คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สีห์ คลายนสูตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 117 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2405/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความร้องทุกข์ฐานบุกรุกกับความเสียหายต่อทรัพย์สิน: ข้อความในคำแจ้งความต้องชัดเจนถึงความเสียหาย
แจ้งต่อตำรวจบันทึกไว้ว่า จำเลยบุกรุกเข้ามาปักเสาหินล้อมเขตที่ดินของผู้เสียหาย เป็นการร้องทุกข์ในข้อหาบุกรุก ไม่ใช่ตัดลวดหนามทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2400/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปืนมีทะเบียนไม่ใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบ แม้ใช้ในการกระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และประมวลกฎหมายอาญา
อาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยิงปืนในหมู่บ้านนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไปเช่นกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2400/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืนที่มีทะเบียน: วัตถุแห่งการกระทำผิด มิใช่ทรัพย์สินที่ต้องริบตามกฎหมาย
อาวุธปืนของกลางเป็นปืนมีทะเบียนซึ่งจำเลยได้รับอนุญาตให้มีตามกฎหมายจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดอันจะต้องริบตามประมวบกฎหมายอาญา มาตรา 32 การที่จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวได้พาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปในทางสาธารณะและหมู่บ้านและยืนปืนในหมู่บ้านนั้น ไม่ทำให้อาวุธปืนของกลางที่มีใบอนุญาตแล้วกลายเป็นอาวุธปืนที่ผิดกฎหมายไปด้วย แต่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิด ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆไป แม้กรณีเป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) กฎหมายก็บัญญัติให้ศาลมีอำนาจหรือให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งริบหรือไม่ริบก็ได้ ไม่ใช่บทบังคับที่ศาลจะต้องสั่งริบเสมอไป เช่น กรณีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีไม้แปรรูปแกะสลักเพื่อค้าโดยไม่มีใบอนุญาต: การพิจารณาความผิดฐานครอบครองเพื่อค้าและเคลื่อนย้ายไม้
จำเลยรับใบอนุญาตค้าไม้แปรรูป จำเลยขนไม้แปรรูปจากโรงงานอีกแห่งหนึ่งซึ่งจำเลยจ้างให้สลักลวดลาย โดยโรงงานมิได้ออกใบอนุญาตกำกับ จำเลยไม่มีความผิดฐานมีไม้เพื่อการค้าโดยไม่มีใบอนุญาต ลงโทษในความผิดฐานขนไม้แกะสลักเคลื่อนที่ ฯ ไม่ได้ เป็นเรื่องนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2337/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับไล่และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของผู้อื่น แม้มิได้ขอในคำฟ้อง ศาลสั่งได้ตามความจำเป็น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและที่ดินของโจทก์ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินเป็นของโจทก์ แต่บ้านเป็นของจำเลย แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อบ้านออกไปจากที่พิพาท แต่การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่พิพาทนั้นก็ไม่เกินไปกว่าคำขอท้ายฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะเมื่อโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อไปแล้วจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยซึ่งอยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินและผลของการทำพินัยกรรมยกทรัพย์สิน การฟ้องแย่งครอบครองที่ไม่สมบูรณ์
ที่ดินของจำเลยร่วม โจทก์ฟ้องว่าเป็นของโจทก์ ขอให้ห้ามจำเลยขัดขวางมิให้โจทก์ออก น.ส.3 จำเลยร่วมมีส่วนได้เสีย ขอเข้าเป็นจำเลยร่วมได้
ขณะจำเลยเบิกความเป็นพยาน จำเลยร่วมได้นั่งฟังคำเบิกความอยู่ด้วย ถ้าศาลเห็นว่าคำเบิกความของจำเลยร่วมเป็นพยาน เป็นที่เชื่อฟังได้ ศาลไม่ถือว่าคำพยานนั้นผิดระเบียบก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2274/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมต่อเจ้าของรวม และข้อยกเว้นสิทธิภารจำยอม
เจ้าของรวมในที่ดินคนหนึ่งทำยอมความกับจำเลยในคดีแพ่งว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของตน และไม่เข้าเกี่ยวข้อง ศาลพิพากษาตามยอม เป็นการใช้สิทธิต่อสู้คนภายนอก คำพิพากษาจึงผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรวมด้วย ซึ่งโจทก์เข้าเถียงกรรมสิทธิ์กับจำเลยอีกไม่ได้ แต่ไม่ห้ามโจทก์โต้เถียงว่าเป็นภารจำยอม ซึ่งมิได้ทำยอมไว้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความผิดเช็ค: เริ่มนับจากปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้เป็นการปฏิเสธด้วยวาจา
เมื่อโจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจะจ่ายตามเช็คนั้น จึงให้ติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น แม้จะเป็นการปฏิเสธด้วยวาจา เพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดวันจากการใช้เช็คก็ดี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช็คก็ดีไม่ได้บัญญัติไว้ว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คต้องทำเป็นหนังสือ ความผิดของจำเลยจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์และนำคดีมาฟ้องภายหลังรู้เรื่องความผิด และรู้ว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเวลา 8 เดือนเศษคดีโจทก์ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2252/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเช็ค: การปฏิเสธการจ่ายเงินด้วยวาจาถือเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
เมื่อโจทก์นำเช็คไปเบิกเงิน ธนาคารมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจะจ่ายตามเช็คนั้น จึงให้ติดต่อกับผู้สั่งจ่าย ถือได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น แม้จะเป็นการปฏิเสธด้วยวาจา เพราะตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คก็ดี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยเช็คก็ดี ไม่ได้บัญญัติไว้ว่าการปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คต้องทำเป็นหนังสือ ความผิดของจำเลยจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้น เมื่อโจทก์มิได้ร้องทุกข์และนำคดีมาฟ้องภายหลังรู้เรื่องความผิด และรู้ว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นเวลา 8 เดือนเศษ คดีโจทก์ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำละเมิดของตัวแทนไม่ถือว่าโจทก์รู้ด้วย
โจทก์เพียงแต่มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงดูแลรักษาซ่อมแซมเสาไฟฟ้าและโคมไฟของโจทก์ที่ติดตั้งในถนนสาธารณะ ตลอดจนเป็นผู้แจ้งความตีราคาค่าเสียหายและติดตามเรื่องในกรณีที่เสาไฟฟ้าถูกรถชนเท่านั้น หาได้มอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวงติดตามเรียกร้องค่าเสียหายหรือมอบหมายให้ดำเนินคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดอันจะถือว่าเป็นตัวแทนไม่ฉะนั้น การที่การไฟฟ้านครหลวงซึ่งเป็น นิติบุคคลต่างหากจากโจทก์รู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2518 จะถือว่าโจทก์รู้ด้วยใน วันที่ดังกล่าวไม่ได้คดีนี้โจทก์ผู้เสียหายทราบเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดจากการไฟฟ้านครหลวงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2519 ซึ่งนับถึงวันฟ้องไม่เกิน 1 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
of 12