คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิศิษฏ์ เทศะบำรุง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 609 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตควรมีความผิดตามฟ้อง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1959/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: คดีความมั่นคงคอมมิวนิสต์อยู่ภายใต้อำนาจศาลทหาร ไม่ใช่ศาลพลเรือน
คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2519ให้คดีข้อหากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ไม่ว่าจะมีข้อหาความผิดอื่นด้วยหรือไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งตามคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 14 หมายความถึงศาลทหารในเวลาไม่ปกติตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 จะฟ้องต่อศาลพลเรือนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยทบต้นหลังสัญญาหมดอายุ: สิทธิของธนาคารจะสิ้นสุดลงเมื่อจำเลยไม่ได้เบิกเงินหรือนำเงินฝากเพิ่มเติม
บรรยายฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโจทก์ในวงเงิน 150,000 บาท โดยจำเลยยอมให้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จะชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน เดือนใดค้างชำระยอมให้โจทก์ทบต้นเข้ากับจำนวนเงินกู้ที่ค้างชำระแล้วคิดดอกเบี้ยในเดือนต่อไปได้ตามสัญญา เมื่อพ้นกำหนดชำระเงินต้นในวันที่ 5 มีนาคม 2520 จำเลยไม่ยอมชำระต้นเงินและดอกเบี้ย โจทก์ได้คิดดอกเบี้ยทบต้นถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2521 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยได้รับคำบอกกล่าวให้ชำระหนี้และบังคับจำนองรวมเป็นเงิน 210,189.07 บาท และเมื่อคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีตามสัญญาโดยไม่ทบต้นนับแต่วันที่จำเลยได้รับคำบอกกล่าวให้ชำระหนี้ถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 232,189.69 บาท จึงขอให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าวจำเลยให้การปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ค้างชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินตามฟ้องต่อโจทก์ ดังนี้แสดงว่าจำเลยเข้าใจในข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวนั้นแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
หลังจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยทำไว้กับธนาคารโจทก์ได้สิ้นสุดลง จำเลยไม่ได้นำเงินเข้าฝากหรือเบิกเงินจากธนาคารโจทก์ สิทธิของธนาคารโจทก์ในอันที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำนวนเงินที่ค้างชำระตามธรรมเนียมประเพณีของธนาคารจึงเป็นอันสิ้นสุดลง ธนาคารโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าธรรมเนียมอุทธรณ์หลังกำหนดเวลา ศาลไม่รับฟ้องอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยหากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 15 วัน จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ และขอให้ศาลสั่งรอการนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระจนกว่าจะได้ไต่สวนคำร้องใหม่แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และกำหนดเวลาให้นำค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วัน จำเลยอุทธรณ์ฎีกาต่อมา ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน ดังนี้ เป็นการพิพากษายืนที่ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ให้พิจารณาคำขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่เท่านั้นมิใช่เห็นพ้องหรือเห็นชอบตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดเวลาให้วางเงินค่าธรรมเนียม เพราะกำหนดเวลาให้ชำระเงินค่าธรรมเนียมเป็นอำนาจทั่วไปของศาลแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาพิพากษาโดยมิได้กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้ใหม่ การที่จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระเมื่อพ้นเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ย่อมถือว่ามิได้ยื่นอุทธรณ์ให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในกำหนดเวลา ไม่เป็นอุทธรณ์ที่จะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นผู้กู้ร่วม และการนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์สถานะในสัญญา
จำเลยที่ 2 ให้การว่าไม่เคยกู้เงินโจทก์ เซ็นชื่อในหนังสือสัญญากู้ในฐานะเป็นภริยาของจำเลยที่ 1 เท่านั้น คำให้การดังกล่าวเท่ากับปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ในฐานะเป็นผู้กู้ร่วม กับจำเลยที่ 1 คดีจึงมีประเด็นตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่ศาล จะต้องพิจารณาให้ได้ความต่อไป ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานเป็นการไม่ถูกต้อง
เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้แน่ชัดว่า จำเลยที่ 2 ลงชื่อในเอกสารสัญญากู้ ในฐานะเป็นผู้กู้ร่วมกับจำเลยที่1 หรือลงชื่อในฐานะเป็นภริยาผู้ให้ความยินยอม การนำสืบในประเด็นตามข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ นำสืบพยานบุคคลแทนพยานเอกสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานสำคัญแม้ไม่เป็นไปตามรูปแบบ หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
แม้โจทก์จะระบุพยานฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตรา87(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี คือตัวโจทก์กับสัญญาเช่า ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1590/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำ: คำพิพากษายกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่ชัดเจน ไม่ถือเป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยเห็นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดในอนาคต ไม่พอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ไม่ได้ยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุต่างๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ในคดีก่อนจึงยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้อง โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ใหม่ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็ก: การล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่สำเร็จความใคร่
ผู้เสียหายอายุ 5 ขวบเศษ จำเลยได้พูดขู่บังคับผู้เสียหายให้ถอดกางเกงออกและจำเลยได้เอาอวัยวะเพศของจำเลยใส่ที่อวัยวะเพศผู้เสียหายแล้วกระทำยิกๆ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่ของลับ จะร้องให้คนช่วย จำเลยได้ใช้ผ้าปิดปากไว้ ไม่ปรากฏว่าอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอื่นแทนเงิน: การนำสืบและข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บัญญัติห้ามการนำสืบเฉพาะกรณีการใช้เงิน ไม่ห้ามการนำสืบกรณีใช้ทรัพย์สินอย่างอื่นชำระหนี้แทนเงิน มาตรา 321 จึงบัญญัติว่าถ้าเจ้าหนี้ยอมชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไป และมาตรา 656 วรรคสองก็บัญญัติถึงการที่ผู้ให้กู้ยืมยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมไว้ด้วย จำเลยจึงนำสืบว่าได้เอาที่ดินตีใช้หนี้เงินที่กู้โจทก์ไปแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องหย่าเนื่องจากภริยาออกจากบ้านโดยไม่กลับ และแจ้งให้จัดการเรื่องหย่า ถือเป็นการละทิ้งร้างเกินกว่าหนึ่งปี
ภริยาออกจากบ้านที่อยู่กินกับสามีไปอยู่ที่อื่น ไม่กลับตามคำขอร้องของสามี และบอกให้สามีจัดการเรื่องหย่า ภริยาจงใจละทิ้งร้างไปเกิน 1 ปีสามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4)
of 61