พบผลลัพธ์ทั้งหมด 609 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุมและมีสินค้าเกินปริมาณที่กำหนด ผู้กระทำผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุม.ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522เป็นเรื่องมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 24 (14)จำเลยมีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมไว้เกินกำหนด จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 30, 45 ด้วยแต่เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดโดยไม่ขออนุญาตตามมาตรา 24 (14), 43
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3531/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกักตุนสินค้าควบคุม: จำเลยมีสินค้าเกินปริมาณที่ประกาศและไม่ขออนุญาต
ความผิดฐานกักตุนสินค้าควบคุม.ตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด พ.ศ.2522เป็นเรื่องมีสินค้าควบคุมไว้ในความครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตามมาตรา 24(14)จำเลยมีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมไว้เกินกำหนด จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 30,45 ด้วยแต่เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกินปริมาณที่กำหนดโดยไม่ขออนุญาตตามมาตรา 24(14),43
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลต้องส่งเอง โจทก์ไม่ต้องส่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรงจะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่ และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง: ศาลต้องส่งเอง โจทก์ไม่ต้องส่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรงจะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่ และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันนัด ศาลพิจารณาให้พิจารณาคดีใหม่ได้
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2523เวลา 9.00 น. เสมียนทนายจำเลยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ และในวันนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9.00 น. ปรากฏว่าทนายจำเลย มาศาลชั้นต้นแห่งเดียวกันเพื่อว่าความในคดีเรื่องอื่นหากทนายจำเลยซึ่งรู้ตระหนักถึงความสำคัญของผลคดีที่ขาดนัดพิจารณาทราบว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานในคดีนี้เวลา9.00 น. แล้ว จะต้องปลีกเวลาไปแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบถึงการติดว่าความในคดีอื่น หรือมิฉะนั้นก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีนี้ จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าทนายจำเลยทราบเวลานัดสืบพยานโจทก์คลาดเคลื่อนจากเวลา 9.00น. เป็นเวลา 13.30 น. จริงถือว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาและมีเหตุอันสมควรให้พิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3455/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุอันสมควรจากการเข้าใจผิดเรื่องวันเวลานัด สืบเนื่องจากทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่น
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2523 เวลา 9.00 น. เสมียนทนายจำเลยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ และในวันนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9.00 น. ปรากฏว่าทนายจำเลย มาศาลชั้นต้นแห่งเดียวกันเพื่อว่าความในคดีเรื่องอื่นหากทนายจำเลยซึ่งรู้ตระหนักถึงความสำคัญของผลคดีที่ขาดนัดพิจารณาทราบว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานในคดีนี้เวลา 9.00 น. แล้ว จะต้องปลีกเวลาไปแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบถึงการติดว่าความในคดีอื่นหรือมิฉะนั้นก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีนี้ จึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าทนายจำเลยทราบเวลานัดสืบพยานโจทก์คลาดเคลื่อนจากเวลา 9.00น. เป็นเวลา 13.30 น. จริงถือว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาและมีเหตุอันสมควรให้พิจารณาคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3327/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรถยนต์: กรณีภริยาเป็นเจ้าของ แต่สามีครอบครองและใช้สอย
โจทก์ฟ้องว่าเป็นเจ้าของรถยนต์ แต่นำสืบว่ารถยนต์พิพาทเป็นของภริยาโจทก์ตามทะเบียนรถยนต์ ซึ่งย่อมเป็นกรรมสิทธิ์รวมของสามีภริยาตามกฎหมาย แต่แม้จะเป็นสินส่วนตัวของภริยา โจทก์ก็เป็นผู้ครอบครองและใช้สอยรถยนต์พิพาท จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ที่ทำละเมิดต่อโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดวงเงินต่อคน/ครั้ง และการพิจารณาความเสียหายรวม
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย: การจำกัดความรับผิดต่อจำนวนผู้เสียหาย และการพิจารณาใบอนุญาตขับขี่
โจทก์ฟ้องบริษัทประกันภัยจำเลยที่ 4 ให้รับผิดตามสัญญากรมธรรม์ประกันภัยไม่ได้ฟ้องในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่1 ฉะนั้นที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีโดยตรงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 จำเลย ที่ 4 จะยกขึ้นเป็นประเด็นต่อสู้แทนจำเลยที่ 3 หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีใบอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งที่หมดอายุการอนุญาต จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งหาได้ไม่เพราะว่าเพียงแต่จำเลยที่ 1 ขาดต่อใบอนุญาตยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตหรือเคยได้รับใบอนุญาตแต่ถูกตัดสิทธิตามกฎหมาย
ข้อความในสัญญากรมธรรม์ประกันภัยมีว่า จำเลยที่ 4 จำกัดความรับผิดไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งคน ไม่เกิน 50,000 บาทต่อหนึ่งครั้งนั้น ต้องหมายความว่าแม้มีผู้เสียหายหลายคนในครั้งเดียวกัน ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 4 ต้องจ่ายก็คงไม่เกินวงเงิน 50,000 บาท ผู้มีสิทธิได้รับค่าเสียหายก็ต้องแบ่งเฉลี่ยกันตามส่วนของความเสียหายที่ได้รับนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2976/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโกงเจ้าหนี้ต้องแสดงเจตนาให้ชัดเจนว่าจำเลยทราบว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิทางศาล
บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 เนื่องจากจำเลยไม่ชำระหนี้และได้ยักย้ายถ่ายเทเอาทรัพย์อันเป็นหลักประกันไปเสีย แม้จะมีข้อความว่าเพื่อมิให้โจทก์จะได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้ได้ก็ตาม แต่เมื่อมิได้บรรยายว่า จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าว ฟ้องของโจทก์ย่อมขาดองค์ประกอบแห่งความผิด ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)