ฝ่าฝืนข้อบังคับ โดยระบุว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบบริหารกิจการตามข้อบังคับจำเลยได้ลงมติฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคม อันเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นสมาชิกสมาคม ดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานะที่จำเลยเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมผู้รับผิดชอบกิจการของสมาคม ให้เพิกถอน มติโดยฝ่าฝืนข้อบังคับได้ หาจำต้องฟ้องสมาคม ด้วยไม่
โจทก์ฟ้องคณะกรรมการบริหารสมาคมแม้คำขอของ โจทก์ระบุเจาะจง ให้จำเลยเพิกถอนมติก็ตาม แต่สภาพ แห่งการบังคับอาจไม่ เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้ ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1291 ก็บัญญัติให้ศาล เพิกถอนมตินั้นเสียโดยไม่ต้องบังคับให้บุคคลใด เพิกถอน ดังนั้น ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้เพิกถอนมติ ของสมาคม โดยไม่ได้บังคับจำเลยได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลางที่ถูกริบตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: สิทธิของเจ้าของที่ไม่รู้เห็นเป็นใจ
การขอคืนของกลางตามพระราชบัญญัติป่าไม้ในกรณีที่พนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือศาลไม่พิพากษาให้ริบนั้น ผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองขอคืนได้ภายใน 6 เดือนนับแต่วันทราบหรือถือว่าได้ทราบคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณีตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 64 ทวิ วรรคสอง ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 มาตรา 26แต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ริบตามมาตรา 74 และ 74ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้นั้นมิได้บัญญัติเรื่องการขอคืนของกลางไว้ในที่ใดในพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงต้องใช้บทบัญญัติทั่วไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ประกอบด้วยมาตรา 17บุคคลภายนอกผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ที่ถูกริบมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดย่อมจะร้องขอต่อศาลให้สั่งคืนของกลางแก่ตนได้
of 77