พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3193/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์เกินความจำเป็นในการบังคับคดี การพิจารณาความเหมาะสมระหว่างราคาทรัพย์สินที่ยึดกับจำนวนหนี้
โจทก์เคยบริหารกิจการของจำเลยมานับแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทจำเลย ย่อมทราบว่าจำเลยมีเครื่องจักรขนาดใหญ่อยู่หลายเครื่องรวมทั้งราคาของเครื่องจักรดังกล่าวด้วยโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยเพียงไม่กี่แสนบาท จึงน่าจะมุ่งยึดเครื่องจักรที่มีราคาใกล้เคียงกับจำนวนหนี้ ประกอบกับจำเลยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับหนี้จำนองที่จำเลยมีต่อธนาคารอื่นทั้ง ก. ซึ่งมีที่ดินที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์หลายแปลงก็เต็มใจให้โจทก์นำไปหักชำระหนี้ได้โดยที่โจทก์ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ อีกด้วย จึงเห็นได้ว่า โจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดี อันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 284 วรรคหนึ่ง และโจทก์ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณียึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามมาตรา 284 วรรคสอง โดยคิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่ยึดแต่ไม่เกินจำนวนหนี้ที่จะต้องรับผิดในการบังคับคดีของจำเลยตามตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9593/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินเกินความจำเป็น ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ชำระเฉพาะส่วนของหนี้
แม้จำเลยที่ 1 จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19767 โดยอ้างว่าโจทก์นำยึดเกินความจำเป็นแก่การบังคับคดี และโจทก์ยื่นคำคัดค้านไว้แต่ขณะคดีอยู่ระหว่างไต่สวน จำเลยที่ 1 ได้ถอนคำร้องฉบับดังกล่าว คดีจึงไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัยว่าโจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 เกินความจำเป็นแก่การบังคับคดีหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงและมีคำสั่งให้โจทก์ต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 3 ครึ่ง ของราคาทรัพย์สินทั้งหมดที่ยึด ทั้งที่จำเลยที่ 1 ถอนคำร้องไปแล้วจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา โจทก์คงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 3 ครึ่ง จากราคาทรัพย์สินที่ยึด แต่ไม่เกินจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดในการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ฝ่ายแพ้คดีต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมเมื่อยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ คดีถึงที่สุด จำเลยทั้งสองจึงเป็นฝ่ายแพ้คดี ต้องรับผิดชำระค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 วรรคแรกและวรรคสอง ทั้งการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ก็เพราะจำเลยทั้งสองไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นับว่าเป็นความผิดของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี จำเลยทั้งสองจึงมีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5(3) ท้าย ป.วิ.พ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเหนือกว่าการยึดชั่วคราว การเสียค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ซ้ำซ้อน
โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นยึดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาแล้วต่อมาศาลแพ่งได้ยึดที่ดินแปลงดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ในคดีของศาลแพ่งและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามหมายบังคับคดีของศาลแพ่งนั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ในคดีของศาลแพ่งใช้สิทธิที่เหนือกว่าในฐานเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงดังกล่าวไปก่อนและถือได้ว่าการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ชั่วคราวตามคำขอของโจทก์เป็นอันยกเลิกไปในตัวเพราะเป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ที่ดินแปลงนั้นต่อไปได้ทั้งโจทก์ในคดีของศาลแพ่งก็ย่อมต้องเสียค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่แล้วโจทก์คดีนี้จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายสำหรับที่ดินแปลงเดียวกันนี้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์ แม้ไม่มีการขายทอดตลาด
ค่าธรรมเนียมการยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย เป็นค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5(3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคแรกบัญญัติว่าความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี และวรรคสอง บัญญัติว่าค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีด้วย คดีนี้แม้โจทก์เป็นฝ่ายร้องขอยึดทรัพย์ของจำเลยชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งเป็นการยึดทรัพย์สินที่ไม่ใช่ตัวเงินแล้ว.ไม่มีการขายหรือจำหน่าย โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมการบังคับคดีในเบื้องแรกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 และเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้ว โจทก์ละเลยมิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ทำให้ผลของคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นอันยกเลิก ไม่มีผลใช้บังคับต่อไปก็ตามแต่ต่อมาเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์ชนะคดีและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดีจึงต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ค่าธรรมเนียมถอนอายัดเป็นพับ ผู้รับประโยชน์ต้องชำระ
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อหน้าศาลว่าจำเลยยินยอมชำระเงินจำนวนหนึ่งพร้อมค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยให้โจทก์รับเงินของจำเลยที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลได้ทันทีค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย ต่อมาโจทก์อ้างว่าในการรับเงินที่บุคคลภายนอกส่งมาวางศาลนั้นโจทก์ได้รับไม่เต็มจำนวน เนื่องจากต้องหักค่าธรรมเนียมถอนการอายัด ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินส่วนที่ขาดแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ ย่อมหมายความว่าค่าธรรมเนียมส่วนนี้เป็นพับด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระแทน อนึ่ง โจทก์เป็นผู้ดำเนินการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่ศาลสั่งอายัดไว้ให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีหน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมส่วนนี้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่702/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3339/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินซ้ำ: การยึดซ้ำที่ถูกห้าม และค่าธรรมเนียมการยึดที่ไม่สามารถเรียกเก็บได้
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินใดไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นแล้ว การที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินดังกล่าวซ้ำอีกและเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ทำการยึดให้ ย่อมเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ไม่มีผลเป็นการยึด เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวได้ขายทอดตลาดไปในคดีอื่นแล้วการยึดซ้ำดังกล่าวถือไม่ได้ว่ามีกรณียึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายอันจะต้องเรียกค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดีและการถอนการยึดทรัพย์: คิดจากราคาจริงของทรัพย์สิน ผู้ค้ำประกันต้องชำระครบถ้วน
ตามตาราง 5 ข้อ 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเมื่อยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินและไม่มีการขายหรือจำหน่าย ให้คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 3 ครึ่ง ของราคาทรัพย์ที่ยึด จึงต้องคิดค่าธรรมเนียมตามราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึด แม้ทรัพย์นั้นจะติดจำนองอยู่ ก็จะเอาหนี้จำนองมาหักราคาที่แท้จริงของทรัพย์ที่ยึดแล้วตีราคาตามยอดเงินที่เหลือจากเอาหนี้จำนองหักออกแล้วหาได้ไม่
เมื่อผู้ค้ำประกันขอวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์เพื่อขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีให้ครบถ้วนด้วย ศาลจึงจะสั่งถอนการยึดได้(ปัญหาแรก ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2509)
เมื่อผู้ค้ำประกันขอวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์เพื่อขอให้ศาลสั่งถอนการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องชำระค่าธรรมเนียมในการบังคับคดีให้ครบถ้วนด้วย ศาลจึงจะสั่งถอนการยึดได้(ปัญหาแรก ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2509)