คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ทวี กสิยพงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148(1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2461/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์ซ้ำหลังคำสั่งถึงที่สุด ถือเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องในคราวก่อนเพราะผู้ร้องไม่มีพยานมาสืบ และคำสั่งนั้นได้ถึงที่สุดแล้วนั้น ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิมาร้องขัดทรัพย์ใหม่ ถือเป็นการฟ้องซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 148 (1) เพราะการร้องขัดทรัพย์ มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนคดีธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2432/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายลำรางสาธารณะ: ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะการรับเงินค่าขาย ศาลไม่วินิจฉัยเรื่องความรู้แจ้งของโจทก์
แม้จำเลยจะให้การว่าก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์โจทก์ทราบแล้วว่าที่ดินนั้นเป็นลำรางสาธารณะ จำเลยไม่เคยหลอกลวงโจทก์ แต่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แต่เพียงว่าจำเลยได้ขายลำรางสาธารณะให้แก่ฝ่ายโจทก์กับ ก. และรับเงินมาแล้ว 30,000 บาท จริงหรือไม่เท่านั้น จำเลยไม่โต้แย้ง ประเด็นข้อพิพาทจึงมีเพียงเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด ข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายโจทก์รู้มาก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์แล้วว่าเป็นลำรางสาธารณะไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2432/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายลำรางสาธารณะ: ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะการรับชำระเงิน ทำให้ข้อโต้แย้งเรื่องความรู้ก่อนการซื้อขายไม่เป็นประเด็น
แม้จำเลยจะให้การว่าก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์โจทก์ทราบแล้วว่าที่ดินนั้นเป็นลำรางสาธารณะ จำเลยไม่เคยหลอกลวงโจทก์แต่ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้แต่เพียงว่าจำเลยได้ขายลำรางสาธารณะให้แก่ฝ่ายโจทก์กับ ก. และรับเงินมาแล้ว 30,000 บาทจริงหรือไม่เท่านั้น จำเลยไม่โต้แย้ง ประเด็นข้อพิพาทจึงมีเพียงเท่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดข้อเท็จจริงที่ว่าฝ่ายโจทก์รู้มาก่อนรับโอนกรรมสิทธิ์แล้วว่าเป็นลำรางสาธารณะไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลกรณีฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่ผู้จำนอง: แยกพิจารณาค่าขึ้นศาลตามประเภทจำเลย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนองที่ดินที่จำเลยที่ 1 จำนองค้ำประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าว ในส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งมิใช่ผู้จำนองนั้น โจทก์ฟ้องบังคับให้ชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีโดยเฉพาะ โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลร้อยละสองครึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2388/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเหนือกว่า พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา แม้จะเข้าข่ายการเช่า
โจทก์ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีอาญากับจำเลยฐานบุกรุกแล้วโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์ยอมให้จำเลยทำประโยชน์ในที่พิพาทต่อไปอีกหนึ่งปี โดยจำเลยยอมจ่ายค่าเช่าให้โจทก์ 4,000 บาท ดังนี้ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จะอ้างพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 5 มาเพื่อขยายเวลาเช่าออกไปเป็น 6 ปีหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของทายาทผู้ค้ำประกันต่อเจ้าหนี้ แม้ยังไม่ได้รับส่วนแบ่งมรดก และการลดเบี้ยปรับที่สูงเกินส่วน
พ. ได้รับทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้รัฐบาลไทยเพื่อไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ จึงถือว่า พ. ได้รับทุนนี้จากรัฐบาลไทยโดยปริยาย เมื่อ พ.ประพฤติผิดสัญญาด.ย่อมต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน. โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้เป็นผู้จัดการมรดกและทายาทของ ด. ได้. แม้ทุนประเภทนี้องค์การอนามัยโลกต้องการให้เปล่าไม่ต้องการเรียกคืนไม่ว่าในกรณีใด ก็ไม่กระทบกระเทือนถึงความผูกพันตามสัญญาระหว่างโจทก์ผู้ขอทุนกับ พ. ผู้ได้ไปศึกษาต่อด้วยทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้แก่รัฐบาลไทยนั้น
สัญญาระหว่างโจทก์กับ พ.มิได้ระบุระยะเวลาที่พ.ได้รับอนุมัติไปศึกษาต่อ และสัญญาค้ำประกันที่ ด. ให้ไว้แก่โจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่ พ. ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกัน ฉะนั้น การที่ พ. ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาเป็นเวลา 2 ปี ครบแล้วได้ขอศึกษาต่ออีก 1ปี มหาวิทยาลัยโจทก์ทำเรื่องราวขออนุมัติไปตามลำดับจึงได้อนุมัติให้ พ. ศึกษาต่ออีก 1 ปี แม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่ผู้ค้ำประกันด้วย แต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญา ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี และเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้คือ พ.มิได้อยู่ในราชอาณาเขตโจทก์ย่อมฟ้องจำเลยผู้เป็นทายาทของผู้ค้ำประกันได้เลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688 เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยตามสิทธิของโจทก์ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเมื่อ พ. ลูกหนี้ของโจทก์ผิดนัดแล้วโจทก์ก็ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกและทายาทผู้ค้ำประกันได้ โดยไม่ต้องทวงถามจำเลยก่อน
แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะมิได้ยกเรื่องขอลดเบี้ยปรับขึ้นว่ามาด้วย เพิ่งมายกขึ้นในชั้นฎีกา แต่เรื่องเบี้ยปรับนี้ถ้าศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 ศาลฎีกาจึงมีอำนาจวินิจฉัยปัญหานี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของทายาทผู้ค้ำประกันต่อหนี้ทุนและเบี้ยปรับจากสัญญาเงินกู้ องค์ประกอบการใช้สิทธิของเจ้าหนี้
พ. ได้รับทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้รัฐบาลไทยเพื่อไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ จึงถือว่า พ.ได้รับทุนนี้จากรัฐบาลไทยโดยปริยาย เมื่อ พ.ประพฤติผิดสัญญา ต. ย่อมต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้เป็นผู้จัดการมรดกและทายาทของ ต.ได้ แม้ทุนประเภทนี้องค์การอนามัยโลกต้องการให้เปล่าไม้ต้องการเรียกคืนไม่ว่าในกรณีใด ก็ไม่กระทบกระเทือนถึงความผูกพันตามสัญญาระหว่างโจทก์ผู้ขอทุนกับ พ.ผู้ได้ไปศึกษาต่อด้วยทุนซึ่งองค์การอนามัยโลกมอบให้แก่รัฐบาลไทยนั้น
สัญญาระหว่างโจทก์กับ พ.มิได้ระบุระยะเวลาที่ พ. ได้รับอนุมัติไปศึกษาต่อและสัญญาค้ำประกันที่ ต.ให้ไว้แก่โจทก์ก็มิได้ระบุเวลาที่ พ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาต่อเช่นกัน ฉะนั้น การที่ พ.ได้รับอนุมัติให้ไปศึกษาเป็นเวลา 2 ปี ครบแล้วได้ขอศึกษาต่ออีก 1 ปี มหาวิทยาลัยโจทก์ทำเรื่องราวขออนุมัติไปตามลำดับจึงได้อนุมัติให้ พ. ศึกษาต่ออีก 1 ปี แม้จะเป็นภาระหนักขึ้นแก่ผู้ค้ำประกันด้วย แต่ก็ไม่เป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงในสัญญา ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี และเป็นคนละเรื่องกับการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
เมื่อปรากฏว่าลูกหนี้คือ พ.มิได้อยู่ในราชอาณาเขต โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยผู้เป็นทายาทของผู้ค้ำประกันได้เลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 288 เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยตามสิทธิของโจทก์ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และเมื่อ พ.ลูกหนี้ของโจกท์ผิดนัดแล้วโจทก์ก็ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกและทายาทผู้ค้ำประกันได้ โดยไม่ต้องทวงถามจำเลยก่อน
แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยจะมิได้ยกเรื่องขดลดเบี้ยปรับขึ้นว่ามาด้วย เพิ่มมายกขึ้นในชั้นฎีกา แต่เรื่องเบี้ยปรับนี้ถ้าศาลเห็นว่าสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 ศาลฎีกาจึงมีอำนาจวินิจฉัยปัญหานี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการดำเนินการตามกฎหมาย แม้ไม่ไต่สวนคำร้องก็ไม่ขัดต่อกระบวนการ
จำเลยยังคงมีสำนักงานทำการค้าขายอยู่ที่ตึกแถวพิพาท การส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องก็ส่งให้จำเลย ณ ตึกแถวพิพาททั้งก็เป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง มิได้บังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อน เมื่อจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก ไม่ขัดกับกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการดำเนินการตามกฎหมาย โดยศาลไม่ต้องไต่สวนคำร้องเพิ่มเติมหากจงใจขาดนัด
จำเลยยังคงมีสำนักงานทำการค้าขายอยู่ที่ตึกแถวพิพาทการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องก็ส่งให้จำเลย ณ ตึกแถวพิพาททั้งก็เป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด จึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสองมิได้บังคับว่าศาลจะต้องทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยก่อนเมื่อจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จึงไม่จำต้องไต่สวนคำร้องของจำเลยอีก ไม่ขัดกับกระบวนพิจารณา
of 56