คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จินดา บุญศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1513/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิสัญชาติไทย: การขอแก้ไขสถานะบุคคลต้องดำเนินคดีทางแพ่ง ไม่ใช่คำร้อง
การที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องเสียสิทธิในการได้สัญชาติไทยเพราะการกระทำของบิดาผู้ร้องซึ่งเป็นคนสัญชาติญวนผู้ร้องจึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนบัตรประจำตัวคนญวนอพยพทะเบียนครอบครัวญวนอพยพของผู้ร้องนั้นไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้สิทธิแก่ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่ฝ่ายเดียวได้ หากมีการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องที่ไม่อาจขอบัตรประจำตัวในฐานะเป็นคนมีสัญชาติไทย ผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาล โดยทำเป็นคำฟ้องอันเป็นคดีมีข้อพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1499/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การมีทนายก่อนการพิจารณาคดีและการปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูง 15 ปี เมื่อศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยในเรื่องทนายเสียก่อนเริ่มพิจารณา แต่ดำเนินการพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนาย แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงเป็นการพิจารณาฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปฏิบัติเสียให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เพิกถอนการชำระหนี้เพราะไม่สุจริต ไม่ได้รับสิทธิขอรับชำระหนี้เพิ่มเติม
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 92 บัญญัติถึงวิธีการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไว้โดยเฉพาะแล้ว การที่ศาลเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เพราะเหตุเจ้าหนี้ได้กระทำโดยไม่สุจริตตามมาตรา 114 นั้นเป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรา 92 ดังกล่าว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ที่ถูกเพิกถอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้เดิมหากเพิกถอนเพราะไม่สุจริต
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 92 บัญญัติถึงวิธีการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายไว้โดยเฉพาะแล้ว การที่ศาลเพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ เพราะเหตุเจ้าหนี้ได้กระทำโดยไม่สุจริตตาม มาตรา 114 นั้นเป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วยมาตรา 92 ดังกล่าว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ที่ถูกเพิกถอน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อและการประกันภัย: การใช้สิทธิโดยสุจริตแม้เวลาผ่านไป
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้เช่าซื้อคือจำเลยที่ 1 ต้องประกันภัยรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ และเสียเบี้ยประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงได้เอาประกันภัยรถพิพาทไว้กับบริษัทประกันภัย ต่อมาระหว่างชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ เช่นนี้ตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อการสูญหายและเสียหายทุกชนิดอันเกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเกิดสูญหายขึ้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาใช้ราคารถยนต์ได้โดยตรงและที่ข้อสัญญาที่ให้ผู้เช่าซื้อต้องประกันภัยและเสียเบี้ยประกันภัยดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นการที่ตกลงกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือโจทก์ ให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถยนต์ได้จากบริษัทประกันภัยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสิทธิของโจทก์จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทประกันภัยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญา และบริษัทประกันภัยก็อาจยกข้อต่อสู้อันเกิดแต่สัญญาประกันภัยที่มีต่อจำเลยที่ 1 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376. การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยแต่ได้เรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 โดยตรงแม้จะเป็นเวลาภายหลังที่รถยนต์ได้หายไปแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปี ก็หาใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อและการประกันภัย: การใช้สิทธิโดยสุจริต แม้เวลาผ่านไป
สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้เช่าซื้อคือจำเลยที่ 1 ต้องประกันภัยรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ และเสียค่าเบี้ยประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงได้เอาประกันภัยรถพิพาทไว้กับบริษัทประกันภัย ต่อมาระหว่างชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ เช่นนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อการสูญหายและเสียหายทุกชนิดอันเกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเกิดสูญหายขึ้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาใช้ราคารถยนต์ได้โดยตรง และที่ข้อสัญญาที่ให้ผู้เช่าซื้อต้องประกันภัยและเสียเบี้ยประกันภัยดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นการที่ตกลงกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือโจทก์ ให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถยนต์ได้จากบริษัทประกันภัยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสิทธิของโจทก์จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทประกันภัยว่า จะถือเอาประโยชน์จากสัญญา และบริษัทประกันภัยก็อาจยกข้อต่อสู้อันเกิดแต่สัญญาประกันภัยที่มีต่อจำเลยที่ 1 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376 การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย แต่ได้เรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 โดยตรงแม้จะเป็นเวลาภายหลังที่รถยนต์ได้หายไปแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปี ก็หาใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบรายละเอียดการชำระราคาซื้อขายเพื่อหักล้างข้อต่อสู้ของจำเลย ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองขายเรือนพิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 10,000 บาท โดยทำเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน และจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าเรือนดังกล่าวไปครบถ้วนนับแต่วันทำสัญญาซื้อขายแล้ว การที่โจทก์นำสืบถึงมูลเหตุที่โจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยในวันทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรือนพิพาทเพียง 3,000 บาททั้งนี้ก็เพราะจำเลยทั้งสองได้ขอให้โจทก์นำเอาหนี้เงินที่จำเลยทั้งสองค้างชำระอยู่ 7,000 บาทมาหักเป็นค่าเรือนด้วย เป็นการนำสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระค่าเรือนพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองครบถ้วนตามสัญญาจึงหาเป็นการนำสืบนอกฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบการชำระราคาสัญญาซื้อขายเทียบกับหนี้เดิม ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองขายเรือพิพาทให้แก่โจทก์ในราคา 10,000 บาท โดยทำเป็นหนังสือสัญญาซื้อขายให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน และจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าเรื่อนดังกล่าวไปครบถ้วนนับแต่วันทำสัญญาซื้อขายแล้ว การที่โจทก์นำสืบถึงมูลเหตุที่โจทก์ชำระเงินให้แก่จำเลยในวันทำหนังสือสัญญาซื้อขายเรือนพิพาทเพียง 3,000 บาท ทั้งนี้ก็เพราะจำเลยทั้งสองได้ขอให้โจทก์นำเอาหนี้เงินที่จำเลยทั้งสองค้างอยู่ 7,000 บาท มาหักเป็นค่าเรือนด้วย เป็นการนำสืบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระค่าเรือนพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองครบถ้วนตามสัญญา จึงหาเป็นการนำสืบนอกฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขืนชำเรา แม้ไม่สำเร็จความใคร่เนื่องจากอวัยวะเพศขนาดใหญ่
จำเลยอายุ 30 ปี ผู้เสียหายเป็นเด็กหญิงอายุ 8 ขวบจำเลยใส่อวัยวะเพศในอวัยวะเพศของผู้เสียหายผู้เสียหายเจ็บ ร้องขึ้นจำเลยใช้อวัยวะถูอยู่ภายนอกจนสำเร็จความใคร่เป็นการแสดงเจตนาที่จำเลยจะทำชำเราแต่ทำตลอดแล้วไม่บรรลุผลเพราะอวัยวะเพศของจำเลยใหญ่ไม่อาจล่วงล้ำเข้าไปได้ เป็นผิดฐานพยายามข่มขืนชำเราไม่ใช่เพียงแต่ทำอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในความเสียหายจากการยักยอกเงิน และขอบเขตการตีความสัญญาค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้ายักยอกเอาเงินไปโดยไม่นำส่งมอบให้แก่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นสมุห์บัญชีแล้วจำเลยที่ 3 ไม่ได้ติดตามตรวจสอบเรียกเงินหรือบิลใบเสร็จรับเงินจากจำเลยที่ 1 ตามหน้าที่เพื่อนำมาลงบัญชีเงินสดรับจ่ายประจำวันเสนอให้จำเลยที่ 4 ที่ 5 ปลัดสุขาภิบาลในฐานะกรรมการรักษาเงินทำการตรวจสอบจำเลยที่ 4 ที่ 5 ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 3 โดยตรงจำเลยที่ 4 ที่ 5 ตรวจสอบหลักฐานบัญชีการรับจ่ายเงินตามปกติไม่มีข้อบกพร่อง การที่จำเลยที่ 1 เบียดบังยักยอกเอาเงินของโจทก์ไปจึงไม่เป็นผลอันเกิดจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 4 ที่ 5
ข้อที่ว่าต้องตีความในสัญญาค้ำประกันมิให้เป็นที่เสียหายแก่ผู้ค้ำประกันนั้นเมื่อสัญญาค้ำประกันมีข้อความแจ้งชัดไม่มีข้อจำกัดเฉพาะการขับรถจึงไม่จำเป็นต้องตีความเป็นอย่างอื่นและการที่จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาไว้ว่าจะรับผิดชดใช้เงินที่ยักยอกให้แก่โจทก์นั้น ก็หาเข้าลักษณะที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 700 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อันจะทำให้จำเลยที่ 8 ในฐานะผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดอีกต่อไปไม่
of 27