พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การติชมเจ้าพนักงานด้วยความสุจริตและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
บุตรจำเลยถูกตำรวจจับข้อหาขับรถจักรยานยนต์ไม่มีใบขับขี่ไม่เสียภาษีขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียว และรถถูกยึดไปไว้ที่สถานีตำรวจ จำเลยไปติดต่อกับโจทก์ซึ่งเป็นสารวัตรจราจร เพื่อขอรับรถคืน โจทก์เป็นเจ้าพนักงานที่จะต้องปฏิบัติการตามหน้าที่เกี่ยวกับคดีที่บุตรจำเลยต้องหา แทนที่จะพูดให้จำเลยเข้าใจ กลับพูดแรงไป การที่จำเลยส่งข้อความไปลงหนังสือพิมพ์ถึงอธิบดีกรมตำรวจซึ่งเป็นเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์ มีใจความเป็นการแสดงความเสียใจน้อยใจของจำเลย และขอร้องให้ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจสอดส่องตักเตือนตำรวจให้พูดจาแนะนำประชาชนในสิ่งที่ประชาชนไม่รู้อย่างสุภาพ เพื่อให้ตำรวจเข้ากับประชาชนได้ จึงเป็นการติชมโจทก์ด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ และจำเลยลงข้อความนั้นโดยสุจริตตามเรื่องที่เกิดแก่จำเลย กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทและฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องผูกพันตามคำพิพากษาเดิม แม้มีสัญญาจะซื้อจะขายกับบริษัทตัวแทน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และผู้รับโอน
โจทก์เคยฟ้อง ถ. เจ้าของที่พิพาทกับบริษัท ท. เป็นจำเลยอ้างว่า ถ. ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้แก่บริษัท ท. แล้วต่อมาบริษัท ท. ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีนิติสัมพันธ์กับ ถ. ไม่เกิดอำนาจฟ้องบังคับให้ ถ. ส่งมอบที่พิพาทให้แก่โจทก์ คำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์กับ ถ. ซึ่งเป็นคู่ความคดีเดิมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ถ. เป็นคดีนี้โดยอ้างว่า ถ. นำที่พิพาทไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความโอนให้แก่ ส. ทำให้โจทก์เสียหายเนื่องจากโจทก์ได้ทำหนังสือจะซื้อจะขายที่พิพาทจากบริษัท ท. ผู้ซึ่งได้ทำหนังสือจะซื้อจะขายไว้จาก ถ. และโจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ส. ผู้รับโอนที่พิพาทตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความจาก ถ. เป็นคดีนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนด: สิทธิขับไล่จากการเช่าโดยไม่มีหลักฐาน
โฉนดมีชื่อโจทก์ สันนิษฐานว่าโจทก์เป็นเจ้าของโจทก์อ้างว่าให้จำเลยเช่า จำเลยอ้างว่าครอบครองเป็นเจ้าของ โจทก์ออกโฉนดโดยไม่สุจริต จำเลยมีหน้าที่นำสืบจำเลยนำสืบไม่สม ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยได้ การเช่าไม่มีเอกสารเป็นหลักฐาน ไม่ห้ามฟ้องขับไล่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินภาษีอากรขาเข้าและเงินวางประกันค่าอากรเพิ่ม กรณีส่งสินค้าออกไปจำหน่ายต่างประเทศ และการประเมินราคาภาษี
โจทก์ได้เสียภาษีอากรสำหรับสินค้าปลากระป๋องเที่ยวที่ 8 ตามใบขนสินค้าขาเข้า คืออากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล รวม 227,046.41 บาท ให้กรมศุลกากรจำเลยไว้แล้วสินค้าปลากระป๋องเที่ยวนี้โจทก์ได้ส่งกลับออกไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ทั้งหมดและได้ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรดังกล่าวจากจำเลยแล้วซึ่งในกรณีเช่นนี้จำเลยจะต้องคืนเงินอากรขาเข้าให้แก่โจทก์เก้าในสิบส่วนหรือส่วนที่เกินหนึ่งพันบาทของจำนวนที่ได้เรียกเก็บไว้แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่าตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2482 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 18 และคืนภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์วิธีการและอัตราส่วนเช่นเดียวกับการคืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 78 นว แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2513 มาตรา 11 ฉะนั้น จำเลยจึงต้องคืนเงินภาษีการค้าให้โจทก์ 224,670.94 บาท จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ต้องชำระภาษีการที่จำเลยเรียกเก็บเพิ่มจากโจทก์สำหรับสินค้าปลากระป๋องทั้ง 8 เที่ยวให้จำเลยเสียก่อนจึงจะคืนเงินภาษีอากรให้โจทก์ตามมาตรา 112 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 15 หาได้ไม่ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องให้อำนาจอธิบดีกักของไว้จนกว่าจะได้รับชำระเงินอากรที่ค้างครบถ้วนเป็นคนละเรื่องกัน และจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่โจทก์ขอคืนและจำเลยไม่คืนให้ซึ่งถือว่าเป็นวันที่โจทก์ผิดนัด
โจทก์วางเงินประกันค่าอากรเพิ่มสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 8 ไว้คุ้มค่าอากรที่จำเลยประเมินเพิ่ม จำเลยจึงเรียกเก็บเงินประกันค่าอากรเพิ่มเป็นค่าอากรตามที่ประเมินไว้ได้ทันทีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 แต่เมื่อเงินประกันค่าอากรเพิ่มที่จำเลยเรียกไว้เกินจำนวนที่โจทก์ต้องเสียเพิ่ม จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 0.625 บาทต่อเดือน ตามมาตรา 112จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว
โจทก์วางเงินประกันค่าอากรเพิ่มสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 8 ไว้คุ้มค่าอากรที่จำเลยประเมินเพิ่ม จำเลยจึงเรียกเก็บเงินประกันค่าอากรเพิ่มเป็นค่าอากรตามที่ประเมินไว้ได้ทันทีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 แต่เมื่อเงินประกันค่าอากรเพิ่มที่จำเลยเรียกไว้เกินจำนวนที่โจทก์ต้องเสียเพิ่ม จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 0.625 บาทต่อเดือน ตามมาตรา 112จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนภาษีอากรขาเข้าและเงินวางประกันกรณีส่งออกสินค้าคืน และการประเมินราคาภาษีอากรเพิ่มเติม
โจทก์ได้เสียภาษีอากรสำหรับสินค้าปลากระป๋องเที่ยวที่ 8 ตามใบขนสินค้าขาเข้า คืออากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล รวม 227,046.41 บาท ให้กรมศุลกากรจำเลยไว้แล้ว สินค้าปลากระป๋องเที่ยวนี้โจทก์ได้ส่งกลับออกไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ทั้งหมดและได้ยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรดังกล่าวจากจำเลยแล้วซึ่งในกรณีเช่นนี้จำเลยจะต้องคืนเงินอากรขาเข้าให้แก่โจทก์เก้าในสิบส่วน หรือส่วนที่เกินหนึ่งพันบาทของจำนวนที่ได้เรียกเก็บไว้แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่าตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พุทธศักราช 2482 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 18 และคืนภาษีการค้าภาษีบำรุงเทศบาล ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์วิธีการและอัตราส่วนเช่นเดียวกับการคืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรดังที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 78 น.ว. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 20) พ.ศ.2513 มาตรา 11 ฉะนั้น จำเลยจึงต้องคืนเงินภาษีการให้โจทก์ 224,670.94 บาท จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ต้องชำระภาษีการที่จำเลยเรียกเก็บเพิ่มจากโจทก์สำหรับสินค้าปลากระป๋องทั้ง 8 เที่ยวให้จำเลยเสียก่อนจึงจะคืนเงินภาษีอากรให้โจทก์ตามมาตรา 112 เบญจ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 ข้อ 15 หาได้ไม่ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องให้อำนาจอธิบดีกักของไว้จนกว่าจะได้รับชำระเงินอากรที่ค้างครบถ้วนและเป็นคนละเรื่องกัน และจำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อไปนับแต่วันที่โจทก์ขอคืนและจำเลยไม่คืนให้ซึ่งถือว่าเป็นวันที่โจทก์ผิดนัด
โจทก์วางเงินประกันค่าอากรเพิ่มสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 8 ไว้คุ้มค่าอากรที่จำเลยประเมินเพิ่ม จำเลยจึงเรียกเก็บเงินประกันค่าอากรเพิ่มเป็นค่าอากรตามที่ประเมินไว้ได้ทันทีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 แต่เมื่อเงินประกันค่าอากรเพิ่มที่จำเลยเรียกไว้เกินจำนวนที่โจทก์ต้องเสียเพิ่ม จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 0.625 บาทต่อเดือน ตามมาตรา 112 จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว
โจทก์วางเงินประกันค่าอากรเพิ่มสำหรับสินค้าเที่ยวที่ 8 ไว้คุ้มค่าอากรที่จำเลยประเมินเพิ่ม จำเลยจึงเรียกเก็บเงินประกันค่าอากรเพิ่มเป็นค่าอากรตามที่ประเมินไว้ได้ทันทีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 112 ทวิ ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 329 แต่เมื่อเงินประกันค่าอากรเพิ่มที่จำเลยเรียกไว้เกินจำนวนที่โจทก์ต้องเสียเพิ่ม จำเลยก็ต้องคืนเงินส่วนที่เกินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 0.625 บาทต่อเดือน ตามมาตรา 112 จัตวา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขภาพถ่ายเพื่อแสดงตนเป็นผู้รับปริญญา ไม่ถือเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากขาดความหมายอันเป็นสาระสำคัญ
จำเลยนำภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต รวม 2 ภาพกับภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1ภาพ ซึ่งเป็นภาพอันแท้จริงมา นำเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงไปในตำแหน่งใบหน้าของผู้มีชื่อ และแก้เลข พ.ศ.2508 ในภาพผู้มีชื่อถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาภาพหนึ่ง เป็น พ.ศ.2504 แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่ กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตรวม 2 ภาพ และเป็นภาพจำเลยสวมครุยปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 1 ภาพ แล้วนำภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพใส่กรอบติดไว้ในร้านขายยาของจำเลย
ดังนี้ การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2 ภาพ กับภาพถ่ายจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1 ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสารส่วนที่ภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า 'มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 2504' ซึ่งตัวเลข 2504จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร จึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือทำให้ภาพถ่ายที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง
ดังนี้ การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2 ภาพ กับภาพถ่ายจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1 ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสารส่วนที่ภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า 'มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 2504' ซึ่งตัวเลข 2504จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร จึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือทำให้ภาพถ่ายที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ที่ทำหลังอายุความขาดแล้ว ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง และไม่ถือเป็นการรับสภาพหนี้โดยสัญญา
ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ฝ่ายเดียว เมื่อหนี้ขาดอายุความแล้ว และขอผ่อนผันการดำเนินคดี เจ้าหนี้ไม่ตอบรับ ไม่เป็นการรับสภาพหนี้โดยสัญญา ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1427/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดเบี้ยปรับสัญญาจ้าง กรณีลูกจ้างลาศึกษาต่อแล้วไม่กลับเข้าทำงาน ศาลพิจารณาเหตุผลและทางได้เสียของคู่สัญญา
ลานายจ้างไปศึกษาต่างประเทศโดยรับเงินเดือนระหว่างลามีสัญญาว่าถ้าไม่กลับมาทำงานตามเดิมจะคืนเงินและปรับอีก 1 เท่าของเงินเดือนระหว่างลา ศาลลดเบี้ยปรับลงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าธรรมเนียมและค่าเสียหายที่วางศาลเมื่อเหตุแห่งการวางเงินสิ้นสุดลง แม้ผลคดีต่อมาจะแพ้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ มาวางศาลพร้อมกับนำเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษามาวางศาลตามคำสั่ง เพื่อให้ศาลอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น ถือได้ว่า เงินค่าทนายความที่จำเลยวางเป็นเงินค่าธรรมเนียมที่วางไว้เพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ ส่วนเงินค่าเสียหายเป็นเงินที่วางตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับคดี เมื่อต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่แล้ว เหตุแห่งการวางเงินดังกล่าวย่อมหมดสิ้นไป และไม่มีบทกฎหมายใดที่ให้อำนาจศาล ยึดเงินที่วางไว้ในกรณีดังกล่าวต่อไปได้ศาลจึงชอบที่จะคืนเงินดังกล่าวให้แก่จำเลย ส่วนการที่ต่อมา ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทพร้อมกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ก็เป็นคำพิพากษาใหม่ไม่เกี่ยวเนื่องกับเงินที่จำเลยได้วางไว้ในกรณีดังกล่าวข้างต้นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและเจ้าของที่ดินต่อความเสียหายจากงานก่อสร้าง การประเมินความผิดและขอบเขตความรับผิด
การที่จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาล แม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ก็ไม่ได้ล่วงสิทธิของโจทก์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสมุด หนังสือ ฯลฯ ที่เสียหายอันเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อในการก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ 2 โดยทำให้รางน้ำและท่อน้ำฝนของโจทก์อุดตัน น้ำฝนไหลเข้าเปียกสมุด หนังสือ ฯลฯของโจทก์ที่มีไว้ขายเสียหาย มิได้เรียกร้องค่าเสียหายอันเกี่ยวกับตัวฝาผนังที่ฝ่ายจำเลยใช้เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายที่จำเลยที่ 1 หรือลูกจ้างจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์