พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3024/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาเนื่องจากอาการผิดปกติทางจิตใจของผู้กระทำผิด
ตามประวัติอาการป่วยของจำเลยเคยมีอาการทางประสาทได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก่อนเกิดเหตุจำเลยเกิดความหวาดกลัวว่าจะพูกเพื่อนยิงจึงปิดประตูขังตัวเองอยู่ในห้องมา 4 วัน โดยอดอาหารและไม่ได้หลับนอนมาตลอด ขณะเกิดเหตุจำเลยเห็นภาพหลอนมีปากกระบอกปืนมาจ้องตามช่องไม้แตกมีเสียงดังเแช็ก ๆ จึงได้จุดไฟเผาสิ่งของในห้องให้บังเกิดควันตลบแล้วจำเลยกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง ข้อเท็จจริงเพียงแค่นี้แม้ยังไม่เป็นการชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ อันจะทำให้ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคแรกก็จริง แต่ก็แสดงว่าจำเลยมีอาการผิดปกติทางจิตใจหรือจิตบกพร่องอยู่บ้าง ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใกก็ได้ตามมาตรา 65 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาอำนาจศาลในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การ
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสองแต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2) เมื่อศาลสั่งรับคำให้การของจำเลยอื่นและจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่มีเหตุสมควรประการใดที่จะจำหน่ายคดีของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3002/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การ และการพิจารณาความสมควรในการจำหน่ายคดีเมื่อจำเลยอื่นยื่นคำให้การแล้ว
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง แต่การจะสมควรจำหน่ายหรือไม่ย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกชั้นหนึ่งตามมาตรา 132(2)
โจทก์ได้จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้องแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตมีหนังสือแจ้งมาว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นที่รับฟ้องมีคำสั่งว่า รอฟ้องโจทก์แถลง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการสังหมายและคำสั่งศาลในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
โจทก์ได้จัดการนำหมายเรียกสำเนาฟ้องเพื่อส่งให้จำเลยทั้งสี่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลชั้นต้นที่รับฟ้องแล้ว ต่อมาศาลชั้นต้นที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตมีหนังสือแจ้งมาว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นที่รับฟ้องมีคำสั่งว่า รอฟ้องโจทก์แถลง แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ทราบหนังสือรายงานผลการสังหมายและคำสั่งศาลในหนังสือฉบับนั้นเลย กรณีจึงยังไม่มีเหตุที่จะถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาจากการใช้รถผิดประเภท แม้ฟ้องผิดฐาน แต่หากข้อเท็จจริงฟังได้ถึงความผิดอื่น โจทก์ต้องบรรยายฟ้องฐานความผิดนั้นด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 23 แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรณีใช้รถผิดประเภทอันเป็นความผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และความผิดตามมาตรา 27 นี้โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงมาในฟ้องและมิได้อ้างบทมาตรามา ในคำขอท้ายฟ้องจึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึง ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2834/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้รถผิดประเภทในการขนส่งประจำทาง แม้โจทก์ฟ้องผิดฐาน ศาลต้องยกฟ้องตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 23 แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรณีใช้รถผิดประเภทอันเป็นความผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และความผิดตามมาตรา 27 นี้โจทก์มิได้บรรยายข้อเท็จจริงมาในฟ้องและมิได้อ้างบทมาตรามา ในคำขอท้ายฟ้องจึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึง ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2743/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นอายุความและการครอบครองปรปักษ์: ศาลฎีกาตัดสินเรื่องการยกอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
เมื่อในชั้นชี้สองสถานศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเรื่องคดีโจทก์ขาดอายุความไว้ และโจทก์ก็มิได้โต้แย้งคัดค้านนั้นปัญหาที่ว่าคำให้การจำเลยในเรื่องอายุความได้แสดงเหตุผลไว้โดยชัดแจ้งหรือไม่จึงไม่มีประเด็นในชั้นศาลอุทธรณ์ ทั้งปัญหานี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษายกอุทธรณ์จำเลยจึงไม่ชอบ คดียังคงมีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องอายุความ แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา
การที่จำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นได้ว่าจำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ
การที่จำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของมารดาจำเลยและจำเลยครอบครองแทนเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นได้ว่าจำเลยหรือมารดาจำเลยย่อมจะครอบครองปรปักษ์ในที่ดินของตนเองไม่ได้ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีและการแก้ไขฟ้องหลังวันสืบพยาน ศาลฎีกาวินิจฉัยไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือเป็นการไม่ชอบ
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพราะเหตุที่โจทก์ไม่มาศาล ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดี ดังนั้นแม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งจำหน่ายคดีโดยผิดพลาด และศาลสั่งยกคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิยื่นคำร้องใหม่ได้ ไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า 'เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร' เป็น 'เช็คสหธนาคารกรุงเทพจำกัดสาขาวัดไทร' เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า 'เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร' เป็น 'เช็คสหธนาคารกรุงเทพจำกัดสาขาวัดไทร' เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีและการแก้ไขฟ้อง: ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้ และแก้ฟ้องได้แม้หลังวันสืบพยาน
การที่ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุที่โจทก์ไม่มาศาล ไม่ใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดี ดังนั้นแม้โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งจำหน่ายคดีโดยผิดพลาด และศาลสั่งยกคำร้องไปครั้งหนึ่งแล้วก็ตามโจทก์ก็มีสิทธิยื่นคำร้องใหม่ได้ ไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า "เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็น "เช็คสหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
โจทก์ขอแก้ฟ้องจากคำว่า "เช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็น "เช็คสหธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาวัดไทร" เป็นการขอแก้ถ้อยคำที่พิมพ์ผิดพลาดตกหล่นไปเล็กน้อย ย่อมแก้ได้เสมอแม้หลังวันสืบพยาน ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2642/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นความไม่สมบูรณ์ของพินัยกรรมต้องยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลต้น หากไม่ยกขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แม้เป็นเรื่องความสงบเรียบร้อย
ปัญหาว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ข้อเท็จจริงที่จะ นำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ซึ่งจำเลยฎีกาว่าผู้ทำพินัยกรรม มิได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน และมิได้ลงชื่อกำกับ รอยขีดฆ่าตกเติม จำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ คงต่อสู้ เพียงว่า หากมารดาจำเลยลงชื่อในพินัยกรรมก็เกิดจากการฉ้อฉล ของโจทก์ ดังนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2579/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีใหม่ แม้ถูกฟ้องในคดีก่อน และคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด
การที่โจทก์ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีก่อนแล้วขาดนัดยื่นคำให้การ และคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นนั้น หาได้มีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์ยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ไม่ เพราะไม่ใช่เป็นกรณีฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)เนื่องจากโจทก์ในคดีนี้มิได้เป็นโจทก์ในคดีก่อน และมิใช่เป็นการฟ้องซ้ำตามมาตรา 148 เพราะคดีก่อนยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีก่อนว่า ที่พิพาทในคดีนี้เป็นมรดกของบิดามารดา และขอส่วนแบ่งจากโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายแพ่งแล้วเพราะโจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิใช่ทรัพย์มรดกที่จำเลยจะมาขอแบ่ง ดังนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในคดีก่อนว่า ที่พิพาทในคดีนี้เป็นมรดกของบิดามารดา และขอส่วนแบ่งจากโจทก์ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายแพ่งแล้วเพราะโจทก์อ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ มิใช่ทรัพย์มรดกที่จำเลยจะมาขอแบ่ง ดังนี้โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55