คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทวี กสิยพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยโดยการเกิดในราชอาณาจักรไทย: การผูกพันตามคำพิพากษาคดีอาญา
คดีอาญาที่โจทก์ถูกฟ้องในข้อหาคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยไม่รับอนุญาต ได้ถึงที่สุดโดยศาลวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นบุคคลผู้ได้กำเนิดในราชอาณาจักรไทย โจทก์ย่อมได้สัญชาติไทย เช่นนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สั่งเพิกถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีการค้าจากมูลค่าสินค้าที่นำเข้าและโอนขาย การกำหนดราคาตลาด และอำนาจศาลในการลดเบี้ยปรับ
โจทก์โอนขายสินค้าที่โจทก์ได้รับยกเว้นภาษีการค้า ขณะที่นำเข้าตามมาตรา 79 ตรี (11) แห่งประมวลรัษฎากรโจทก์จึงต้องเสียภาษีการค้าตามมูลค่าของสินค้าดังกล่าวในวันโอนขาย ตามมาตรา 79 ทวิ (4) และมาตรา 84 แต่กฎหมายมิได้บัญญัติกฎเกณฑ์ในการคำนวณมูลค่าของสินค้าไว้ คงมีบัญญัติไว้ในมาตรา 78 ทวิ (6) เพียงว่าให้เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจกำหนดราคาทรัพย์สินตามราคาตลาดในวันโอน เจ้าพนักงานประเมินจึงอาศัยประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีการค้า (ฉบับที่ 7)เรื่องให้ใช้เกณฑ์คำนวณเพื่อกำหนดมูลค่าของสินค้าที่นำเข้าในราชอาณาจักรเป็นรายรับ (ราคาซี.ไอ.เอฟ.บวกด้วยค่าอากรขาเข้าและกำไรมาตรฐาน) มาใช้เทียบเคียงในการคำนวณมูลค่าสินค้าของโจทก์โดยเอาราคาซี.ไอ.เอฟ.บวกด้วยค่าอากรขาเข้า แล้วหักค่าเสื่อมราคาให้ได้ผลลัพธ์เท่าใดถือเป็นมูลค่าของสินค้าหรือราคาตลาดของสินค้าในวันโอนแต่ไม่ได้เอากำไรมาตรฐานบวกเข้าไปด้วยการที่ไม่ได้เอากำไรมาตรฐานบวกเข้าด้วยนั้น ทำให้มูลค่าของสินค้าของโจทก์ถูกลง การคำนวณภาษีย่อมลดลงไปด้วยซึ่งเป็นผลดีแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ได้ รับความเสียหายเพราะเหตุนี้ ดังนั้น โจทก์จะอ้างว่าการประเมินไม่ชอบเพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้
ปัญหาว่าศาลควรงดหรือลดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มให้แก่โจทก์หรือไม่ เป็นคนละกรณีกับปัญหาตามที่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่อ้างว่าประเมินโดยไม่ชอบดังนั้น ถ้าโจทก์ประสงค์จะขอให้ศาลงดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มด้วยโจทก์ก็ชอบที่จะมีคำขอมาท้ายฟ้องเมื่อโจทก์ไม่ได้มีคำขอในข้อนี้มาด้วยศาลก็ไม่มีอำนาจพิพากษาให้เกินไปกว่าที่ปรากฏในคำขอท้ายฟ้อง เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมด้วยความสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะและการป้องกันส่วนได้เสีย ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการงานฤดูหนาวและกาชาดได้กล่าวต่อจำเลยที่ 2 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้นำไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ว่าสงสัยว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกแผนผังและก่อสร้างกับพวกจะร่วมกันทุจริตเงินก่อสร้างนั้นเป็นเพราะมีพฤติการณ์ให้เข้าใจว่าผู้เสียหายกับพวกได้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างแพงกว่าความเป็นจริงส่อไปในทางทุจริต งานนี้เป็นงานกุศลสาธารณประโยชน์ ประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องและจำเลยที่ 1 มีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นกรรมการอำนวยการ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การติชมการก่อสร้างงานกุศลโดยสุจริต ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการอำนวยการงานฤดูหนาวและกาชาดได้กล่าวต่อจำเลยที่ 2 ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้นำไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ว่าสงสัยว่าผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกแผนผังและก่อสร้างกับพวกจะร่วมกันทุจริตเงินก่อสร้างนั้น เป็นเพราะมีพฤติการณ์ให้เข้าใจว่าผู้เสียหายกับพวกได้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างแพงกว่าความเป็นจริงส่อไปในทางทุจริต งานนี้เป็นงานกุศลสาธารณประโยชน์ ประชาชนทั่วไปมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องและจำเลยที่ 1 มีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นกรรมการอำนวยการ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสามกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม และติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซ่อมแซมอาคารเดิมไม่ถือเป็นการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
การซ่อมแซมบางส่วนของอาคาร คือประตูหลังด้านข้างและผนังตึกบางส่วนเอาลูกกรงเหล็กออกแล้วเปลี่ยนเป็นก่ออิฐโปร่งแทนไม่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และผลกระทบต่อการหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลาย
ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยยืมเงินไปใช้ แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้ยืม จึงเป็นหนี้ที่ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ซึ่งเป็นหนี้ที่ขอรับชำระไม่ได้ในคดีล้มละลาย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิจะนำมาหักกลบลบหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 102 ประกอบด้วยมาตรา 94(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ยืมเงินจากกองมรดก ไม่อาจนำมาหักกลบลบหนี้ในคดีล้มละลายได้
ผู้ร้องอ้างว่าจำเลยยืมเงินไปใช้ แต่ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้ยืม จึงเป็นหนี้ที่ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 ซึ่งเป็นหนี้ที่ขอรับชำระไม่ได้ในคดีล้มละลาย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิจะนำมาหักกลบลบหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 102 ประกอบด้วยมาตรา 94(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้
โจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์โดยวิธีผ่อนชำระ และโจทก์ยอมถอนคำร้องทุกข์ในคดีเรื่องนั้น ข้อตกลงเช่นนี้เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้หาใช่เป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะนั้นเมื่อโจทก์จำเลยมิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือกันไว้ และเอกสารหลักฐานการถอนคำร้องทุกข์ก็มีแต่โจทก์ลงชื่อฝ่ายเดียวโจทก์จึงฟ้องจำเลยตามข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจึงมีผลผูกพันบังคับใช้ได้
โจทก์จำเลยตกลงกันว่า จำเลยยอมชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์โดยวิธีผ่อนชำระ และโจทก์ยอมถอนคำร้องทุกข์ในคดีเรื่องนั้น ข้อตกลงเช่นนี้เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้หาใช่เป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะนั้นเมื่อโจทก์จำเลยมิได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือกันไว้ และเอกสารหลักฐานการถอนคำร้องทุกข์ก็มีแต่โจทก์ลงชื่อฝ่ายเดียวโจทก์จึงฟ้องจำเลยตามข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3853/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นปันผลเป็นรายได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิ การลงทุนซื้อหุ้นเดิมไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนได้
หุ้นเป็นสิ่งซึ่งอาจมีราคาและถือเอาได้ จึงต้องถือว่าเป็นทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 99
โจทก์ได้หุ้นมา ต้องถือว่าเป็นการได้มาซึ่งทรัพย์สินซึ่งจะต้องนำมารวมเป็นรายได้ของโจทก์ในการคำนวณกำไรสุทธิโดยตีราคาหุ้นนั้นตามราคาที่พึงซื้อได้ตามปกติตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ(3)
การที่โจทก์จ่ายเงินซื้อหุ้นเดิมนั้นเป็นรายจ่ายที่บังเกิดผลเป็นการเพิ่มเติมทรัพย์สินของโจทก์ขึ้นมา ถือได้ว่าเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนซึ่งจะนำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของโจทก์ไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ทวิ(1) และ 65ตรี(5) และหุ้นเดิมของโจทก์นั้นก็ยังคงเป็นทรัพย์สินของโจทก์อยู่ตามเดิม ไม่ได้สูญหายไปไหน เจ้าพนักงานประเมินนำทรัพย์สินเฉพาะส่วนที่โจทก์ได้รับเพิ่มเติมมาคือหุ้นปันผลมารวมเป็นรายได้ในการคำนวณหากำไรสุทธิของโจทก์เท่านั้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าการประเมินภาษีของจำเลยไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากร จำเลยให้การต่อสู้ว่าชอบแล้ว ศาลย่อมมีหน้าที่ยกบทกฎหมายมาปรับแก่คดีว่า การประเมินของจำเลยชอบด้วยประมวลรัษฎากรหรือไม่ ไม่ใช่วินิจฉัยนอกคำให้การ
of 56