คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แต่ง ทองภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 293 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และอำนาจศาลในการปรับบทลงโทษ
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอม โดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้าย จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอว ไม่ได้ความว่า จำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญ หรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควร จำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิงเพื่อจะพากันหลบหนี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถยนต์ของผู้ตาย จำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ดังนี้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรม กรรมหนึ่งให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต อีกสองกรรมให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลชั้นต้นจึงเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี เพื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดกรรมเดียว ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีไม่จำต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีได้ มิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การพิจารณาโทษจำคุกตลอดชีวิตและการเปลี่ยนโทษตามมาตรา 91
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอมโดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้าย จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอวไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญหรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควรจำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิงเพื่อจะพากันหลบหนี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถยนต์ของผู้ตายจำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บจำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตายพฤติการณ์ดังนี้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรม กรรมหนึ่งให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตอีกสองกรรมให้ลงโทษจำคุก 1 ปี4 เดือน ศาลชั้นต้นจึงเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก50 ปี เพื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดกรรมเดียวซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีไม่จำต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีได้ มิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ที่ดินอยู่ใน นส.3ก ของจำเลย แต่โจทก์มีสิทธิขอเพิกถอนส่วนที่ทับที่ดินของตนได้
แม้ศาลจะพิพากษาแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และเป็นที่ดินที่รวมอยู่ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยก็ตามจำเลยก็ไม่มีหน้าที่อย่างใดที่จะต้องไปจัดการโอนที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ หากที่พิพาทยังมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์อยู่ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเฉพาะส่วนที่ออกทับที่พิพาทซึ่งเป็นของโจทก์เท่านั้น
การที่โจทก์ขอให้จดทะเบียนแบ่งแยกให้ก็พอจะแปลความหมายได้ว่าโจทก์ต้องการที่ดินกลับคืนมาเป็นของโจทก์ แต่เมื่อศาลเห็นว่าไม่สามารถจะบังคับให้ได้ตามคำขอ คงบังคับได้แต่เพียงให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วน ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: แม้ที่ดินอยู่ในหนังสือรับรอง แต่โจทก์มีสิทธิขอเพิกถอนเฉพาะส่วนที่เป็นของตนได้
แม้ศาลจะพิพากษาแล้วว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และเป็นที่ดินที่รวมอยู่ในที่ดินตามหนังสือรังรองการทำประโยชน์ของจำเลยก็ตาม จำเลยก็ไม่มีหน้าที่อย่างใดที่จะต้องไปจัดการโอนที่พิพาทให้เป็นของโจทก์ หากที่พิพาทยังมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์อยู่ โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยเฉพาะส่วนที่ออกทับที่พิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์เท่านั้น
การที่โจทก์ขอให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกให้ก็พอจะแปลความหมายได้ว่าโจทก์ต้องการที่ดินกลับคืนมาเป็นของโจทก์ แต่เมื่อศาลเห็นว่าไม่สามารถจะบังคับให้ได้ตามคำขอ คงบังคับได้แต่เพียงให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เฉพาะส่วน ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งตัวแทนซื้อที่ดินโดยไม่ทำเป็นหนังสือ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 หากพิพาทระหว่างตัวการ-ตัวแทน
โจทก์ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนซื้อที่ดิน โดยให้จำเลยออกเงินไปก่อน และลงชื่อในโฉนดแทน แม้การตั้งตัวแทนนั้นจะมิได้ทำเป็นหนังสือ โจทก์ก็มีอำนาจบังคับให้จำเลยโอนใส่ชื่อโจทก์ในที่ดินดังกล่าวได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 493/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัตราค่าเช่านาต้องไม่เกินที่กฎหมายกำหนด การทำนาปรังไม่ขัดต่อกฎหมายเช่านา
คณะกรรมการควบคุมการเช่านาฯ กำหนดอัตราค่าเช่านาเกินกว่าที่เคยเก็บอยู่ก่อนวันที่ พระราชบัญญัติใช้บังคับไม่ได้ คือเกินไร่ละ 10 ถังตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติฉบับก่อนที่ถูกพระราชบัญญัติฉบับนี้ ยกเลิกไปไม่ได้
ผู้เช่านาทำนาปรังนอกฤดูทำนาปกติ คณะกรรมการควบคุมการเช่านากำหนดให้ผู้ให้เช่าเก็บค่าเช่าอีกได้ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 17, 20

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดี ถือเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากไม่โต้แย้งสิทธิอุทธรณ์/ฎีกาจะสิ้นสุด
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี มีผลเป็นการงดสืบพยานจำเลย เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ถ้าไม่โต้แย้งไว้ อุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องของนิติบุคคล: วัตถุประสงค์บริษัทและฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียนเลขที่ 1430 ถึงแม้ว่าจะมิได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ แต่การจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้น จะต้องนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนและนายทะเบียนจะต้องแต่งย่อรายการไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามกฎหมายให้ถือว่าเป็นอันรู้แก่บุคคลทั้งปวง จึงต้องถือว่าจำเลยทราบวัตถุประสงค์ของโจทก์ในหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายวัตถุประสงค์มาในฟ้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องของนิติบุคคล: วัตถุประสงค์ของบริษัทจำกัดตามหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนแล้ว ถือเป็นที่รู้แก่บุคคลทั่วไป
โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จดทะเบียนเลขที่ 1430 ถึงแม้ว่าจะมิได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ แต่การจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้น จะต้องนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนและนายทะเบียนจะต้องแต่งย่อรายการไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามกฎหมายให้ถือว่าเป็นอันแก่บุคคลทั้งปวง จึงต้องถือว่าจำเลยทราบวัตถุประสงค์ของโจทก์ในหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายวัตถุประสงค์มาในฟ้องอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขข้อบกพร่องของเอกสารมอบอำนาจหลังศาลสั่งงดสืบพยาน และการใช้เป็นหลักฐานได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว เพียงแต่มีข้อบกพร่อง ยังไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์เท่านั้น แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวขออนุญาตขีดฆ่าแล้ว แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน เพราะเหตุที่ศาลพบข้อบกพร่องดังกล่าวก็ตาม ก็เป็นการสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ขีดฆ่าได้ เมื่ออนุญาตให้โจทก์ขีดฆ่าอากรแสตมป์แล้ว เอกสารนั้นก็ใช้เป็นพยานหลักฐานได้
of 30