คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
แต่ง ทองภักดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 293 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3142/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินจากการขายทรัพย์ก่อนล้มละลาย ไม่ถือเป็นเงินที่ได้ระหว่างล้มละลาย จึงไม่มีสิทธิขอเป็นค่าเลี้ยงชีพ
จำเลยจำนองที่ดินไว้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นเงิน 300,000 บาท ต่อมาศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวได้เงิน 430,000 บาท เกินหนี้ที่จำนอง 130,000 บาท เงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจำเลยมีมาก่อนล้มละลาย แม้จะขายทอดตลาดและได้เงินจำนวนนี้มาในระหว่างที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เงินจำนวนนี้ก็มิใช่เงินที่จำเลยได้มาระหว่างล้มละลาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอาเงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายเลี้ยงชีพจำเลยและครอบครัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 67 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3142/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ก่อนล้มละลาย ไม่เป็นทรัพย์สินที่ต้องนำมาจ่ายเลี้ยงชีพ
จำเลยจำนองที่ดินไว้กับธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นเงิน300,000 บาท ต่อมาศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวได้เงิน 430,000 บาท เกินหนี้ที่จำนอง 130,000 บาท เงินจำนวนดังกล่าวนี้เป็นเงินที่ได้มาจากการขายทอดตลาดทรัพย์ซึ่งจำเลยมีมาก่อนล้มละลาย แม้จะขายทอดตลาดและได้เงินจำนวนนี้มาในระหว่างที่จำเลยถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายเงินจำนวนนี้ก็มิใช่เงินที่จำเลยได้มาระหว่างล้มละลาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอาเงินจำนวนดังกล่าวมาจ่ายเลี้ยงชีพจำเลยและครอบครัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 67(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนไม่ใช่ 'อาวุธ' โดยสภาพ หากไม่ได้ใช้หรือเจตนาประทุษร้าย การพกพาจึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371
กระสุนปืนไม่ใช่สิ่งที่เป็นอาวุธโดยสภาพ เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระสุนปืนของกลางเป็นสิ่งซึ่งจำเลยได้ใช้หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(5) การกระทำของจำเลยตามฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยพกกระสุนปืนของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควรจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 371

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3109/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระสุนปืนไม่ใช่ 'อาวุธ' โดยสภาพ การพกพาจึงไม่ผิด ม.371 หากไม่มีเจตนาประทุษร้าย
กระสุนปืนไม่ใช่สิ่งที่เป็นอาวุธโดยสภาพ เมื่อโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่ากระสุนปืนของกลางเป็นสิ่งซึ่งจำเลยได้ใช้ หรือเจตนาจะใช้ประทุษร้ายร่างกายถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(5) การกระทำของจำเลยตามฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยพกกระสุนของกลางไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควรจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 371

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การยินยอมโดยสมัครใจ และการยอมรับสัญญา แม้ไม่มีเอกสารอากรแสตมป์
จำเลยได้ทำสัญญาตามฟ้องกับโจทก์ด้วยใจสมัครและการที่จำเลยยอมจะใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ถึง 720,000 บาท ในกรณีที่จำเลยผิดสัญญา ไม่จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้โจทก์นั้นไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมายหรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใดสัญญาจะซื้อขายตามฟ้องโจทก์ไม่เป็นโมฆะ
สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อขายมิได้ปิดอากรแสตมป์แต่จำเลยให้การยอมรับตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องจึงฟังได้โดยไม่ต้องอาศัยเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3080/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, หนังสือมอบอำนาจ, การยอมรับหนี้, ภาระการพิสูจน์, ฟ้องเคลือบคลุม
ธนาคารโจทก์มีวัตถุประสงค์อย่างไร ไม่เกี่ยวกับสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ หรือข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาที่จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งโจทก์จะต้องแสดงโดยแจ้งชัดในคำฟ้องตามนัย มาตรา172 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องแสดงมาในคำฟ้อง
หนังสือมอบอำนาจไม่ระบุว่าให้ฟ้องผู้ใด ข้อหาใด แต่ระบุไว้ว่า " ยื่นฟ้อง ต่อสู้ เข้าเป็นคู่ความ และดำเนินคดีใด ๆ ซึ่งสาขาที่กล่าวแล้วมีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวข้องอยู่ " เมื่อจำเลยทำหนังสือสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากธนาคารโจทก์สาขาที่ ก. เป็นผู้จัดการ ก. ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจฟ้อง
แม้หนังสือมอบอำนาจจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ จึงไม่สมบูรณ์เท่ากับไม่ได้มอบอำนาจกันนั้น แต่เมื่อจำเลยยอมรับอยู่แล้วว่าได้มีการมอบอำนาจกันจริง จึงไม่จำต้องอาศัยใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานในคดีอีก จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี และมีหนี้อยู่ตามจำนวนที่โจทก์กล่าวในฟ้องจริง เพียงแต่จำเลยที่ 1 อ้างว่าหนี้จำนองดังกล่าวนี้เป็นส่วนของ จำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชอบชำระแก่โจทก์โดยต้อง ชำระผ่านบัญชีของจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ก็ทราบดี จำเลยที่ 1 ไม่ต้อง รับผิด ภาระการพิสูจน์ความข้อนี้ตกหน้าที่จำเลยที่ 1 ต้องนำพยาน หลักฐานมาสืบว่าข้อเท็จจริงเป็นดังกล่าวอ้าง เมื่อไม่สืบพยานจำเลยที่ 1 ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ: การมอบอำนาจของเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัด
พระครู อ. เป็นเจ้าอาวาสวัด บ. โจทก์ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีว่าพระครู อ. มอบอำนาจให้ ส. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย เรื่องผิดสัญญาจ้างทำของและเรียกค่าเสียหายเป็นการมอบอำนาจในฐานะเป็นเจ้าอาวาสวัด บ. มิใช่ฐานะส่วนตัว ส่วนเรื่องคณะกรรมการวัดโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยนั้น ปรากฏตามสัญญาจ้างทำของว่า เป็นการทำสัญญาระหว่างคณะกรรมการวัด โจทก์ โดย ส.ผู้รับมอบอำนาจ กับจำเลย จำเลยมิได้โต้เถียงประการใด หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องส่งของรับของตลอดจนการชำระเงิน แสดงว่าจำเลยยอมรับว่า ส.เป็นตัวแทนวัดโจทก์ จึงเท่ากับเป็นการยอมรับหนังสือมอบอำนาจอยู่แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ: เจ้าอาวาสมอบอำนาจ & ยอมรับตัวแทนจำเลย
พระครู อ. เป็นเจ้าอาวาสวัด บ. โจทก์ ปรากฏตามหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีว่าพระครู อ. มอบอำนาจให้ ส. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาจ้างทำของและเรียกค่าเสียหาย เป็นการมอบอำนาจในฐานะเป็นเจ้าอาวาสวัด บ. มิใช่ฐานะส่วนตัว ส่วนเรื่องคณะกรรมการวัดโจทก์ทำหนังสือมอบอำนาจให้ ส. ทำสัญญาจ้างทำของกับจำเลยนั้นปรากฏตามสัญญาจ้างทำของว่า เป็นการทำสัญญาระหว่างคณะกรรมการวัดโจทก์ โดย ส. ผู้รับมอบอำนาจ กับจำเลย จำเลยมิได้โต้เถียงประการใด หลังจากทำสัญญากันแล้ว โจทก์จำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาในเรื่องส่งของรับของตลอดจนการชำระเงินแสดงว่าจำเลยยอมรับว่า ส. เป็นตัวแทนวัดโจทก์ จึงเท่ากับเป็นการยอมรับหนังสือมอบอำนาจอยู่แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3070/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกค่าบริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างรัฐวิสาหกิจและผู้ใช้บริการ
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจจัดบริการให้ผู้ที่พูดโทรศัพท์จากเครื่องโทรศัพท์ภายในบ้านหรือสำนักงานฝ่ายเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของกรมไปรษณีย์โทรเลขไปยังต่างประเทศ โดยผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดไว้แก่โจทก์ ค่าธรรมเนียมนี้คือสินจ้างถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน การเรียกเอาสินจ้างดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7) (อ้างคำพิพากษาฎีกา 2462/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3070/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าบริการวิทยุโทรศัพท์: โจทก์เป็นผู้ค้า/รับทำการงาน มีอายุความ 2 ปี
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจจัดบริการให้ผู้ที่พูดโทรศัพท์จากเครื่องโทรศัพท์ภายในบ้านหรือสำนักงานผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของกรมไปรษณีย์โทรเลขไปยังต่างประเทศ โดยผู้ใช้จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดไว้แก่โจทก์ค่าธรรมเนียมนี้คือสินจ้างจึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าหรือผู้รับทำการงาน การเรียกเอาสินจ้างดังกล่าวมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) (อ้างคำพิพากษาฎีกา 462/2520)
of 30