พบผลลัพธ์ทั้งหมด 609 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรมโดยคำนึงถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ แล้ว จำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมฯ มาตรา 5 แล้ว การที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม ฯ เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าหน้าที่พิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรม ต้องคำนึงถึงกฎหมายโรงแรมควบคู่กฎหมายควบคุมอาคาร
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 แล้วจำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 มาตรา 5 แล้วการที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตาม มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบของฟ้องอาญา: การบรรยายองค์ประกอบความผิดฐานประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม2524 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ม. 20-1034 วิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อสินจ้างประจำทางสายเวียงป่าเป้า-ดอยนางแก้ว อันเป็นการประกอบการขนส่งประจำทางโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ฯลฯ' นั้น เป็นการบรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ฯมาตรา 23 แล้วจึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบของฟ้องอาญา: การบรรยายองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก และการรับสารภาพของจำเลย
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า "เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2524 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ม. 20-1034 วิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อสินจ้างประจำทางสายเวียงป่าเป้า - ดอยนางแก้ว อันเป็นการประกอบการขนส่งประจำทางโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ฯลฯ" นั้น เป็นการบรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ฯ มาตรา 23 แล้วจึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร การขับรถในช่องทางที่ผิดตามกฎหมายจราจร
ถนนพระราม 4 ระหว่างสี่แยกศาลาแดงกับสี่แยกวิทยุมีเกาะแบ่งทางเดินรถกลางถนน มีช่องเดินรถข้างละ 4 ช่องทางและในแต่ละข้างมีเกาะแบ่งช่องเดินรถออกอีกเป็นข้างละ 2 ช่องทาง สำหรับ 2 ช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดได้จัดให้เฉพาะรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในเวลาบังคับแต่นอกเวลาบังคับแล้วรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกอื่น ๆ ต้องวิ่งในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ไม่มีเวลาบังคับ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน โดยจำเลยขับรถดังกล่าวในช่องทางเดินรถด้านขวามือ คือในช่องทางที่ 3จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร ตามมาตรา 35 พ.ร.บ.จราจรทางบก
ถนนพระราม 4 ระหว่างสี่แยกศาลาแดงกับสี่แยกวิทยุมีเกาะแบ่งทางเดินรถกลางถนน มีช่องเดินรถข้างละ 4 ช่องทาง และในแต่ละข้างมีเกาะแบ่งช่องเดินรถออกอีกเป็นข้างละ 2 ช่องทาง สำหรับ 2 ช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดได้จัดให้เฉพาะรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในเวลาบังคับแต่นอกเวลาบังคับแล้วรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกอื่น ๆ ต้องวิ่งในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ไม่มีเวลาบังคับ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน โดยจำเลยขับรถดังกล่าวในช่องทางเดินรถด้านขวามือ คือในช่องทางที่ 3 จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาให้ผู้อื่นเป็นตัวแทน แม้ไม่ได้ทำตามรูปแบบกฎหมาย ก็ผูกพันตามกฎหมาย
การตั้งตัวแทนที่กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798นั้น เป็นกรณีที่บุคคลกระทำการตั้งตัวแทนโดยมีการตกลงกันระหว่างตัวการและตัวแทน ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 นั้น เป็นกรณีที่มิได้มีการตกลงกันตั้งตัวแทน แต่เป็นการที่บุคคลคนหนึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริต ให้เขาหลงเชื่อว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน กฎหมายจึงบัญญัติให้บุคคลซึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริต เสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน
โจทก์แสดงออกหรือยอมให้ ส. แสดงออกว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ และ ส. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรง โจทก์จึงต้องรับเอาผลของการที่ ส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 มาเป็นของตน จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่ มูลหนี้ของโจทก์อันเกิดจากการละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นอันระงับไป
โจทก์แสดงออกหรือยอมให้ ส. แสดงออกว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ และ ส. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรง โจทก์จึงต้องรับเอาผลของการที่ ส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 มาเป็นของตน จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่ มูลหนี้ของโจทก์อันเกิดจากการละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นอันระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาให้ผู้อื่นทำสัญญาประนีประนอมยอมความ มีผลผูกพันเสมือนการตั้งตัวแทน
การตั้งตัวแทนที่กฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น เป็นกรณีที่บุคคลกระทำการตั้งตัวแทนโดยมีการตกลงกันระหว่างตัวการและตัวแทน ส่วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 นั้น เป็นกรณีที่มิได้มีการตกลงกันตั้งตัวแทน แต่เป็นการที่บุคคลคนหนึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริต ให้เขาหลงเชื่อว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน กฎหมายจึงบัญญัติให้บุคคลซึ่งแสดงออกหรือยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งแสดงออกต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริต เสมือนว่าบุคคลอีกคนหนึ่งนั้นเป็นตัวแทนของตน
โจทก์แสดงออกหรือยอมให้ ส. แสดงออกว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ และ ส. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรง โจทก์จึงต้องรับเอาผลของการที่ ส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 มาเป็นของตน จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่ มูลหนี้ของโจทก์อันเกิดจากการละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นอันระงับไป
โจทก์แสดงออกหรือยอมให้ ส. แสดงออกว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ และ ส. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้โดยตรง โจทก์จึงต้องรับเอาผลของการที่ ส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 2 มาเป็นของตน จะอ้างว่าการตั้งตัวแทนไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หาได้ไม่ มูลหนี้ของโจทก์อันเกิดจากการละเมิดที่โจทก์นำมาฟ้องจึงเป็นอันระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้: ลงโทษจำคุกอย่างเดียวได้
ความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ที่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกและปรับด้วยนั้น ถ้าหากศาลเห็นสมควรก็อาจใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกแต่เพียงสถานเดียวโดยไม่ลงโทษปรับด้วยก็ได้ ตามนัยที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2602/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: โจทก์ต้องระบุเหตุมีสิทธิฟ้องคดีแม้เกินหนึ่งปีนับจากวันที่รู้ตัวผู้กระทำละเมิด
เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องถึงวันที่ทำการละเมิดและรู้ตัวว่าจำเลยเป็นผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องคดีเสียภายในหนึ่งปีนับแต่นั้น โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินหนึ่งปี โจทก์ก็จะต้องบรรยายในฟ้องให้เห็นว่าเหตุใดโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเมื่อเกินหนึ่งปีได้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายเหตุที่โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้ และเมื่อจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ศาลก็ต้องฟังว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ