คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิศิษฏ์ เทศะบำรุง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 609 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันทำสัญญาประกันภัย: ศาลอนุญาตเพิ่มพยานได้หากสมเหตุผลและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
เดิมคู่ฉบับกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์อ้างส่งศาลไว้ได้ระบุวันทำสัญญาประกันภัยเป็นวันที่ 30 เมษายน 2522 และระบุวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 16 เมษายน 2522 แต่ระบุระยะเวลามีผลบังคับเริ่มต้นวันที่ 30 ธันวาคม 2520 สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2521 เห็นได้ว่ามีการพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยในคู่ฉบับผิดพลาดไปโดยมีผลย้อนหลัง การที่โจทก์ขออ้างต้นฉบับ ซึ่งระบุวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 30 ธันวาคม 2520เป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนได้สืบพยานเสร็จแล้วนั้นก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงวันทำสัญญาประกันภัย และวันทำกรมธรรม์ประกันภัยที่ถูกต้องเท่านั้น ส่วนระยะเวลามีผลบังคับและวันสิ้นสุดรวมทั้งชื่อผู้เอาประกันภัยคงระบุไว้ตรงกัน ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่ามีเหตุอันสมควร เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ก็ย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขวันทำสัญญาประกันภัยในเอกสาร ศาลอนุญาตให้เพิ่มพยานได้หากมีเหตุสมควรและไม่ทำให้คู่ความเสียเปรียบ
เดิมคู่ฉบับกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์อ้างส่งศาลไว้ได้ระบุวันทำสัญญาประกันภัยเป็นวันที่ 30 เมษายน 2522 และระบุวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 16 เมษายน 2522 แต่ระบุระยะเวลามีผลบังคับเริ่มต้นวันที่ 30 ธันวาคม 2520 สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2521 เห็นได้ว่ามีการพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยในคู่ฉบับผิดพลาดไปโดยมีผลย้อนหลัง การที่โจทก์ขออ้างต้นฉบับ ซึ่งระบุวันทำสัญญาประกันภัยและวันทำกรมธรรม์ประกันภัยเป็นวันที่ 30 ธันวาคม 2520 เป็นพยานเพิ่มเติมหลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนได้สืบพยานเสร็จแล้วนั้นก็ เพื่อแสดงให้เห็นถึงวันทำสัญญาประกันภัย และวันทำกรมธรรม์ประกันภัยที่ถูกต้องเท่านั้น หลังจากโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนได้สืบพยานเสร็จแล้ว ส่วนระยะเวลามีผลบังคับและวันสิ้นสุดรวมทั้งชื่อผู้เอาประกันภัยคงระบุไว้ตรงกัน ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อศาลเห็นว่ามีเหตุอันสมควร เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม ก็ย่อมมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และเขตที่ดิน: ศาลต้องวินิจฉัยการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์จริง การไม่รับรองแนวเขตย่อมไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่มีเขตติดต่อกันจำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขตโดยมิชอบ จำเลยให้การว่าสามีจำเลยซื้อที่ดินมาจากบุคคลภายนอก ด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์มีรั้วพู่ระหงตลอดแนว สามีจำเลยและจำเลยได้ครอบครองที่ดินตามแนวรั้วต้นพู่ระหงอย่างสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปี แล้ว จำเลยเห็นว่าโจทก์ชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินที่จำเลยครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้วจึงไม่ยอมรับรองดังนี้ คำให้การของจำเลยมิได้ยืนยันว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยแต่อ้างว่าได้ครอบครองที่ดินถึงแนวรั้วต้นพู่ระหงจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นไว้แต่เพียงว่าจำเลยขัดขวางไม่ยอมรับรองเขตที่ดินของโจทก์โดยมิชอบหรือไม่ แต่การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก็ต้องวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยรับฟังได้หรือไม่ หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองจริง การที่จำเลยไม่รับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ซึ่งรังวัดรวมเอาที่พิพาทไว้ด้วยจะถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยมิชอบหาได้ไม่ จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่ดินตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการขัดขวางการรังวัดเขตที่ดิน: ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นการได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองก่อน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่มีเขตติดต่อกันจำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขตโดยมิชอบ จำเลยให้การว่าสามีจำเลยซื้อที่ดินมาจากบุคคลภายนอกด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์มีรั้วพู่ระหงตลอดแนวสามีจำเลยและจำเลยได้ครอบครองที่ดินตามแนวรั้วต้นพู่ระหงอย่างสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยเห็นว่าโจทก์ชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินที่จำเลยครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้วจึงไม่ยอมรับรองดังนี้ คำให้การของจำเลยมิได้ยืนยันว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยแต่อ้างว่าได้ครอบครองที่ดินถึงแนวรั้วต้นพู่ระหงจนได้กรรมสิทธิ์แล้วแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นไว้แต่เพียงว่าจำเลยขัดขวางไม่ยอมรับรองเขตที่ดินของโจทก์โดยมิชอบหรือไม่แต่การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก็ต้องวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยรับฟังได้หรือไม่หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองจริงการที่จำเลยไม่รับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ซึ่งรังวัดรวมเอาที่พิพาทไว้ด้วยจะถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยมิชอบหาได้ไม่ จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่ดินตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้: โอนที่ดินก่อนชำระค่าเสียหาย - มิใช่สิทธิเลือก
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ก่อนถ้าไม่สามารถโอนจึงให้ใช้ค่าเสียหายแทนนั้น การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับเพราะมิใช่กรณีให้สิทธิเลือกชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อการโอนที่ดินยังอาจปฏิบัติได้จำเลยจึงจะขอชดใช้ค่าเสียหายแทนโดยโจทก์มิได้ยินยอมหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้: โอนที่ดินก่อนชดใช้ค่าเสียหาย - มิใช่สิทธิเลือก
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ก่อน ถ้าไม่สามารถโอนจึงให้ใช้ค่าเสียหายแทนนั้น การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับ เพราะมิใช่กรณีให้สิทธิเลือกชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อการโอนที่ดินยังอาจปฏิบัติได้ จำเลยจึงจะขอชดใช้ค่าเสียหายแทนโดยโจทก์มิได้ยินยอมหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อหลังเช็คของผู้ถือ ถือเป็นการอาวัลจำเลยที่ 1 ผู้ทรงมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ลงลายมือชื่อ
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมเป็นการสลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสลักหลังเช็คเพื่อค้ำประกัน (อาวัล) และสิทธิของผู้ทรงเช็คในฐานะหัวหน้าวงแชร์
จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือย่อมเป็นการสลักหลังเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921, 989 จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดต่อผู้ทรงอย่างเดียวกับผู้สั่งจ่าย
โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นหัวหน้าวงแชร์ใช้เงินตามเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ แทนลูกวงแชร์และได้รับเช็คคืนมาไว้ในครอบครอง โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองและการบังคับคดีกับบุคคลภายนอกคดี: การบอกกล่าวบังคับจำนองก่อนยึดทรัพย์
จำเลยซึ่งเป็นทายาทของ ส. ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาที่ ส. กู้เงินโจทก์ไป โจทก์จึงนำยึดที่ดินพิพาท ซึ่ง ส. จำนองไว้แก่โจทก์เพื่อบังคับคดี แต่ปรากฏว่าก่อนโจทก์นำยึด ส. ได้ขายที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องไปแล้ว ดังนี้ ถ้าโจทก์ประสงค์จะยึดที่ดินพิพาทก็ชอบที่จะบอกกล่าวบังคับจำนองเอาแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนก่อนต่อเมื่อผู้ร้องไม่ไถ่ถอนและศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์จึงจะมีสิทธิยึดที่ดินพิพาทขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามสัญญาจำนองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับจำนองกับบุคคลภายนอกคดี: ผู้รับโอนทรัพย์มีสิทธิเหนือเจ้าหนี้จำนอง
ส. ได้ขายฝากที่ดิน น.ส. 3 ซึ่งจำนองไว้กับโจทก์ให้กับผู้ร้อง และมิได้ไถ่คืนในกำหนด ที่ดินจึงเป็นของผู้ร้อง เมื่อ ส.ตายโจทก์ฟ้องทายาทส. ให้ชำระหนี้และบังคับจำนอง โดยมิได้ฟ้องผู้ร้องเป็น จำเลยด้วยตาม ป.พ.พ. ม.735 ดังนี้ เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ ลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยึดที่ดิน ดังกล่าว
of 61