คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. ตาราง 5

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 37 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินที่ถูกถอนการยึด แม้โจทก์สุจริตและมิได้ขอถอน
โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดิน1แปลงอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้นโจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา149และตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งนี้โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295ตรีไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินที่ถอนการยึด ผู้ยึดต้องรับผิดชอบ แม้สุจริตหรือไม่ได้ขอถอน
โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดิน1แปลงอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้นโจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา149และตาราง5ข้อ3ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งนี้โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริตและเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา295ตรีไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2535 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินแม้ถอนการยึด - ไม่เป็นความรับผิดของคู่ความอื่น
โจทก์ดำเนินการบังคับคดีโดยนำยึดที่ดิน 1 แปลง อ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แต่มีเหตุที่จะต้องถอนการยึดทรัพย์สินนั้น โจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมยึดไม่มีการขายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 149 และตาราง 5 ข้อ 3 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งทั้งนี้ โดยต้องชำระต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะได้นำยึดโดยสุจริต และเป็นผู้ขอให้ถอนการยึดหรือไม่หากโจทก์ไม่ยอมชำระก็อาจถูกบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ตรี ไม่ใช่เรื่องของความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีศาลจึงไม่อาจใช้ดุลพินิจกำหนดให้ฝ่ายจำเลยต้องรับผิดแทนฝ่ายโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2534 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย ถือเป็นกระบวนพิจารณาโจทก์ต้องชำระ
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลย ต่อมาจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วตามข้อตกลงนอกศาล ศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดี ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการเพิกถอนการบังคับคดีเพราะจำเลยได้วางเงินอย่างหนึ่งอย่างใดต่อศาลหรือพนักงานบังคับคดีตามป.วิ.พ. มาตรา 295(1) แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ จึงถือว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นที่ระบุไว้ในตารางท้าย ป.วิ.พ. ตามมาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินที่ยึดไว้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่ยึดตามที่กำหนดไว้ในตาราง 5 ข้อ 3 ท้าย ป.วิ.พ. และกรณีนี้ไม่ต้องด้วยมาตรา 295 ตรีเพราะไม่ใช่บทบัญญัติว่าด้วยการกำหนดให้ฝ่ายใดรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3441/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: การยึดทรัพย์แล้วไม่มีการขาย ถือเป็นกระบวนพิจารณาที่โจทก์ต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียม
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินของจำเลยต่อมาจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วตามข้อตกลงนอกศาลศาลจึงมีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีดังนี้ไม่ใช่เป็นการเพิกถอนการบังคับคดีเพราะจำเลยได้วางเงินอย่างหนึ่งอย่างใดต่อศาลหรือพนักงานบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา295(1)แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์จึงถือว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นที่ระบุไว้ในตารางท้ายป.วิ.พ.ตามมาตรา149เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ตัวเงินที่ยึดไว้โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ3ครึ่งของราคาทรัพย์สินที่ยึดตามที่กำหนดไว้ในตาราง5ข้อ3ท้ายป.วิ.พ.และกรณีนี้ไม่ต้องด้วยมาตรา295ตรีเพราะไม่ใช่บทบัญญัติว่าด้วยการกำหนดให้ฝ่ายใดรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4883/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมจากการอายัดเงินชั่วคราวก่อนพิพากษา ผู้ร้องขออายัดมีหน้าที่ชำระเมื่อศาลยกเลิกอายัด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หมวด 3 ค่าฤชาธรรมเนียมมาตรา 149 วรรคแรกนั้น บัญญัติว่า ค่าธรรมเนียมศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น ให้คู่ความผู้ดำเนินกระบวนพิจารณานั้น ๆ เป็นผู้ชำระ เมื่อโจทก์เป็นผู้ดำเนินการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดเงินที่กรมทรัพยากรธรณีต้องชำระให้แก่จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ถือได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามมาตรานี้แล้ว เมื่อต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิกอายัดชั่วคราวตามคำร้องขอของจำเลย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อยึดหรืออายัดเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4769/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ การประเมินราคา การขายทอดตลาด และอำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยที่ 3 ลงชื่อทราบหมายบังคับคดี กับลงชื่อในบันทึกการยึดทรัพย์ บัญชีทรัพย์ที่ยึด และสัญญารักษาทรัพย์ ซึ่งต่างลงวันที่วันเดียวกับวันที่ยึดทรัพย์ แสดงว่าจำเลยที่ 3 ได้รู้เห็นการยึดทรัพย์และการคำนวณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตลอด เมื่อจำเลยที่ 3 อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริง แม้จะมิใช่เรื่องการคำนวณราคาทรัพย์เพื่อเรียกค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่ขายตามหมายเหตุท้ายตาราง 5จำเลยที่ 3 ก็ต้องเสนอเรื่องต่อศาลภายใน 8 วัน นับแต่วันที่ยึดทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296วรรคสอง เมื่อจ่าศาลได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วย่อมมีอำนาจมอบหมายให้รองจ่าศาลไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้ การขายทอดตลาดได้เลื่อนมาหลายครั้งแล้ว และราคาที่ขายได้ในครั้งหลังสุดก็สูงพอสมควร ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้หาผู้เข้าสู้ราคาให้ราคาสูงกว่านี้ได้ และการเลื่อนการขายทอดตลาดไปก็ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ในราคาสูงกว่านี้อีก จึงไม่ควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4769/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ การประเมินราคา และการขายทอดตลาด: การปฏิบัติตามกฎหมายและอำนาจเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยที่3ลงชื่อทราบหมายบังคับคดีกับลงชื่อในบันทึกการยึดทรัพย์บัญชีทรัพย์ที่ยึดและสัญญารักษาทรัพย์ซึ่งต่างลงวันที่วันเดียวกับวันที่ยึดทรัพย์แสดงว่าจำเลยที่3ได้รู้เห็นการยึดทรัพย์และการคำนวณราคาทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยตลอดเมื่อจำเลยที่3อ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริงแม้จะมิใช่เรื่องการคำนวณราคาทรัพย์เพื่อเรียกค่าธรรมเนียมการยึดแล้วไม่ขายตามหมายเหตุท้ายตาราง5จำเลยที่3ก็ต้องเสนอเรื่องต่อศาลภายใน8วันนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296วรรคสอง เมื่อจ่าศาลได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วย่อมมีอำนาจมอบหมายให้รองจ่าศาลไปปฏิบัติหน้าที่แทนได้ การขายทอดตลาดได้เลื่อนมาหลายครั้งแล้วและราคาที่ขายได้ในครั้งหลังสุดก็สูงพอสมควรไม่ปรากฏว่าจำเลยที่3ได้หาผู้เข้าสู้ราคาให้ราคาสูงกว่านี้ได้และการเลื่อนการขายทอดตลาดไปก็ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดได้ในราคาสูงกว่านี้อีกจึงไม่ควรให้เลื่อนการขายทอดตลาดต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6485/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการประวิงการชำระหนี้ ทำให้จำเลยต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายเพราะโจทก์ถอนการยึด แม้จะถือว่าโจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามที่ระบุไว้ในตารางท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 อันจะทำให้โจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 ข้อ 3ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อมีพฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยประวิงการบังคับคดีโดยไม่สุจริต ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดี: การอายัดเงินและการจ่ายให้เจ้าหนี้ การตีความตาราง 5 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยจากคดีอื่นมาจำนวนหนึ่งในเงินจำนวนนี้ได้จ่ายให้โจทก์เพียงบางส่วน เฉพาะส่วนที่จ่ายให้โจทก์นี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่งตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรณีตามตาราง 5 ข้อ 2 ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการอายัดสิทธิเรียกร้องให้บุคคลภายนอกส่งมอบสิ่งของ และเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องทำการจำหน่ายสิ่งของนั้นให้เป็นตัวเงิน แม้การอายัดเงินแล้วมีการจ่ายเงินให้ผู้ขออายัด โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องทำการจำหน่ายหรือทำอะไรกับเงินที่อายัดนั้นก็ตามแต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดให้ผู้ขออายัด เป็นการปฏิบัติตามความหมายของการอายัดแล้ว
กรณีตามตาราง 5 ข้อ 4 หมายถึง เมื่อมีการยึดหรืออายัดเงินหรืออายัดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย การขายหรือจำหน่ายรวมถึงการแลกเปลี่ยนหรือเอาออกหรือยังไม่มีการจ่ายเงินที่อายัดให้ผู้ขออายัด จึงเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 1
of 4