พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3763/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีลหุโทษ: พนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องได้ แม้ผู้แจ้งความมิใช่ผู้เสียหายโดยตรง
คดีความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368, 386 มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3763/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีลหุโทษ: แม้ผู้แจ้งความไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง พนักงานอัยการก็มีอำนาจฟ้องได้
คดีความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368,386มิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัว เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้ว พนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120ผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ดำเนินคดีนี้จะเป็นผู้ใดหามีความสำคัญไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3614/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลายกรรม แม้การกระทำครั้งเดียว หากมีเจตนาให้เกิดผลหลายกรรม ถือเป็นความผิดหลายกระทง
การกระทำครั้งเดียวถ้าหากผู้กระทำมีเจตนาจะให้เกิดผลเป็นหลายกรรมก็ย่อมถือเป็นความผิดหลายกรรมได้ จำเลยมีเจตนาใช้รถผิดประเภทตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 128 กรรมหนึ่ง และมีเจตนากระทำความผิดฐานแย่งผลประโยชน์กับบริษัท ข. ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางอนุญาตตามมาตรา 138 อีกกรรมหนึ่งซึ่งแตกต่างกันในลักษณะของความผิดอย่างเห็นได้ชัดจำเลย จึงมีความผิดเป็น 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3056/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความที่เป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหา ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้
คำเบิกความของ ต. พยานโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยเคยมาขอร้องให้ ต. เป็นพยานให้และช่วยปกปิดไว้เป็นความลับนั้น ปรากฏจากคำเบิกความของ ต. เองว่า ต. ถูกกำนัน ก. เรียกตัวไปสอบถามว่าเป็นคนฆ่า ป. หรือไม่ ต. ปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า กำนัน ก. เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ ต.ดูแล้วพูดว่าถ้าไม่รับจะส่งตัวไปอำเภอ ต. จึงเล่าเรื่องให้ฟังและบอกแก่สารวัตรใหญ่ในวันรุ่งขึ้นว่าจำเลยเป็นคนฆ่าป.คำเบิกความของ ต. ดังกล่าวแล้วจึงมีลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาในคดี ไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเบี้ยปรับสัญญา, การลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน, หลักเกณฑ์การพิจารณาค่าเสียหายทางจิตใจ
การฟ้องเรียกเบี้ยปรับในกรณีกระทำหรืองดเว้นกระทำการอันหนึ่งอันใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคสองนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องถือกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
การวินิจฉัยว่าเบี้ยปรับสมควรเพียงใดนั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงส่วนได้เสียในทางเกียรติชื่อเสียงและความผิดหวังในทางจิตใจด้วย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้น
การวินิจฉัยว่าเบี้ยปรับสมควรเพียงใดนั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงส่วนได้เสียในทางเกียรติชื่อเสียงและความผิดหวังในทางจิตใจด้วย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3001/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความเบี้ยปรับสัญญา และการลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน โดยคำนึงถึงความเสียหายทางจิตใจ
การฟ้องเรียกเบี้ยปรับในกรณีกระทำหรืองดเว้นกระทำการอันหนึ่งอันใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383วรรคสองนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องถือกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 การวินิจฉัยว่าเบี้ยปรับสมควรเพียงใดนั้น จะต้องพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงส่วนได้เสียในทางเกียรติชื่อเสียงและความผิดหวังในทางจิตใจด้วย ไม่ใช่แต่เพียงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทซื้อขายหุ้น: การที่โจทก์ไม่ได้พิสูจน์การจัดการซื้อหุ้นและออกเงินทดรอง ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยและออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้นแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ตกเป็นโมฆะ ก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2871/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายหุ้น: ข้อพิพาทเรื่องการจัดการซื้อหุ้นและการรับผิดชอบหนี้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้จัดการซื้อหุ้นให้จำเลยและออกเงินทดรองแทนจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้นแม้จะวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า นิติกรรมระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ตกเป็นโมฆะก็ไม่ทำให้โจทก์ชนะคดีได้ ฎีกาของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: การต่อสู้ป้องกันตัวจากกลุ่มผู้บุกรุกทำร้ายร่างกาย
การที่ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยทำร้ายร่างกายน้องเขยจำเลยจนสลบและจะรุมทำร้ายจำเลยอีกจำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการรุมทำร้ายของผู้ตายกับพวก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่
ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใดตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่
ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใดตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนจากการถูกทำร้ายและรุมทำร้าย ศาลฎีกาพิจารณาถึงเหตุการณ์ชุลมุนและความได้สัดส่วนในการใช้กำลัง
การที่ผู้ตายกับพวกบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลยทำร้ายร่างกายน้องเขยจำเลยจนสลบและจะรุมทำร้ายจำเลยอีกจำเลยย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกที่ใกล้จะถึง การที่จำเลยใช้มีดดาบแทงผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะที่จำเลยต่อสู้เพื่อให้พ้นจากการรุมทำร้ายของผู้ตายกับพวก จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทั้งกำลังชุลมุนต่อสู้กัน ฝ่ายจำเลยมีเพียงคนเดียว ส่วนผู้ตายกับพวกมีอยู่ถึงสามคน ไม่ปรากฏว่าขณะนั้นพวกผู้ตายคนใดอยู่ในลักษณะอย่างใด ตามรายงานการตรวจศพได้ความว่าผู้ตายถูกแทงเพียงทีเดียวดังนั้นการที่จำเลยแทงผู้ตายด้านหลังจึงรับฟังไม่ได้ว่า ภยันตรายจากการกระทำของผู้ตายกับพวกได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำเพื่อป้องกันตนของจำเลยยังไม่หมดไป